เล่มที่ 32 เล่มที่ 32 ตอนที่ 959 จงใจล่อให้หลงทาง

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ซูอวี้ไม่มีวรยุทธ์ เป่ยถังหลีพูดว่าเขาเป็นคนช่วยนาง เห็นได้ชัดว่าเป่ยถังเย่เกิดความสงสัย ทว่าเป่ยถังหลีอธิบายออกมาอย่างละเอียด เป่ยถังเย่จึงเชื่ออย่างสนิทใจ

เขาจับหัวไหล่ของเป่ยถังหลี แววตาของเขาปรากฏความอาฆาตแค้น “หลีเอ๋อร์วางใจได้ คราวนี้พี่เย่จะไม่ปล่อยคนตระกูลลำดับสองอย่างแน่นอน จะทวงความยุติธรรมคืนให้เจ้าแน่”

“พี่เย่ต้องตกรางวัลให้เจ้าทึ่ม เพื่อช่วยข้า เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส! ทั้งยังขาหักอีก”

เป่ยถังหลีใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้จับทั้งสองเรื่องเข้าด้วยกัน ดูเหมือนเป่ยถังเย่ไม่มีท่าทีสงสัยแม้แต่น้อย

“เอาเถิด! พี่ชายจะตกรางวัลให้เขาด้วยทองคำหนึ่งพันตำลึงและผ้าห้าสิบพับ ประเดี๋ยวจะให้คนส่งไปให้เขา! ”

เป่ยถังหลีพูดพลางขมวดคิ้ว “พี่เย่ เขาขาหักเพื่อช่วยชีวิตน้อง พี่ตกรางวัลให้เขาเล็กน้อยเช่นนี้ ไม่ตระหนี่ไปหน่อยหรือ? ”

เป่ยถังเย่เงยหน้าขึ้นและหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะใช้นิ้วแตะจมูกเป่ยถังหลี

“เรียนรู้วิธีดูแลคนแล้วหรือ! ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าสองคนไม่เลวทีเดียว เช่นนี้เจ้าบอกพี่มาเถิด พี่ชายของน้องควรตอบแทนเขาอย่างไร? ”

แก้มของเป่ยถังหลีเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ “พี่เย่ล้อเล่นกับหลีเอ๋อร์อีกแล้ว! ไม่มีเรื่องเช่นนั้น”

“ยังไม่ยอมรับอีกหรือ”

เป่ยถังหลีทำเพียงเม้มริมฝีปากและแย้มยิ้มโดยไม่แก้ตัว

จากนั้นจึงพูดว่า “พี่เย่ พี่รู้หรือไม่? ผ้าไหมและเงินทองจำพวกนี้ เจ้าทึ่มไม่สนใจแม้แต่น้อย พี่ให้ของพวกนี้กับเขาก็ไม่มีประโยชน์! เขาชื่นชอบทักษะทางการแพทย์ ข้าจำได้ว่าพี่เย่มี ‘คัมภีร์การแพทย์แคว้นเป่ยอี้’ อยู่เล่มหนึ่ง มิสู้ประทานเป็นรางวัลให้เจ้าทึ่ม! เขาต้องชอบสิ่งนี้แน่นอน! ”

เป่ยถังเย่หัวเราะ “แม้แต่สิ่งสำคัญอย่าง ‘คัมภีร์การแพทย์แคว้นเป่ยอี้’ ของพี่ น้องยังกล้าเอ่ยถึงมัน และบอกว่าไม่ได้เลี้ยงดูคนอื่นอีกหรือ? นี่คือสิ่งที่พี่เย่เก็บเอาไว้ให้น้องเขยจิ่วในอนาคต! ”

แก้มของเป่ยถังหลียิ่งแดงก่ำมากขึ้น นางพูดด้วยท่าทีเขินอายว่า “พี่เย่! พี่เย่ช่างตระหนี่นัก จะให้ไม่ให้ก็บอกมาตามตรง ยังหาเหตุผลหยอกล้อหลีเอ๋อร์อีก! ”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ” เป่ยถังเย่หัวเราะเสียงดัง “ตกลง ตกลง หลีเอ๋อร์ว่าอย่างไรก็ตามนั้น ในเมื่อหลีเอ๋อร์เอ่ยปากเอง พี่เย่ก็จะมอบ ‘คัมภีร์การแพทย์แคว้นเป่ยอี้’ ให้เจ้าทึ่มของเจ้าเพื่อเป็นรางวัล! ”

หลังจากพูดจบ เขาก็เดินสาวเท้าเข้าไปในเรือนของเป่ยถังหลี “อาการของเจ้าทึ่มเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าต้องการให้พี่เย่ตามหมอมาดูอาการเขาหรือไม่? ”

