บทที่ 862 ในที่สุดก็เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

“หมอคิตตี้ครับ”

“คะ?” เธอตื่นจากภวังค์ รีบเก็บโทรศัพท์มือถือ พลางหันกลับไปมองผู้ที่อยู่ด้านหลัง

เป็นปาเวซนั่นเอง เขาเห็นว่าเธอนานแล้วที่ไม่ได้เข้าไป จึงเดินออกมาหา

“ไม่มีอะไรหรอกครับ คือเมื่อครู่เห็นคุณกำลังยืนอยู่ในสวนดอกไม้นี้ รู้สึกว่าสวยงามเป็นอย่างมาก ผมขออนุญาตถ่ายรูปให้คุณได้ไหมครับ?”

ปาเวซช่วงนี้สีหน้าดีขึ้นมาเยอะมากแล้ว แม้แต่วีลแชร์ก็ไม่ต้องนั่งแล้ว เมื่อเดินมาถึงตรงหน้าเธอ จึงยกกล้องที่อยู่ในมือขึ้นมา

เส้นหมี่ : “………”

เดิมทีอารมณ์ก็ไม่สู้จะดีอยู่แล้ว จึงไม่อยากจะถ่ายรูป

แต่เมื่อเห็นความกระตือรือล้นของชายหนุ่มผู้นี้ นึกถึงอาการป่วยของเขา ก็ปฏิเสธไม่ลง สุดท้ายจึงทำได้เพียงพยักหน้า

ปาเวซดีใจเป็นอย่างมาก รีบหยิบกล้องมาถ่ายรูปให้เธอไปหลายใบทันที

“หมอคิตตี้ครับ มีคนเคยบอกคุณไหมครับว่า ตาของคุณสวยมากเลยครับ?”

“ว่ายังไงนะคะ?”

“คุณดูสิครับ รูปที่ผมถ่ายมา ตาของคุณ ช่างเหมือนกับอัญมณีจริงๆ ความพิสุทธิ์ภายใน แม้แต่ดอกไม้สดเหล่านี้ก็เทียบไม่ได้”

ปาเวซถือกล้องเดินมาหาเธอ พร้อมกับเอารูปถ่ายที่เพิ่งถ่ายไปเมื่อสักครู่ออกมาให้เธอดู

ดวงตาของเส้นหมี่ ช่างสวยงามเสียจริง

ผู้คนที่เคยพบเธอ ต่างพบแล้วไม่ลืมเลือน รวมถึงคณาธิปในสมัยเด็ก และแสนรักในช่วงเวลาต่อมา

แต่ตอนนี้ หลังจากเส้นหมี่ได้ฟัง ก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ว่า เมื่อคนผู้นี้เข้ามาใกล้ เธอรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

“คุณไวท์คะ นี่ก็สายมากแล้ว ดิฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ” เธออดทนไม่กล่าวคำใด รีบเตรียมตัวออกจากที่นี่

ปาเวซกลับไม่ได้พูดอะไร

หากแต่ว่า เมื่อเขามองเห็นช่วงเวลาที่สุภาพสตรีคนนี้หันตัวกลับ อดกลั้น เขาจึงหัวเราะอยู่ด้านหลังเบาๆ : “แต่ว่า ผมยิ่งอยากรู้ ใบหน้าด้านล่างของดวงตาคู่นี้ ยิ่งสวยงามกว่านี้มากใช่ไหมครับ”

“คุณว่าอะไรนะคะ?”

เส้นหมี่หยุดทันที หลังจากนั้นไม่นาน ดวงตาทั้งสองข้างของเธอก็เบิกกว้าง ราวกับมีคลื่นระลอกใหญ่จ้องไปที่เขา

เขาทำไมถึง….ทำไมถึง?!!

ปาเวซหัวเราะอีกครั้งพลางกล่าว : “คุณไม่ต้องตื่นเต้นครับ ผมไม่พูดออกไปหรอก ผมทราบดีว่าที่หมอคิตตี้ไม่ยอมเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงออกมา คงมีเหตุผลของเธอแน่นอน”

“……….”

ในหัวมีแต่เสียง “ซือออ”!

ในที่สุด ครั้งนี้ เส้นหมี่ยืนอยู่ตรงนั้น ราวกับได้ยินด้านในมีอะไรระเบิดออกมา ความคิดทั้งหมดทั้งมวลของเธอพลันเปลี่ยนเป็นว่างเปล่า

เธอไม่อยากที่จะเชื่อว่า คนที่ป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หายคนนี้ กลับมองออกว่าเธอใส่หน้ากากปลอมอยู่!

ส่วนเธอนั้น เดิมทีก็ไม่ได้สนิทสนมกับเขาเท่าไหร่นัก

“ดิฉันไม่ทราบว่าคุณกำลังพูดอะไร ถ้าหากไม่มีธุระอะไรแล้ว ดิฉันขอตัวค่ะ” เส้นหมี่พูดแข็งขืน หลังจากเธอกล่าวจบ ก็หันตัวกลับเตรียมเดินจากไป

ในช่วงเวลานี้ ที่เรื่องราวยังไม่ชัดเจน การเดินจากไปย่อมเป็นแผนที่ดี

แต่กลับกลายเป็นว่าสายไปเสียแล้ว

เมื่อเธอเพิ่งหันหลังกลับ ด้านหน้าของสวนดอกไม้ กลับปรากฏคนผู้หนึ่ง สองมือของเขาซ้อนกันยืนอยู่ตรงนั้น แสดงให้เห็นว่าขวางไม่ให้เธอออกไป

เมื่อม็อกโกได้ยินว่าคิตตี้ แพทย์ของโรงพยาบาล ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างร้ายแรงหลังเลิกงาน เขาถึงกับสลบไป หลังจากฟื้นขึ้นมา เขาจึงรีบไปที่โรงพยาบาลทันที

“เธอเป็นอย่างไรบ้างครับ? สาหัสไหมครับ?”

“ไมมีหวังเลย เมื่อผมมาถึงเธอก็อยู่ในห้องผ่าตัดแล้ว”

ไพบูลย์ก็เพิ่งมาถึงอย่างร้อนรนเช่นเดียวกัน หลังจากพบม็อกโกแล้ว ก็เอ่ยปากอย่างเคร่งเครียด

ม็อกโกครั้นได้ฟัง พลางเห็นไฟห้องผ่าตัดยังมีสีแดง สีหน้าซีดแล้วซีดอีก หัวใจแทบจะแข็งทื่อไปในบัดดล

ทำไมจู่ๆถึงเกิดอุบัติเหตุได้?

ไม่ง่ายเลยกว่าที่เธอจะกลับมามีชีวิตใหม่ แล้วนี่มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกได้อย่างไร?

ม็อกโกรู้สึกว่าตนแทบจะเป็นบ้าแล้ว นี่เกือบจะเป็นครั้งแรกที่เขาโทรศัพท์หาแสนรัก จำต้องบอกเรื่องนี้กับเขา แต่แสนรักที่อยู่ในค่ายทหาร เนื่องจากการขัดขวางของไชยันต์ ใครก็ไม่สามารถติดต่อกับเขาได้

ท้ายที่สุด ม็อกโกถูกบีบจนหมดหนทาง จึงได้แต่ขับรถไปเองอีกครั้ง

ผลสุดท้าย ไม่ง่ายเลยกว่าที่เขาจะเข้าไปในค่ายทหาร ได้เจอกับผู้บัญชาการที่เป็นผู้ฝึกแสนรัก ผู้บัญชาการนั้นกลับบอกกับเขาว่า แสนรักหายตัวไปจากที่นี่นานแล้ว

อะไรกันเนี่ย!

ม็อกโกพังไม่เป็นท่าแล้ว

เขารู้เรื่องนี้แล้วใช่ไหม? กลายเป็นบ้าไปอีกแล้ว?

ม็อกโกไม่กล้าคิดเรื่องนี้อีก จิตใจว้าวุ่น เขาทำได้เพียงรีบกลับไปที่โรงพยาบาล ในที่สุด ไม่ผิดจากที่คาดไว้ หลังจากเขามาถึง ที่ประตูห้องผ่าตัด มีผู้ชายใส่ชุดฟอร์มทหารอยู่คนหนึ่งจริงๆ เขาอยู่ตรงนั้นแล้ว

เวลานี้ เขาจ้องมองไปที่ประตูบานเลื่อนที่ปิดสนิทอยู่ ความรู้สึกราวกับพายุโหมกระหน่ำ ช่างน่ากลัวเสียจริง

“รัก นายใจเย็นๆก่อนนะ เธอ….”

“คนตระกูลไวท์ทำใช่ไหม?”

เขาถามมาหนึ่งประโยค

การฝึกที่ยาวนานเดือนกว่า ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว โครงหน้าก็ยิ่งคมคาย แต่บัดนี้ เขาเย็นชาเสียจนใบหน้าไม่แสดงความรู้สึกใดๆ กลับเหมือนหยกสลักที่หนักอึ้ง นอกจากจะขาวซีดจนแทบมองทะลุได้ ยังมีไอสังหารที่แผ่ปกคลุมไปทั่ว

ม็อกโกตะลึงไปชั่วขณะ

เวลาผ่านไปสักครู่ เขาถึงผงกศีรษะ : “ตอนเธอเกิดอุบัติเหตุ คือตอนที่กลับมาจากบ้านปาเวซ ความหมายของนายคือ….เธอไม่ใช่เจออุบัติเหตุธรรมดาเหรอ?”

“คนที่ปาเวซต้องการฆ่ามาโดยตลอดคือชั้น!”

“………”

“มันอยากให้ชั้นเป็นบ้า แบบนี้ มันก็ไม่ต้องลงมือเอง”

ในช่วงขณะนั้นเอง เขายืนอยู่ตรงนั้นพลางหัวเราะ ดวงตาที่บิดเบี้ยวและบ้าคลั่งจ้องไปที่ห้องผ่าตัดที่ไฟยังสว่างอยู่ ผู้คนที่พบเห็นต่างสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว!