กู่หลานเดินขึ้นหน้าไป ชักมีดออกมา ถลกแขนเสื้อขึ้น กรีดแผลเป็นทางยาวบนแขนของตัวเอง
เลือดพุ่งกระจายออกมาทันที หยดลงบนโต๊ะเสียงดังแปะ แปะ
เพื่อพิสูจน์สรรพคุณยาวิเศษ กู่หลานถึงกับยอมลุยเอง
“เริ่มได้เลย!” กู่หลานชูมือขึ้น พูดด้วยสีหน้าอึมครึม
กรรมการคนนั้นก็ได้เอายาเม็ดนั้นวางลงบนแขนของกู่หลาน เพียงแค่เข้าใกล้แขนของกู่หลานเท่านั้น บาดแผลบนแขนกู่หลานก็เริ่มปิดไป เลือดก็หยุดไหลในทันที
“อะไรกันนี่……กลิ่นสัมผัสหยุดเลือด!”
ผู้ตัดสินคนนั้นตื่นผวาขึ้นเต็มหน้า ระดับขั้นของยาวิเศษนี้ มีอยู่แต่ในตำนานเล่าขานกันเท่านั้น!
“ยาเม็ดนี้ไม่ใช่ที่สุดยอด แต่เป็นระดับตำนาน!” กรรมการคนนั้นพูดออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจ
กู่หลานหน้าถอดสีเป็นสีขี้เถ้าแห้ง มองยาเม็ด ๆ นั้นด้วยความตะลึงงง ใบหน้าชามึน “เป็นงี้ได้ยังไง?ทำไมเป็นงี้ได้?”
“ถึงตอนนี้แล้วยังจะตรวจสอบอะไรอีกมั้ย?” กรรมการคนนั้นมองกู่หลานด้วยสีหน้าค่อนข้างเย็นชา ถึงแม้เขาจะเป็นลูกชายของกู่เยว่เหอ แต่กับนักปรุงกลั่นยาที่สามารถปรุงกลั่นยาวิเศษระดับตำนานขนาดนี้ เขาคงพร้อมที่จะคุกเข่าให้ น้อมกราบอย่างศรัทธา
กู่หลานไม่ปริปากพูดสักคำ ส่ายหน้าอย่างทื่อ ๆ เหตุการณ์เห็นกันขนาดนี้แล้ว จะไปตรวจสอบอะไรอีก กลิ่นสัมผัสหยุดเลือด นี่เป็นการหยุดเลือดขั้นสูงสุดยอดแล้ว
ทั้งชาตินี้มาเขาก็ได้เพียงเคยฟังเรื่องเล่ากันแบบนี้ ยังไม่เคยได้พบเห็นยาวิเศษในตำนานนี้เลย แต่มาวันนี้เขากลับได้เห็นของจริงกับตา ถึงแม้จะปรุงกลั่นมาด้วยฝีมือของคู่ต่อสู้ แต่กู่หลานก็ต้องยอมรับ ไม่มีอะไรที่จะไปปฏิเสธได้
กรรมการคนนั้นหันกลับเดินไปที่กลางเวทีลานหิน ประกาศเสียงดังชัดเจนให้กับคนดูที่อยู่ในความตื่นตาตื่นใจข้างล่างว่า “ทุกท่าน วันนี้พวกเรามีวาสนา ถึงกับได้พบเห็นยาวิเศษระดับตำนานกัน ไม่เสียทีที่เกิดมาในชาตินี้จริง ๆ !”
“ใช่ ไม่เสียทีที่เกิดมาชาตินี้จริง ๆ !” คนดูที่อยู่ข้างล่างก็เต็มไปด้วยคลื่นความตื่นใจ มีโอกาสได้เห็นยาเม็ดชั้นพิเศษระดับตำนานนี้ เป็นเรื่องที่ใครต่อใครมากมายใฝ่ฝันอยากได้ในชาตินี้กันทั้งนั้น
ฉะนั้น ฐานะของเฉินโม่ที่อยู่ในใจของพวกเขาตอนนี้ ถูกยกระดับขึ้นเป็นขั้นเทพแล้ว แต่เดิมก่อนหน้านี้พวกเขาอาจจะมีเกรงกลัวในอำนาจบารมีของกู่เยว่เหออยู่ แต่มาตอนนี้ เพราะการอุบัติขึ้นของเฉินโม่ พวกเขามีความกล้าพอที่จะเป็นปฏิปักษ์กับสำนักตันจงแล้ว
พลังจากความศรัทธา สามารถทำให้มองข้ามสิ่งกีดขวางทั้งปวงได้
ด้วยสีหน้าที่อึมครึม กู่เยว่เหอพูดว่า “เอาละ ประกาศผลไปเถอะ!”
กรรมการคนนั้นผงกหัวรับ พูดไปด้วยเสียงอันดังว่า “บัดนี้ข้าขอประกาศเป็นทางการว่า ผู้ท้าชิงจากสำนักยาเซียนท่านนี้เป็นผู้ชนะ!”
“เยี่ยม!”
“เยี่ยม!” มู่เจิ้งเฟิงตะโกนลั่นอย่างตื่นเต้น
เย่ซูซูขมวดคิ้วย่น มองไปที่เฉินโม่บนเวที แววตาทอประกายความทึ่งอย่างอิจฉาริษยาระคนแค้น
ถ้าตอนนั้นหล่อนอยู่ในสำนักยาเซียนต่ออีกระยะหนึ่ง ไม่แน่ว่าคนที่ยืนบนเวที เป็นที่โดดเด่นในสายตาผู้คนก็คือหล่อนเอง
น่าเสียดาย ในวิถีชีวิตไม่มีคำว่าถ้า
เฉินโม่มองไปที่กู่เยว่เหอ พูดด้วยสีหน้าราบเรียบว่า “ตอนนี้ผมท้าคุณได้แล้วสินะ!”
กู่เยว่เหอตีหน้าเคร่งขรึม พูดเสียงเยือกว่า “ได้แน่นอน”
เฉินโม่คร้านที่จะพูดมากเรื่อง พูดตรงออกไปเลยว่า “งั้นก็เริ่มเลย!”
กู่เยว่เหอทำหน้าอึมครึม พูดเสียงหนาวเยือก “เจ้าเด็กน้อย แกอย่าโอหังนัก ถึงแม้แกเอาชนะลูกข้าได้ แต่นั่นไม่ได้หมายถึงว่าแกจะเอาชนะสำนักตันจงได้ เดี๋ยวจะให้แกรู้จักว่าอะไรที่เรียกว่าวิชาปรุงกลั่นยาที่แท้จริง!”
“ผมล้างตารอดูอยู่” เฉินโม่ตอบไปอย่างรู้สึกรำคาญ
เดิมทีคนทั้งหลายนั้นมองที่เฉินโม่มาท้าชิงกับสำนักตันจงไม่น่าจะมีอะไรน่าดู แต่มาตอนนี้ทุกคนกลับเต็มไปด้วยใจเฝ้ารออยากดู ในเมื่อเฉินโม่ปรุงกลั่นยาวิเศษระดับตำนานออกมาให้เห็น ฉะนั้นฝีมือในด้านการปรุงกลั่นยาต้องไม่ธรรมดา ฉะนั้น เฉินโม่ไม่แน่ว่าจะสามารถเอาชนะกู่เยว่เหอได้
กู่เยว่เหอนั่งแท่นในอันดับหนึ่งของวงการนักปรุงกลั่นยาอยู่หลายปีแล้ว หลายคนเกรงกลัวในพลังฝีมือของเขา ต่อหน้าดูเหมือนสยบสวามิภักดิ์เขา แต่ในความเป็นจริงนั้นมีหลายคนที่ไม่มีใจจริงในการสวามิภักดิ์ เพียงแต่ไม่มีใครมีพลังพอที่ไปขย่มเขย่าฐานะและฐานพลังของเขา