เล่มที่ 32 เล่มที่ 32 ตอนที่ 958 ความคิดแตกต่างกัน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

“เยี่ยโยวเหยา! ” ซูจิ่นซีกำหมัดและพูดเสียงดุดัน

“ซีซี ข้าอดกลั้นมานานมากแล้ว เจ้าต้องการให้ข้าอดกลั้นเช่นนี้ต่อไปอีกหรือ? ”

ซูจิ่นซีเข้าใจความคับข้องใจจากคำพูดของเยี่ยโยวเหยาอย่างชัดเจน เป็นความจริงที่ตั้งแต่นางตั้งครรภ์ พวกเขาทั้งสองก็ไม่เคยทำกิจกรรมบนเตียงเลย แม้ยามนอนหลับ เยี่ยโยวเหยาก็ไม่ค่อยนอนเตียงเดียวกับนาง เยี่ยโยวเหยาคงรู้สึกคับข้องใจเล็กน้อย

เมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ ซูจิ่นซีจึงไม่ปฏิเสธอีกต่อไป นางเริ่มกอดเอวเยี่ยโยวเหยาตอบ

แววตาตื่นเต้นปรากฏผ่านดวงตาของเยี่ยโยวเหยา แม้เขาจะอดกลั้นมาเป็นเวลานาน ทว่าคืนนี้ เยี่ยโยวเหยากลับอ่อนโยนต่อซูจิ่นซีมาก

ค่ำคืนนี้ ซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาอยู่ด้วยกันตลอดทั้งคืน สุขสมรักใคร่ลึกซึ้ง ทว่าไม่ใช่ทุกคนที่มีความสุขเช่นนี้

อู๋จุนนอนอยู่บนชายคาตลอดทั้งคืน เขาจ้องแสงจันทร์โดยไม่หลับตา ทว่าครานี้ เขาไม่ได้อยู่ที่ชายคาของห้องซูจิ่นซี ทว่าอยู่บนชายคาห้องของถังเสวี่ย

คืนนี้เขาครุ่นคิดเรื่องราวมากมาย

……

แสงจันทร์ดั่งสายน้ำส่องสว่างไปทั่วทั้งเรือน อวิ๋นจิ่นอ่านคัมภีร์แพทย์ที่เรือนด้านหลังทั้งคืน จนกระทั่งเกือบเช้า จึงเดินเข้าไปงีบหลับในห้อง

นอกจากแสงจันทร์ที่เยือกเย็นแล้ว ยังมีจิ้งจอกเก้าสีซึ่งนอนหลับอยู่ข้างกายเขาอย่างสงบเสงี่ยม ทว่าในตอนเช้าจิ้งจอกเก้าสีกลับหายไป

……

ตงหลิงหวงไม่ได้นอนทั้งคืนเช่นกัน นางกำลังคิดว่าเมื่อไรมู่หรงฉีจะฟื้นขึ้นมา แม้จะได้เพลิงอัคคีจิ่วโยวมาแล้ว ทว่าวิธีการชุบชีวิตของมู่หรงฉี ยังคงต้องวางแผนระยะยาว อีกทั้งอาคมกำไลปี่อั้นของซูจิ่นซีก็ใช้งานไม่ได้ชั่วคราว หากนางต้องการรักษามู่หรงฉี จะต้องแก้ปัญหาของอาคมกำไลปี่อั้นนั้นเสียก่อน

อย่างไรก็ตาม หลายวันที่ผ่านมามีเรื่องให้สะสางมากมาย ถังเสวี่ยเกือบไม่รอดชีวิต ทุกคนวิ่งวุ่นพยายามช่วยชีวิตถังเสวี่ย จนพวกเขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้ชั่วคราว

ตอนนี้ถังเสวี่ยพ้นขีดอันตรายแล้ว ลำดับถัดไป ทุกคนควรจัดการเรื่องอาคมกำไลปี่อั้น

เป็นครั้งแรกที่ตงหลิงหวงรู้สึกว่านางคิดถึงมู่หรงฉีมาก คิดถึงรูปร่างหล่อเหลาคมสันของเขา คิดถึงรอยยิ้มของเขา คิดถึงท่าทางเกรี้ยวกราดของเขา และ… ท่าทางแน่วแน่มุ่งมั่น แม้จะตายก็ไม่ยอมรามือ

แม้นางไม่ได้เห็นหน้ามู่หรงฉีนานมากแล้ว ทว่าคิ้วทุกเส้นของมู่หรงฉียังคงประทับตราตรึงอยู่ในจิตใจของนางอย่างลึกซึ้ง และชัดเจน

……

ขาสองข้างของซูอวี้เดินเหินไม่สะดวกนัก เขาจึงเข้านอนแต่หัวค่ำ ทว่าเขาพลิกตัวไปมาทั้งคืนก็นอนไม่หลับ ขณะที่ง่วงงุนเล็กน้อย เสียงของเป่ยถังหลีก็ดังมาจากด้านนอกหน้าต่าง

“เจ้าทึ่ม… ”

“อืม? ” ซูอวี้ตื่นขึ้นในทันที

“เจ้าหลับแล้วหรือยัง? ”

“อืม! ”

เป่ยถังหลีนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงของนางเป็นเวลานาน ขณะที่ซูอวี้คิดว่าเป่ยถังหลีกลับไปแล้ว เสียงเพลงอันไพเราะก็ดังมาจากนอกหน้าต่าง

เสียงนั้นสูงกว่าเสียงของกู่ฉิน [1] ทว่าโทนต่ำกว่าเสียงขลุ่ย เป่ยถังหลีเป่าเสียงนั้นด้วยใบไม้

นางไม่รู้ว่าตนเรียนทักษะนี้ตั้งแต่เมื่อใด นางจำไม่ได้ว่าผู้ใดเป็นคนสอน ดูเหมือนว่า… มันมาจากส่วนลึกในความทรงจำของนาง

ซูอวี้กำลังนอนอยู่บนเตียง ฟังเสียงเพลงไพเราะ ทำให้สงบเป็นพิเศษ ทว่าแววตาของเขาทอดยาว ไม่รู้ว่าเขากำลังครุ่นคิดอันใดอยู่

หลังผ่านไปครู่ใหญ่ เป่ยถังหลีก็เป่าจบไปหนึ่งบทเพลง “เจ้าทึ่ม เจ้าหลับอยู่หรือไม่? ”

“…”

ไม่รอให้ซูอวี้ตอบ แววตาของเป่ยถังหลีปรากฏความผิดหวังเล็กน้อย ขณะที่นางคิดว่าซูอวี้หลับไปแล้ว เสียงแหบแห้งของซูอวี้ก็ดังมาจากในห้องอีกครั้ง

“ยังไม่หลับ! ”

จากนั้น เป่ยถังหลีก็หยิบใบไม้ในมือขึ้นมาเป่าอีกครั้ง

ด้วยวิธีนี้ คืนนี้ซูอวี้จึงนอนหลับในห้องได้อย่างสงบ เป่ยถังหลีเป่าเพลงอยู่ใต้ระเบียงนอกหน้าต่างทั้งคืน

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ยามรุ่งสาง ท้องฟ้ามีแสงรำไร ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าอึกทึกก็ดังขึ้นด้านนอกเรือน เสียงนั้นเป็นระเบียบและสม่ำเสมอ เมื่อฟังให้ดีก็รู้ได้ทันทีว่ามีคนจำนวนมาก และได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี

เป่ยถังหลีเหนื่อยเล็กน้อยจากการเป่าเพลง นางพิงเสาและงีบหลับไป ขณะที่นางกำลังจะงีบหลับและอยู่ในสภาพงัวเงีย นางก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงดังนั้น นางหรี่ดวงตาที่ง่วงงุนเล็กน้อย หลังจากได้ยินเสียงนั้น สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที

ในเวลานี้ ซูจิ่นซีและคนอื่นๆ ก็ได้ยินเสียงนั้นเช่นกัน จึงผลักประตูและเดินออกจากห้อง

ซูจิ่นซีเห็นเป่ยถังหลี นางขมวดคิ้วเล็กน้อยและเอ่ยถามว่า “นั่นใคร? ”

เป่ยถังหลีพูดว่า “ต้องเป็นพี่ชายของข้าเป็นแน่ เขาคงได้ข่าวว่า เป่ยถังชิงและเป่ยถังเฟิ่งจากตระกูลลำดับสองวางแผนทำร้ายข้า จึงรีบกลับมาก่อน”

อู๋จุนยืนอยู่ในตำแหน่งสูงกว่าคนอื่น เขาเห็นสถานการณ์ภายนอกเรือนจากชายคา ก่อนจะกระโดดลงมาจากชายคาและพูดว่า “แม่นางพิษน้อย แย่แล้ว เป่ยถังเย่กลับมาแล้ว! ”

เป่ยถังเย่กลับมาแล้ว? ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขามาที่เรือนของเป่ยถังหลี ทั้งยังมีจำนวนคนมากกว่า หากปะทะกับเป่ยถังเย่ คงต้องพัวพันกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เป่ยถังหลีดูเหมือนจะมองความคิดของซูจิ่นซีและคนอื่นๆ ออก นางเม้มริมฝีปากและพูดว่า “พระชายาโยวอ๋อง ข้าสามารถช่วยเหลือพวกเจ้าหยุดพี่ชายของข้าได้ และไม่ให้เขาพบพวกเจ้าที่นี่ ทว่าข้ามีเงื่อนไขหนึ่งข้อ เจ้าต้องสัญญากับข้า”

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย “เงื่อนไขอันใด? ”

“ในเวลานี้ยังบอกแน่ชัดไม่ได้ ทว่าเจ้าต้องสัญญากับข้าก่อน แล้วข้าจะบอกรายละเอียดกับเจ้า หลังจากข้าออกไปขวางท่านพี่เย่สำเร็จ”

ซูจิ่นซีครุ่นคิด พวกเขามาที่แคว้นเป่ยอี้ครั้งนี้มีเป้าหมายของตนเอง เป็นการดีที่สุดหากพวกเขาไม่ประจันหน้ากับเป่ยถังเย่ อีกทั้งเป่ยถังหลีเคยช่วยเหลือพวกเขามาแล้วครั้งหนึ่ง จนนางเกือบเอาชีวิตไม่รอด หากว่ากันด้วยเหตุผล พวกเขายังเป็นหนี้บุญคุณแม่นางผู้นี้ ตกปากรับคำนางไปก็ไม่เป็นอันใด ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณนาง

ซูจิ่นซีจึงตอบไปว่า “ตกลง ข้ารับปากเจ้า! ”

โดยทั่วไปแล้ว เยี่ยโยวเหยาจะไม่คัดค้านการตัดสินใจของซูจิ่นซี อวิ๋นจิ่นและอู๋จุนยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง

“ตกลง! ” เป่ยถังหลีพูด “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พระชายาโยวอ๋อง พวกเจ้าทุกคนไปซ่อนตัวอยู่ในห้อง อีกประเดี๋ยวข้ากลับมา! ”

ซูจิ่นซีพยักหน้าและเข้าไปในห้องพร้อมกับเยี่ยโยวเหยา อวิ๋นจิ่น และคนอื่นๆ

เป่ยถังหลีปรับอารมณ์และการแสดงออกบนใบหน้า ก่อนจะรีบเดินออกไป เมื่อนางเดินไปถึงประตูก็พบกับเป่ยถังเย่พอดี

“หลีเอ๋อร์… ”

เป่ยถังเย่รีบมาหาเป่ยถังหลี เขาไม่ได้เปลี่ยนชุดเกราะทหารด้วยซ้ำ

“พี่เย่ ในที่สุดพี่ก็กลับมาแล้ว”

ไม่รู้ว่าเป่ยถังหลีเปลี่ยนท่าทีเป็นแสดงสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจตั้งแต่เมื่อไร นางวิ่งโผเข้าไปในอ้อมแขนของเป่ยถังเย่

“พี่เย่ ในที่สุดพี่ก็กลับมาแล้ว หลีเอ๋อร์… หลีเอ๋อร์เกือบไม่ได้พบกับท่านแล้ว! ”

“ให้พี่เย่ดูว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บที่ใดหรือไม่! ”

เป่ยถังเย่มองเป่ยถังหลีขึ้นลง หลังจากยืนยันว่าเป่ยถังหลีไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาก็จับข้อมือของนาง ทว่าทันทีที่นิ้วสัมผัส เป่ยถังหลีก็รีบพูดเบี่ยงประเด็น

“พี่เย่ไม่ต้องเป็นกังวล หลีเอ๋อร์ไม่ได้รับบาดเจ็บ โชคดีที่เจ้าทึ่มปรากฏตัวช่วยหลีเอ๋อร์ไว้ได้ทัน เพียงแต่ว่าเจ้าทึ่มได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย”

“โอ้ จริงหรือ? ” เป่ยถังเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย

เป่ยถังหลีแสดงท่าทีน้อยเนื้อต่ำใจ ซ้ำยังแสดงท่าทางสะอึกสะอื้น

“พี่เย่ ครั้งนี้… พี่ต้องชำระบัญชีนี้แทนหลีเอ๋อร์ หากไม่ใช่เพราะเจ้าทึ่มปรากฏตัวได้ทันเวลา และใช้เข็มเงินยับยั้งอ๋องรอง ครั้งนี้หลีเอ๋อร์คงไม่มีหน้าไปพบผู้ใดอีกแล้ว”

……

เชิงอรรถ

[1] กู่ฉิน หมายถึง พิณโบราณ