ในที่สุดมาตอนนี้มีคนที่สามารถท้ากู่เยว่เหอได้ ทุกคนย่อมวางความหวังมาที่บุคคลคนนั้น
ถึงขนาดว่า แม้แต่กรรมการหลายคนนั้นก็ล้วนแต่หวังให้เฉินโม่เอาชนะได้
กู่เยว่เหอมองไปที่กรรมการหลายคนนั้น กระแอมไอเล็กน้อย “เริ่มกันเถอะ!”
กรรมการหลายคนนั้นตั้งสติกลับมา คนที่ทำหน้าที่ดำเนินรายการพูดอย่างเคร่งขรึมขึ้นมาทันทีว่า “รอบที่ผ่านมาผู้ท้าชิงจากสำนักยาเซียนชนะ ฉะนั้นในรอบนี้เป็นสิทธิ์ของท่านเจ้าสำนักกู่เลือกยาวิเศษที่จะปรุงกลั่น!”
“ท่านเจ้าสำนักกู่ เชิญบอกมาเลยว่าจะปรุงกลั่นยาวิเศษอะไร!” กรรมการคนนั้นพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
กู่เยว่เหอมองหน้าเฉินโม่ หัวเราะหนาวเยือกอย่างประหลาด “แกสามารถปรุงกลั่นยาเม็ดหยุดเลือดโดยไม่ต้องใช้เตากลั่นยา สามารถเรียกสั่งมาได้ ถ้าแกยังสามารถใช้วิธีเดิมนี้ทำยาเม็ดทะลวงแดนเทพได้ นั่นแหละข้าจะยอมราบคาบทั้งปากกับใจ!”
ยาเม็ดทะลวงแดนเทพ!
ได้ยินชื่อตัวยานี้ คนที่อยู่ข้างล่างต่างมีสีหน้างุนงงสงสัย เหมือนว่าไม่เคยได้ยินชื่อยาวิเศษนี้มาก่อนเลย
แต่ว่า ก็มีผู้ค่อนข้างสูงวัยหลายท่าน มีได้ยินชื่อยานี้มาอยู่ พอได้ยินพูดถึงชื่อยานี้ หน้าที่เหี่ยวย่นแต่ละคนแสดงความรู้สึกสะท้านใจขึ้นมา
กรรมการหลายคนนั้นก็สะท้านผวามองไปที่กู่เยว่เหอ มีอยู่คนหนึ่งถึงกับอุทานออกมาว่า “เจ้าสำนักกู่ ท่านสามารถปรุงกลั่นยาเม็ดทะลวงแดนเทพได้แล้วหรือ?”
กู่เยว่เหอแสดงสีหน้าอย่างพึงพอใจ ผงกหัวแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว ยาเม็ดทะลวงแดนเทพที่ใช้ทะลวงขึ้นไปแดนเทพ!”
ยาเม็ดทะลวงแดนเทพ เม็ดเดียวทะลวงขั้นเทพ นั้นคือสามารถทำให้ปรมาจารย์แดนมองขวัญเข้าสู่แดนเทพตามที่หวังได้เลย!
ยาวิเศษชนิดนี้ จัดไว้เป็นประเภทขั้นสูงสุดของการปรุงกลั่นยา ราคาแต่ละเม็ดมีค่าคู่เมือง เรียกได้ว่าล้ำค่าเกินตลาด
นับร้อยปีมาแล้ว โดยพื้นฐานก็ไม่มีใครสามารถทำยาเม็ดทะลวงแดนเทพแล้ว เพราะนักปรุงกลั่นยาทุกวันนี้ที่มีพลังฝีมือสูงสุดนั้น ก็มีแต่กู่เยว่เหอ แต่เขาก็อยู่ระดับแค่บำเพ็ญในแดนมองขวัญ
ส่วนเรื่องยาเม็ดทะลวงแดนเทพ จะทะลวงคือขั้นแดนเทพ ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเทพจึงจะทำกันได้
กรรมการคนนั้นเหมือนกับคิดอะไรขึ้นมาได้ มองหน้าไปที่กู่เยว่เหออย่างหวาดผวา “หรือท่านเจ้าสำนักกู่ได้บำเพ็ญตนขึ้นทะลุแดนเทพแล้ว!”