เป่ยถังหลีตกใจ นางรีบวิ่งไปขวางด้านหน้าเป่ยถังเย่ “ไม่เป็นอันใดแล้ว ไม่เป็นอันใดแล้ว ไม่ต้อง ไม่ต้อง! ”

เป่ยถังเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “หลีเอ๋อร์ เจ้ากำลังทำอันใด? พี่เย่เป็นห่วงเจ้า รีบกลับมาโดยไม่หยุดพัก จนถึงตอนนี้ แม้แต่น้ำสักแก้วยังไม่ได้ดื่มด้วยซ้ำ เหตุใดเจ้าไม่เชิญพี่ชายคนนี้เข้าไปพักให้หายเหนื่อยบ้าง? ”

เป่ยถังหลีหลบสายตา แสงในดวงตาของนางสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด ทว่านางไม่ปล่อยให้เป่ยถังเย่สังเกตเห็น และครุ่นคิดหาเหตุผลอย่างรวดเร็ว

“พี่เย่ พี่เข้าไปไม่ได้! ”

“เพราะเหตุใด? ” เป่ยถังเย่แสดงท่าทีสงสัย

“เพราะว่า… เพราะว่า… ”

เป่ยถังหลีอ้ำอึ้งไม่พูดสักคำ แววตาของเป่ยถังเย่เผยความสงสัยชัดเจนมากขึ้น

“หลีเอ๋อร์ เจ้ากำลังปกปิดอันใดพี่เย่อยู่หรือ? ”

เป่ยถังหลีเงยหน้าขึ้นทันที “ไม่มี พี่เย่ ไม่มีแน่นอน! ”

เห็นได้ชัดว่าเป่ยถังเย่ไม่เชื่อ เขาผลักเป่ยถังหลีออกและเดินเข้าไปข้างในห้อง เป่ยถังหลีรีบวิ่งเข้ามา เมื่อเข้าใกล้เป่ยถังเย่ นางก็ยกแขนสองข้างขวางประตูทางเข้าห้องของซูอวี้

“พี่เย่ หากพี่เดินเข้าไปมากกว่านี้ หลีเอ๋อร์จะโกรธ! ” เป่ยถังเย่หรี่ตา น้ำเสียงของเขาจริงจังมากขึ้น

“หลีเอ๋อร์ ตั้งแต่เล็กจนโต พี่เย่รักและเอ็นดูเจ้ามากที่สุด เกิดอันใดขึ้นกับเจ้า เจ้าไม่เคยทำเช่นนี้กับพี่เย่! ”

เป่ยถังหลีเม้มริมฝีปาก ดวงตาสั่นไหว นางตกตะลึงจนไม่สามารถพูดอันใดได้

เป่ยถังเย่เดินไปข้างหน้าและผลักเป่ยถังหลีออก ก่อนจะเตะประตูดัง ‘ปัง’

“พี่เย่… ”

เป่ยถังหลียืนอย่างมั่นคง นางรีบพุ่งไปข้างหน้าและยืนขวางทางเป่ยถังเย่อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เป่ยถังหลีร่างเล็กเกินไป แม้นางจะเข้าไปขวางทาง ทว่าเป่ยถังเย่กลับเห็นสถานการณ์ภายในห้องทั้งหมด เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางชี้เข้าไปในห้องและพูดว่า “หลีเอ๋อร์ นี่คือสาเหตุที่เจ้ากำลังปกปิดพี่เย่หรือ? ”

แก้มของเป่ยถังหลีแดงก่ำ นางก้มศีรษะและยืนกระทืบเท้า “พี่เย่ หลีเอ๋อร์บอกแล้วว่าไม่อนุญาตให้พี่เข้ามา! ”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า… ” เป่ยถังเย่หัวเราะเสียงดัง ก่อนจะลูบผมของเป่ยถังหลีด้วยความรักและเอ็นดู “เด็กน้อย เรื่องนี้ทำให้เจ้าตกประหม่าถึงเพียงนี้เชียวหรือ? เจ้ายังเป็นบุตรสาวของสกุลเป่ยถังหรือไม่? ”

ผู้ที่อยู่ภายในห้องคือซูอวี้ ซึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียง

เมื่อได้ยินเสียงของเป่ยถังเย่และเป่ยถังหลี ซูอวี้ก็รีบลุกขึ้นคำนับเป่ยถังเย่ “ขาของบ่าวใช้งานไม่สะดวก จึงไม่สามารถลงไปทำความเคารพท่านอ๋องน้อย ท่านอ๋องทรงโปรดให้อภัยด้วย! ”

