เล่มที่ 32 เล่มที่ 32 ตอนที่ 957 ท่านอ๋อง ทรงทำไม่ได้เพคะ

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ซูจิ่นซีนิ่งเงียบ เป่ยถังหลีพูดต่อ “สิ่งที่ท่านพูดออกมาไม่ผิด ท่านไม่เพียงใช้จวนของข้า ทว่ายังลักพาตัวข้าอีกด้วย พระชายาโยวอ๋องไม่ได้มัดข้า ไม่ได้สกัดจุดข้า ให้ข้าอยู่ภายในเรือนได้ตามสบาย ไม่กลัวข้าหนีออกไปหรือ? ”

ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปาก “เจ้าไม่ทำแน่! ”

“เพราะเหตุใด ท่านถึงมั่นใจเช่นนี้? ” สีหน้าของเป่ยถังหลีจริงจังเป็นพิเศษ

ซูจิ่นซีเพียงยกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังกลับและเดินออกไปโดยไม่พูดอันใดสักคำ

ความจริงไม่จำเป็นต้องใช้เหตุผลมากนัก เป่ยถังหลีก็คือหลานเยวี่ยหลี เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

ไม่ว่าใครคนหนึ่งจะเปลี่ยนไปอย่างไร ทว่าสิ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงคือจิตใจอันมีเมตตาที่มีมาแต่กำเนิดของนาง หากเป่ยถังหลีต้องการเรียกให้คนมาช่วย โอกาสมีมากมาย นางคงร้องเรียกไปนานแล้ว

อู๋จุนหาสมุนไพรที่ขาดมาได้อย่างรวดเร็ว มนต์คาถายันต์อวี้หุนได้ถูกคลายออก รวมถึงใช้สมุนไพรปรับสภาพร่างกายของถังเสวี่ย จนทำให้อาการบาดเจ็บภายในของถังเสวี่ยค่อยๆ ดีขึ้น เมื่อเห็นว่าถังเสวี่ยดีขึ้นทุกวัน ทุกคนต่างสบายใจและหายกังวลไปมากทีเดียว

เพียงแต่ความกลัดกลุ้มที่ซุกซ่อนอยู่ภายในใจของซูจิ่นซี จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับการคลี่คลายแม้แต่น้อย

มาถึงแคว้นเป่ยอี้นานพอสมควรแล้ว ทว่ายังไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องทองอมฤตเลย ยิ่งไปกว่านั้น อาคมกำไลปี่อั้นถูกปิดผนึกและไม่มีวิธีเปิดผนึกได้ในตอนนี้ แม้จะได้เพลิงอัคคีจิ่วโยวมาแล้ว ทว่าไม่สามารถฟื้นคืนชีพมู่หรงฉี มู่หรงอวิ๋นไห่ และจงซีจือได้เลย

แม้ท่านเทพจะยืดอายุขัยของนางออกไปได้ ทว่าไม่ได้ยืนยันว่านางจะปลอดภัย ดวงวิญญาณทั้งสามที่แยกจากกันยังไม่ได้ผสานรวมกัน เพราะฉะนั้น สำนักแพทย์เทียนอีไม่ช้าก็เร็วนางต้องไปแน่ แผนรวบรวมใต้หล้าให้สงบสุขของเยี่ยโยวเหยายังคงห่างไกล…

ซูจิ่นซียืนอยู่ข้างหน้าต่าง พลางมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ดวงจันทร์สว่างไสวนอกหน้าต่าง แสงจันทร์ดั่งสายน้ำที่สาดส่องมาทั่วร่างของนาง ขับให้ท่าทางของนางสงบนิ่งเป็นพิเศษ

เยี่ยโยวเหยาเดินเข้ามาและโอบเอวของซูจิ่นซีจากด้านหลัง เขาฝังศีรษะลงบนซอกคอของซูจิ่นซี และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอ่อนโยนว่า

“เจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือ? ”

ซูจิ่นซีสูดหายใจลึก “ท่านอ๋อง… ”

“อืม”

“จิ่นซีคิดถึงท่าน! ”

เยี่ยโยวเหยายกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะหมุนร่างของซูจิ่นซีให้หันกลับมา ให้นางหันหน้ามาหาเขา จากนั้นจึงมองเข้าไปในดวงตาของซูจิ่นซีอย่างอ่อนโยนและเสน่หา

“ข้าอยู่ที่นี่! ”

ซูจิ่นซีแย้มยิ้มเล็กน้อย นางก้มศีรษะและซุกเข้าที่หน้าอกของเยี่ยโยวเหยา

“ทว่ายังคิดถึงเพคะ! ”

เยี่ยโยวเหยาโอบไหล่ของซูจิ่นซีและกอดนางไว้แน่น

“ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ! ”

ครั้งหนึ่ง ซูจิ่นซีคิดว่าคำสามคำที่งดงามที่สุดในโลกนี้คือ “ข้ารักเจ้า” จนกระทั่งนางมายังอาณาจักรเทียนเหอและได้พบกับเยี่ยโยวเหยา นางเพิ่งเข้าใจว่าคำสามคำที่งดงามยิ่งกว่าคำว่า “ข้ารักเจ้า” นั่นก็คือ “ข้าอยู่เคียงข้างเจ้า” !