กู่เยว่เหอผงกหัว ใบหน้าแสดงออกในทีท่าไม่ใช่สาระ แต่ที่ส่อออกทางนัยน์ตานั้นใคร ๆ ก็มองรู้ว่าสุดปลื้ม
แน่นอน ทะลวงเข้าไปถึงแดนเทพแล้ว กู่เยว่เหอก็คือนักปรุงกลั่นยาที่มีการบำเพ็ญตนที่สูงที่สุดในวงการ
สีหน้าของมู่เจิ้งเฟิงเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูขึ้นมาอีกแล้ว มองไปที่เฉินโม่ด้วยสายตาห่วงกังวล
“คิดไม่ถึงจริง ๆ พลังฝีมือของกู่เยว่เหอจะทะลุไปถึงแดนเทพแล้ว อีกทั้งยังสามารถปรุงกลั่นยายาเม็ดทะลวงแดนเทพได้อีก ฤๅฟ้าจะล่มสำนักยาเซียนของข้าแล้ว?”
เย่ซูซูเห็นท่าทีหดหู่ของมู่เจิ้งเฟิง ทำหัวเราะเสียงหุ ๆ พูดว่า “อาจารย์อา ท่านอย่าเพิ่งท้อใจสิ ในเมื่อเขาปรุงกลั่นยาวิเศษระดับพิเศษในตำนานมาได้ ก็คิดว่าน่าจะทำยาเม็ดทะลวงแดนเทพออกมาได้มั้ง?”
มู่เจิ้งเฟิงถลึงตาใส่หล่อนไป สะบัดเสียงฮึออกจมูก “ไม่ต้องมาทำดัดจริตมาก ในใจเธอคิดลุ้นแต่จะให้พวกข้าแพ้ให้กับกู่เยว่เหอ แต่ข้าจะบอกเจ้าไว้นะ ตอนนี้ยังไม่ถึงวินาทีสุดท้าย ทุกอย่างยังไม่มีอะไรแน่นอน พวกเราไม่ใช่ว่าจะต้องแพ้!”
เย่ซูซูทำหัวเราะคิกคักพูดว่า “ดูท่านพูดเข้าสิ ท่านเป็นอาจารย์อาของฉันนะ ฉันมีหรือจะหวังดูท่านแพ้?ความจริงหลังจากที่ฉันจากสำนักยาเซียนมา ก็รู้สึกเสียใจเลยในทันที พวกเขาสำนักตันจง มองฉันเป็นคนนอกมาตลอด ยังไงก็มีแต่สำนักยาเซียนที่ดีต่อฉันจริง”
“ฮึ ไม่ต้องมาลูกเล่น พวกเราสำนักยาเซียนตอนนี้ไม่มีเหลือคุณค่าอะไรแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องมาทำจริตมารยา” มู่เจิ้งเฟิงตะคอกใส่กลับไป
“อาจารย์อา ไม่ว่าท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ที่ฉันพูดนั้นเป็นความจริงนะ” เย่ซูซูยังคงพูดทำเป็นหยอกด้วยรอยยิ้ม เพียงแต่ยิ้มนั้นมีแฝงอยู่ด้วยความขื่นขม
มู่เจิ้งเฟิงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องพวกนี้ ถึงยังไงเขาก็ไม่มีความคิดที่จะเชื่อผู้หญิงคนนี้เลย
เฉินโม่ยังคงสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม เหมือนไม่ได้เอาเรื่องยาเม็ดทะลวงแดนเทพมาใส่ไว้อยู่กับใจ มองไปที่กรรมการคนนั้น พูดอย่างหงุดหงิดไปว่า “จะเริ่มต้นกันได้หรือยัง?”