“ไม่จำเป็น! ” เป่ยถังเย่พูด “มีหลีเอ๋อร์คอยออกหน้าจัดการ บางเรื่องทำได้สะดวกกว่า! ”
องครักษ์ลังเลเล็กน้อย ทว่ายังพูดอย่างระมัดระวัง “เรื่องนี้ไม่ต้องบอกให้คุณหนูจิ่วรู้หรือพ่ะย่ะค่ะ? หากคุณหนูจิ่วรู้เรื่องนี้ภายหลัง นางอาจเข้าใจท่านอ๋องน้อยผิดไปก็ได้พ่ะย่ะค่ะ? ”
เป่ยถังเย่หันกลับไปมองทางเรือนของเป่ยถังหลีด้วยสายตาลึกซึ้งโดยไม่พูดอันใด ก่อนจะหันหลังเดินจากไป องครักษ์ไม่ถามอันใดอีก เขากลับไปซ่อนตัวอยู่ในเงามืดทันที
หลังจากเป่ยถังหลีเดินเข้ามาภายในเรือน ซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยา และคนอื่นๆ ก็รีบออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว
เมื่ออวิ๋นจิ่นเห็นสีหน้าซีดขาวด้วยความตื่นตระหนกของเป่ยถังหลี เขาก็เดินเข้าไปด้านหน้าและยื่นยาเม็ดให้นาง
“แม่นางเป่ยถัง นี่คือยาเม็ดน้ำค้างคลายกังวล หลังจากทานเข้าไปจะช่วยเรื่องปรับลมหายใจของคุณหนูได้ ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย”
เป่ยถังหลีรับยาเม็ดมา “ขอบคุณคุณชายอวิ๋น! ”
“แม่นางเป่ยถังไม่ต้องขอบคุณ วันนี้คุณหนูปกป้องพวกเรา คนที่ควรขอบคุณควรจะเป็นพวกเรามากกว่า! ”
เป่ยถังหลีเงยหน้าขึ้น พลางเหลือบมองซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยา ตงหลิงหวง และอู๋จุน “ในเมื่อพี่เย่ออกไปแล้ว เขาจะไม่กลับมาอีกสักระยะหนึ่ง ทว่าพวกท่านอยู่ที่นี่นานไม่ได้เช่นกัน เพื่อไม่ให้พี่เย่เกิดความสงสัย”
จุดนี้ ซูจิ่นซีและคนอื่นๆ ย่อมคิดไว้อยู่แล้ว
“พวกเราจะรีบไปให้เร็วที่สุด”
เป่ยถังหลีเม้มริมฝีปาก ก่อนจะเดินเข้าไปหาซูจิ่นซีด้วยความยากลำบาก ทันใดนั้นก็คุกเข่าลงกับพื้น
ซูจิ่นซีพลันขมวดคิ้ว “เจ้ากำลังทำสิ่งใด? ”
เป่ยถังหลีพูดว่า “พระชายาโยวอ๋อง ข้ารู้ว่าวรยุทธ์พวกท่านสูงส่ง มีเพียงไม่กี่คนในอาณาจักรเทียนเหอที่เป็นคู่ต่อสู้ของพวกท่าน เพราะฉะนั้น วันนี้ข้าต้องการขอร้องท่านเรื่องหนึ่ง ขอร้องให้พวกท่านช่วยมารดาข้าด้วย”
“นี่เป็นเงื่อนไขที่เจ้าพูดเมื่อครู่หรือ? ”
เป่ยถังหลีพยักหน้า “พระชายาโยวอ๋อง นอกจากท่านแล้ว ข้านึกไม่ออกว่าใครจะทำสิ่งนี้ได้ ข้าขอร้อง! ขอเพียงช่วยมารดาข้าได้ ต่อให้ภายหน้า แม้บุกป่าฝ่าดง ข้า เป่ยถังหลีจะต้องตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ของพวกท่านอย่างแน่นอน! ”
ซูจิ่นซีประคองเป่ยถังหลีลุกขึ้น “เด็กโง่ เรื่องบุกป่าฝ่าดงเหล่านี้ ไม่ต้องให้เจ้าลงมือ ในเมื่อข้ารับปากเจ้าแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะเสนอเงื่อนไขอันใด ข้าไม่มีทางคืนคำ เจ้าอธิบายรายละเอียดให้พวกเราฟังก่อนเถิด เรื่องราวเป็นมาอย่างไรกันแน่? ”
จากนั้น ทุกคนก็เดินเข้าไปในห้อง เป่ยถังหลีเล่าเรื่องมารดาของนางให้ซูจิ่นซีและคนอื่นๆ ฟังอย่างละเอียดอีกครั้ง
ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาเพิ่งรู้ว่ามารดาของเป่ยถังหลีไม่ใช่ลูกสะใภ้ของสกุลเป่ยถัง แต่เป็นเป่ยถังฉินเกอ คุณหนูแห่งสกุลเป่ยถัง เป่ยถังหลีใช้แซ่ของมารดานาง ไม่ได้ใช้แซ่ของบิดา
ในตอนนั้น มารดาของเป่ยถังหลียังเป็นคุณหนูของสกุลเป่ยถัง นางบังเอิญได้ช่วยชีวิตบุรุษผู้หนึ่งที่บุกเข้ามาภายในแคว้นเป่ยอี้ นั่นก็คือหลานเสวียนหมิง บิดาของเป่ยถังหลี ทว่าเป็นเพราะโชคชะตาของคุณหนูเป่ยถังได้ถูกกำหนดโดยสกุลเป่ยถัง พวกเขาต้องการให้นางขึ้นภูเขาคุนหลุนและสืบทอดตำแหน่งเทพธิดาเผ่าเม้ยคนต่อไป ดังนั้น ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองจึงถูกขัดขวางทุกวิถีทาง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเวลาต่อมา แม่นางเป่ยถังผู้นี้ตั้งครรภ์ นางจึงถูกลงโทษตามกฎของสกุลเป่ยถังและถูกส่งไปยังแท่นจิ่วโยว ไม่มีวันได้พบเห็นแสงสว่างตลอดไป
หลังจากซูจิ่นซีได้ยินเรื่องนี้ นางก็ขมวดคิ้วแน่น
ความจริงที่ว่า ไม่อนุญาตให้เทพธิดาเผ่าเม้ยแต่งงานกับคนนอกเชื้อสาย เมื่อหลายพันปีก่อน นางทราบเรื่องนี้อยู่แล้ว กลับไม่คิดว่ายังสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
เป่ยถังหลีเห็นซูจิ่นซีนิ่งเงียบไปเป็นเวลานาน นางจึงคุกเข่าต่อหน้าซูจิ่นซีอีกครั้ง “พระชายาโยวอ๋อง ข้ารู้ว่าการช่วยใครบางคนขึ้นมาจากแท่นจิ่วโยวไม่ใช่เรื่องง่าย ทว่าตอนนี้มีเพียงพวกท่านเท่านั้นที่ทำได้ ได้โปรดช่วยมารดาของข้าด้วย ได้โปรดช่วยนางด้วย! ”
ซูจิ่นซีประคองเป่ยถังหลีลุกขึ้น และพูดด้วยท่าทางจริงจัง “เรื่องที่ข้ารับปากเจ้าแล้ว ไม่ว่าจะยากเพียงใด ข้าจะไม่คืนคำ! ”
เป่ยถังหลีแสดงสีหน้าซาบซึ้ง “ขอบพระทัยพระชายาโยวอ๋องยิ่งนัก ขอบพระทัยพระชายาโยวอ๋อง” หลังจากพูดจบ นางก็หันมาพูดกับทุกคนว่า “ขอบคุณทุกท่าน ขอบคุณทุกท่าน! ”
ซูจิ่นซีพูดว่า “เจ้าลองอธิบายว่าใต้แท่นจิ่วโยวเป็นอย่างไรบ้าง? พวกเราจะได้คิดแผนการช่วยมารดาของเจ้าอย่างรอบคอบที่สุด”
“ตกลง! ” เป่ยถังหลีพยักหน้า ก่อนจะพูดอย่างละเอียด “ตามตำนาน แท่นจิ่วโยวเป็นสมบัติล้ำค่าสมัยโบราณ เป็นดินแดนต้องห้ามในแคว้นเป่ยอี้มานานหลายปี ใครก็ตามที่เป็นคนทรยศต่อแคว้นเป่ยอี้ หรือคนที่ทำผิดอย่างมหันต์ จะถูกคุมขังภายใต้แท่นจิ่วโยว อีกทั้งภายใต้แท่นจิ่วโยวยังมีสัตว์ร้าย คนโฉด และสัตว์นานาชนิดปะปนอยู่ กล่าวกันว่าเป็นสถานที่อันตรายอย่างยิ่ง ทว่าข้าไม่เคยลงไปใต้แท่นจิ่วโยว ข้าจึงไม่รู้รายละเอียดมากนัก ทั้งหมดนี้ข้าได้ยินมาจากปากผู้อื่นเท่านั้น”
“ครั้งล่าสุดที่เจ้าไปที่แท่นจิ่วโยว ก็เพื่อช่วยมารดาของเจ้าหรือ? ” ซูจิ่นซีถาม
เป่ยถังหลีส่ายศีรษะเล็กน้อย “แท่นจิ่วโยวมีเวทมนตร์ปิดผนึกอยู่ หากต้องการช่วยมารดาของข้าขึ้นมาจากแท่นจิ่วโยว คงไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นนั้น ข้าเพียงต้องการดูว่า ข้าสามารถเข้าไปในแท่นจิ่วโยวได้หรือไม่? ข้าต้องการเห็นหน้ามารดาของข้าสักครั้งเท่านั้น แม้ข้าจะตายก็ไม่เสียใจ”
ขณะที่พูด แววตาของเป่ยถังหลีก็เผยให้เห็นความเศร้าหมองลึกซึ้ง “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าเพียงจดจำได้เลือนราง ตอนที่ข้ายังเด็ก พี่เย่ขอร้องท่านปู่ เขาขอให้ข้าได้พบหน้ามารดาสักครั้ง ทว่าต่อมา ข้าก็ไม่ได้พบอีกเลย เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนข้าเกือบลืมไปแล้วว่ามารดาของข้ามีใบหน้าเป็นอย่างไร? ”
“อย่ากังวลไปเลย! ” ซูจิ่นซีตบไหล่เป่ยถังหลี “พวกเราจะพยายามพาแม่ของเจ้าออกมาจากแท่นจิ่วโยวอย่างแน่นอน”
เป่ยถังหลีพยักหน้า
“ทว่า หากต้องการช่วยชีวิตมารดาของเจ้าขึ้นมาจากใต้แท่นจิ่วโยวจริงๆ จะต้องทำให้เร็วที่สุด สาเหตุที่เพลิงอัคคีจิ่วโยวอยู่ที่แท่นจิ่วโยวโดยไม่ดับมาหลายปีนั้น เพื่อปกป้องวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ภายใต้แท่นจิ่วโยว ตอนนี้เพลิงอัคคีจิ่วโยวไม่อยู่แล้ว ข้าเกรงว่าพื้นที่ด้านล่างคงยืนหยัดอยู่ได้อีกไม่นาน… ข้ากลัวว่าอาจสายเกินไปหากดำเนินการช้ากว่านี้”
ที่แท้ เพลิงอัคคีจิ่วโยวมีประโยชน์แบบนี้เช่นกัน แต่เมื่อคิดว่ามันสามารถชุบชีวิตคนได้ ซูจิ่นซีจึงไม่รู้สึกประหลาดใจอันใด
เป่ยถังหลีพยักหน้า “ตกลง! ”
เรื่องนี้ต้องจัดการให้เร็วที่สุด ซูจิ่นซีและคนอื่นๆ ตัดสินใจลงมือในคืนนั้นทันที พวกเขาไปที่ใต้แท่นจิ่วโยวเพื่อช่วยชีวิตคน ซูอวี้กับถังเสวี่ยได้รับบาดเจ็บจึงไม่ได้ไปด้วย พวกเขาพักรักษาตัวโดยมีเป่ยถังหลีเป็นผู้ดูแล
ก่อนที่ทุกคนจะจากไป เป่ยถังหลีได้มอบของให้ซูจิ่นซีสองชิ้น ของทั้งสองสิ่งนี้เป็นของวิเศษประจำสกุลเป่ยถัง
ชิ้นที่หนึ่งคือกระดิ่งห้วนโซ้ว กล่าวกันว่า มันสามารถควบคุมจิตใจของปีศาจและสัตว์ร้ายทั้งหมด ทั้งยังสามารถควบคุมมันได้ตามที่ตนเองต้องการ
อีกสิ่งหนึ่งเป็นแส้ปลิดวิญญาณ ซึ่งทำจากกระดูกสัตว์ร้ายหลายร้อยตัว และผนึกวิญญาณชั่วร้ายกว่าหนึ่งแสนดวง กล่าวกันว่ามันสามารถสลายพลังวิญญาณได้
ของวิเศษชิ้นแรกดูเหมาะสมกับซูจิ่นซีมากกว่า ทว่าแส้ปลิดวิญญาณโหดเหี้ยมเกินไป ไม่ว่าจะฟังอย่างไร ซูจิ่นซีก็คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ชั่วร้าย นางกลัวว่าไม่เพียงควบคุมมันไม่ได้ ทว่ากลับอันตรายเสียมากกว่า นางจึงปฏิเสธ
ทว่าเป่ยถังหลียืนยันให้ซูจิ่นซีนำติดตัวไปด้วย
“นี่คือสิ่งที่ข้าหามาเป็นพิเศษเพื่อไปตามหามารดาใต้แท่นจิ่วโยว ท่านจำเป็นต้องใช้มันที่นั่นอย่างแน่นอน ไม่ต้องห่วง แม้ที่มาของแส้ปลิดวิญญาณจะโหดร้ายไปบ้าง ทว่าของใช้ยอมมีดีในตัวของมันเอง สิ่งของด้านมืดย่อมจัดการกับของชั่วร้าย และสิ่งของด้านบวกย่อมรับมือกับเรื่องปกติ”
ในเมื่อพูดเช่นนี้ ซูจิ่นซีจึงไม่ปฏิเสธและรับของวิเศษมาทั้งสองชิ้น
อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซียังรู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับแส้ปลิดวิญญาณอยู่บ้าง นางคิดว่าในจำนวนคนที่ไปด้วย มีเพียงอวิ๋นจิ่นเท่านั้นที่มีพลังเสวียนลี่และมีตบะบำเพ็ญเพียรสูงส่งที่สุด มีความเป็นไปได้สูงที่จะควบคุมมันหากเกิดพลังสะท้อนกลับ นางจึงมอบให้อวิ๋นจิ่น
ส่วนกระดิ่งห้วนโซ้ว เดิมทีซูจิ่นซีต้องการให้ตงหลิงหวง ทว่าตงหลิงหวงบอกว่านางมีอาวุธอยู่แล้วจึงไม่รับไว้ อู๋จุนและเยี่ยโยวเหยายิ่งไม่ต้องการ นางจึงต้องเก็บไว้กับตนเอง
เมื่อมาถึงภูเขาจิ่วโยว ทุกคนก็ตรงไปที่แท่นจิ่วโยวอย่างรวดเร็ว…