มีคนที่รัก นับเป็นทรัพยากรพื้นฐานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้ แม้จะมีเพียงมือเปล่าก็ไม่หวาดหวั่น

ซูจิ่นซีไม่พูดอันใด นางซุกไซ้ศีรษะของตนกับหน้าอกของเยี่ยโยวเหยาเล็กน้อย เพื่อหาตำแหน่งที่สบายขึ้น

“ทารกในครรภ์ดิ้นบ้างหรือไม่? วันนี้เชื่อฟังหรือไม่? ”

ซูจิ่นซีผละตัวออกเล็กน้อย ก่อนจะดึงมือของเยี่ยโยวเหยามาวางบนหน้าท้องของนาง “ท่านอ๋องถามเขาเองเถิด! ”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสัมผัสได้ถึงเยี่ยโยวเหยาหรือไม่ เพียงยกมือสัมผัสหน้าท้อง ทารกในครรภ์ก็เคลื่อนไหวอย่างแรง สีหน้าของเยี่ยโยวเหยาพลันเปลี่ยนไป ร่างกายแข็งทื่อด้วยความตกใจ

ซูจิ่นซีไม่เคยเห็นอาการของเยี่ยโยวเหยาเช่นนี้มาก่อน ร่างกายของเขาตึงเครียดและไม่กล้าเคลื่อนไหว ดวงตาดำขลับลึกซึ้งไม่ปรากฏความลึกลับยากคาดเดา ทว่ากลับปรากฏแสงสว่างเป็นประกาย ทั้งประหลาดใจ ทั้งตกใจ

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็มองหน้าซูจิ่นซีและพูดว่า “ขยับ เขาขยับแล้ว! ”

ซูจิ่นซีคว้ามือของเยี่ยโยวเหยา และลูบหน้าท้องของตนแผ่วเบา “ท่านอ๋อง ดูเอาเถิด ไม่เพียงจิ่นซีคิดถึงท่าน ลูกของเราก็คิดถึงท่านอ๋องด้วยเพคะ! ”

เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ซูจิ่นซี เจ้าอย่าคิดหยอกเย้าข้า! ”

ดวงตาของซูจิ่นซีใหญ่เท่ากระดิ่งทองแดง นางเม้มริมฝีปากและมองเยี่ยโยวเหยาด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าเคยกระทำเช่นนั้นหรือ? จิ่นซีมิกล้า! ”

เยี่ยโยวเหยาโอบเอวซูจิ่นซี พลางดึงรั้งนางเข้ามาใกล้ชิดขึ้นอีกนิด ซูจิ่นซียืนเขย่งเท้า ริมฝีปากชนริมฝีปาก จมูกต่อจมูก ดวงตาทั้งคู่ประสานกัน

“เจ้ายังกล้าล้อเล่นกับข้าอีก! ซูจิ่นซี หากเจ้าไม่กล้า คงไม่มีผู้ใดในใต้หล้าที่หาญกล้าเช่นนี้! ”

ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปาก รอยยิ้มที่มุมปากไม่สามารถเก็บซ่อนเอาไว้ได้ ดวงตาของนางเปล่งประกายเป็นพิเศษ ทั้งยังส่งเสียงออดอ้อน “ท่านอ๋อง! ”

แววตาของเยี่ยโยวเหยาสว่างไสว ไฟปรารถนาลุกโชน เขาอุ้มซูจิ่นซีเดินไปที่เตียง

ซูจิ่นซีตกใจและขมวดคิ้วอย่างรวดเร็ว “เยี่ยโยวเหยา ท่านคิดจะอันใด? ”

เยี่ยโยวเหยาวางซูจิ่นซีลงบนเตียง พลางปลดผ้าม่านบนเตียงลงและพูดว่า “เจ้าพูดเองมิใช่หรือว่า เจ้าคิดถึงข้า? ”

ซูจิ่นซีกัดริมฝีปาก คำพูดนี้นางพูดเอง ทว่านางไม่ได้หมายความเช่นนั้น?

“ท่านอ๋อง ข้ากำลังตั้งครรภ์ อาจทำร้ายเขาได้! ”

เยี่ยโยวเหยากดทับร่างของซูจิ่นซี แววตาของเขาลึกซึ้ง ฝ่ามือลูบไล้พวงแก้มของซูจิ่นซีอย่างอ่อนโยน

“จิ่นซีน่าจะเข้าใจดีกว่าข้า ตอนนี้อายุครรภ์เพียงสามเดือน สามเดือนยังกระทำได้ ขอเพียงข้าระมัดระวังและอ่อนโยนกับเจ้า”

อ่อนโยนหรือ?

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วแน่น สีหน้าของนางยังคงสงสัยและตั้งรับ

เมื่อใช้คำนี้ภายใต้การกระทำของเยี่ยโยวเหยา เหตุใดนางถึงรู้สึกไม่สอดคล้อง?

เรื่องบนเตียง เยี่ยโยวเหยาไม่เคยมีคำนี้เลยสักครั้ง

ขณะที่พูด นิ้วมือของเยี่ยโยวเหยาได้ล้วงเข้าไปในอกเสื้อของซูจิ่นซีแล้ว เขาพูดด้วยน้ำเสียงยั่วยวน “ข้าตรวจสอบแล้ว สามารถกระทำกิจได้ จิ่นซี ข้าคิดถึงเจ้าเช่นกัน… ”

ซูจิ่นซีจับมือของเยี่ยโยวเหยาและส่ายศีรษะเล็กน้อย ท่าทีหนักแน่น “ท่านอ๋อง ทำไม่ได้จริงๆ เพคะ เช่นนั้น… พวกเรารออีกสี่เดือนดีหรือไม่เพคะ? ”

นางเห็นสีหน้าของเยี่ยโยวเหยายังไม่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งแรงปรารถนาเร่าร้อนภายในดวงตายังคุกรุ่น แววตาต่อต้านของนางยิ่งเพิ่มขึ้น ฝ่ามือออกแรงบีบมือเยี่ยโยวเหยาหนักขึ้น

ทว่าความจริงของเรื่องนี้ได้รับการพิสูจน์มาโดยตลอด หากเยี่ยโยวเหยาตัดสินใจกระทำบางสิ่ง แม้เป็นซูจิ่นซีก็แทบไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องกิจกรรมบนเตียงเช่นนี้

เยี่ยโยวเหยามีคำพูดร้อยพัน เขาโน้มตัวลงมาบรรจงจูบริมฝีปากของซูจิ่นซีอย่างอ่อนโยน มืออีกข้างของเขาล้วงเข้าไปในเสื้อผ้าชั้นในของซูจิ่นซี

ซูจิ่นซีสะดุ้งอย่างรุนแรง นางตกใจมาก พยายามหักห้ามใจตนเอง และกระชากเสียงต่ำ “เยี่ยโยวเหยา! ”

กลับไม่คิดว่า เยี่ยโยวเหยาจะขยับริมฝีปากที่อ่อนโยนไปข้างใบหูของซูจิ่นซี และพูดแผ่วเบาว่า “หากเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังทนไม่ไหว เขาจะสืบทอดงานใหญ่ในอนาคตของข้าได้อย่างไร? ”

ซูจิ่นซีไม่เคยคาดคิดว่าเยี่ยโยวเหยาจะหาเหตุผลเช่นนี้ นางตกใจมาก หลังจากฟังคำของเยี่ยโยวเหยา นางก็พูดสวนไปว่า “จิ่นซีเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้แล้ว การเลี้ยงลูกควรกระทำแต่เนิ่นๆ และควรเริ่มจากในครรภ์มิใช่หรือ? ”

นางพูดเช่นนี้จริง ทว่านางไม่ได้หมายความเช่นนี้

อีกทั้งคำพูดเหล่านี้ เมื่อเอ่ยออกมาจากปากเยี่ยโยวเหยาในเวลานี้ เหตุใดนางถึงรู้สึกว่ามันไม่ใช่ความหมายธรรมดา?

น่าเสียดาย ซูจิ่นซีไม่มีโอกาสครุ่นคิดมากนัก

หลังสิ้นเสียงพูดของเยี่ยโยวเหยา เขาก็เหลือบมองสีหน้าประหลาดใจของซูจิ่นซี พลางยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจมากเป็นพิเศษ จากนั้นก็ขบติ่งหูของซูจิ่นซี จนนางรู้สึกวาบหวามและอดส่งเสียงครวญครางไม่ได้