“ไม่เป็นอันใด ไม่เป็นอันใด! ” เป่ยถังเย่กล่าว

เป่ยถังหลีเงยหน้าขึ้น นางขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “พี่เย่ พี่หัวเราะอันใด? เจ้าทึ่มได้รับบาดเจ็บเพราะน้อง น้องแค่เกรงว่าบ่าวรับใช้คนอื่นจะดูแลเขาไม่ดีเท่าที่ควร จึงพาเขามาที่เรือนของน้องเพื่อพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ”

เป่ยถังเย่แย้มยิ้มมากยิ่งขึ้น “ความคิดของเจ้า พี่เย่จะไม่รู้เชียวหรือ? ” หลังจากพูดจบ เขาก็เห็นว่าเป่ยถังหลีมีท่าทีเขินอายเล็กน้อย จึงพูดว่า “หากเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ดูแลเจ้าทึ่มของเจ้าให้ดี หากต้องการอันใดก็รีบส่งคนไปบอกพี่เย่ให้รู้ทันที เข้าใจหรือไม่? ”

เป่ยถังหลีเม้มริมฝีปากโดยไม่พูดอันใด เป่ยถังเย่จึงหันหลังและเดินออกจากประตูไป

นัยน์ตาของเป่ยถังหลีทอประกายเมื่อทุกอย่างเป็นดั่งที่คิดไว้ ทว่านางยังเดินตามไปสองก้าวและเอ่ยถามว่า “พี่เย่ต้องการให้หลีเอ๋อร์ยกน้ำมาให้มิใช่หรือ? พี่จะไปแล้วหรือ? ไม่ดื่มน้ำแล้วหรือ? ”

เป่ยถังเย่แย้มยิ้มและพูดว่า “ไม่ดื่มแล้ว ไม่ดื่มแล้ว! ”

เป่ยถังหลีเดินมาส่งเป่ยถังเย่ที่ประตู นางจงใจพูดจีบปากจีบคอ “พี่เย่ยากที่จะปลีกตัวกลับมาสักครั้ง ไม่อยู่เป็นเพื่อนหลีเอ๋อร์แล้วหรือ! ”

เป่ยถังเย่หยุดเดิน พลางยกนิ้วสะกิดดั้งจมูกของเป่ยถังหลี “เจ้าหยุดพูดปากไม่ตรงกับใจ เจ้าต้องการให้พี่เย่รีบกลับไปมิใช่หรือ? นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการมิใช่หรือ? ”

“หลีเอ๋อร์จะคิดเช่นนั้นได้อย่างไร? ” เป่ยถังหลีขมวดคิ้ว

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า รีบกลับไปดูแลเจ้าทึ่มเถิด! พี่เย่ยังมีเรื่องต้องทำ และยัง… ต้องกลับไปจัดการเรื่องนี้แทนเจ้าอีก ข้าคงจะไม่เสียเวลาอยู่ที่นี่! ”

เขาพูดพลางหันหลังกลับไป

เป่ยถังหลีพูดว่า “พี่เย่ หากพี่ว่างเมื่อไร ต้องมาหาหลีเอ๋อร์ให้ได้เล่า! ”

เป่ยถังเย่ไม่ได้หันหลังกลับมา ทำเพียงโบกมือซึ่งถือเป็นคำตอบรับ

เป่ยถังหลีมองเป่ยถังเย่เดินออกไป ก่อนจะรีบเดินกลับเข้าไปในเรือน เมื่อนางแน่ใจว่าเป่ยถังเย่เดินลับสายตาไปแล้ว ขาของนางก็อ่อนระทวยจนเกือบล้มลงกับพื้น

โชคดีที่นางมีไหวพริบ จงใจล่อให้เป่ยถังเย่หลงทางเข้าใจผิด ทำให้เขาเกิดความสงสัยขึ้นมาก่อน จากนั้นก็จงใจเข้าไปขวางประตูห้องของซูอวี้ ดึงความสนใจของเป่ยถังเย่ไปที่ซูอวี้ เขาจึงไม่สงสัยห้องอื่นๆ ภายในเรือน ไม่เช่นนั้น วันนี้คงผ่านด่านนี้ไปได้ยาก

ทว่าสิ่งที่นางไม่รู้ก็คือ หลังจากนางรีบกลับเข้าไปในเรือน เป่ยถังเย่ก็หยุดเดินและหันหลังกลับมา เขาเหลือบมองไปทางเรือนของนาง ครั้งนี้มองไม่เห็นนางแล้ว ทว่าภายในแววตาของเขากลับปรากฏความซับซ้อน เห็นได้ชัดว่าเกิดความสงสัยอย่างมาก

ร่างที่สวมชุดสีดำเหาะลงมาอยู่ข้างกายเป่ยถังเย่ “ท่านอ๋องน้อย ต้องการให้บ่าวจับตาดูเรือนของคุณหนูจิ่วหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ”