บทที่ 1140 มึนงง!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

เจ้าลาน้อยไม่กลัวตาย!

มันแค่กลัวตนเองจะต้องหิว ดังนั้นต่อให้ตาย มันก็ต้องกินให้ดี จึงจะพอใจ

ครั้งแรกที่กินปลานี้มันถึงกับท้องระเบิด ทว่าตอนนี้มันก็ยังคงใช้พลังอ้าปากให้กว้างที่สุดแล้วกัดเข้าไปอย่างตะกรุมตะกรามอยู่ดี พริบตานั้นมันรู้สึกว่าหน้าท้องที่เพิ่งจะฟื้นตัวได้ดีระเบิดออกมาอีกรอบ รอบนี้ไม่เพียงแค่ท้องแล้ว ยังมีพวกแขนขาและหางของมันที่กลายเป็นซากไปด้วย

แม้แต่ลำคอก็เช่นเดียวกัน ครึ่งหัวของมันเองก็ด้วย แต่ลาน้อยราวกับไม่รู้จักคำว่าเจ็บปวด ส่วนหัวที่เหลืออีกครึ่งนั้นแม้มีตาเหลือเพียงข้างเดียวแต่กลับหรี่ปรือด้วยความอิ่มเอม

ทว่าการบ่มเพาะนี้…น่าหวาดผวาพอควร ครึ่งศีรษะที่เหลืออยู่พลันมีกระแสปราณที่แผ่ออกมาเหมือนกับปลาดำตัวนั้น!

ในส่วนของอู๋น้อย…แท้จริงแล้วก็ไม่กลัวตายเช่นเดียวกันกับลาน้อย หรือบางทีอาจเคยกลัวมาก่อนทว่าเพราะความหิวโหยอันยาวนาน ทำให้สำหรับอู๋น้อยนั้นไม่ว่าของนี้จะกินได้หรือไม่ เขาล้วนอยากกินทั้งสิ้น

บางที….หากเขารู้สึกว่าตนสามารถกินลาน้อยได้ เขาก็คงคิดจะจับมันกินเช่นกัน

ดังนั้นแล้วเวลานี้ อู๋น้อยจึงใช้พลังทั้งหมดเท่าที่มีอยู่รีบงับลงไปโดยแรง ร่างกายของเขามีความพิเศษเร้นลับแฝงอยู่ ดังนั้นมันจึงไม่ระเบิดแต่กลับพ่นละอองหมอกโลหิตจำนวนมากออกมาแทน ดวงตาของอู๋น้อยทอประกายแสง เจิดจ้า ทำให้ทั้งร่างเหมือนได้รับการฟื้นฟูครั้งใหญ่!

ส่วนทางด้านหวังเป่าเล่อ…แน่นอนว่าย่อมไม่กลัวตายเช่นกัน

หลังจากที่เขาพบว่าอู๋น้อยและเจ้าลาดำกำลังกัดกินเจ้าปลาดำแล้ว ตัวเขาเองก็ชั่งน้ำหนักในใจ และรู้สึกว่าตนก็น่าจะกินได้

โดยเฉพาะร่างกายของเขา เป็นไม้กระดานสีดำที่ไม่ตายไม่มอดไหม้ เพราะฉะนั้นแล้วจะถูกปลาสีดำตัวหนึ่งทำลายได้เช่นไร…ดังนั้นเมื่อรู้ตำแหน่งของปลาสีดำที่ตนมองไม่เห็น หวังเป่าเล่อก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาใช้พลังปราณทั้งหมดของตน พุ่งไปยังจุดที่เจ้าลาน้อยและอู๋น้อยอ้าปากกัดทางนั้น ลงมือกลืนกินเช่นกัน

เป็นเพราะเหล่าดาวเคราะห์กลายร่างของเขา จึงเป็นสาเหตุให้การกินของเขาครั้งนี้มีปริมาณมากกว่าอู๋น้อยและเจ้าลาน้อย…

ระหว่างที่กินเข้าไปและลองสัมผัสถึงรสชาติของมันว่าเป็นเช่นไรอยู่นั้น หวังเป่าเล่อก็สัมผัสได้ถึงรสชาติของไขมัน เขาเบิกตาโพลงทันที ในพริบตารังสีอำมหิตในร่างกายพลันปะทุถึงขีดสุด กระทั่งว่าพลังปราณแห่งความตายอันไม่อาจอธิบายได้ก่อเกิดขึ้น กลิ่นอายนี้แฝงไปด้วยกฎแห่งนิรันดร์ แฝงไปด้วยวิถีเต๋าฟ้าดินนับหมื่น และแฝงไปด้วยเจตจำนงมากมาย

แค่คำเดียวก็สามารถทำให้สมองของหวังเป่าเล่อสะเทือนปานนี้ได้ พลังภายในร่างกายเกิดเสียงดังพลั่กๆ ราวกับเส้นเลือดจะระเบิดออก เส้นโลหิตนั้นหลุดออกจากการควบคุมพลันพุ่งออกจากร่าง ราวกับว่าร่างกายของเขาใกล้จะระเบิดแล้ว!

ไม่เพียงแค่ร่างต้นของเขาที่เป็นเช่นนี้ ตอนนี้ร่างที่กลายมาจากดาวเคราะห์ทั้งหมดเองก็เช่นกัน กระทั่งว่า…มีร่างกลายจำนวนกว่าครึ่งหนึ่งที่ทนไม่ไหวระเบิดออกมาทันที แต่ในพริบตาถัดมาร่างนั้นก็รวมตัวใหม่ รวบรวมส่วนที่กระจายออกไป แล้วกลับมาเพื่อกลืนกินอีกครา

เงาร่างจากชาติก่อนๆ ของเขาเองก็เป็นเช่นกัน ต่างแยกย้ายกันไปช่วยย่อยปลาด้วยความรวดเร็ว พวกมันมาเพื่อช่วยหวังเป่าเล่อกินในครั้งนี้โดยเฉพาะ!

“นี่…ข้ากลืนอะไรเข้าไปเนี่ย !” หวังเป่าเล่อสีหน้าตื่นตะลึง ไม่ทันได้มีเวลาคิด ในตอนที่ร่างแยกนี้ค่อยๆ หลอมรวมตัวกันใหม่ ร่างแยกของเหล่าดาวเคราะห์เต๋าหลักทั้งเก้าภายในร่างตนนั้นไม่ได้แหลกสลายแต่กลับขยายตัวรวดเร็ว กระทั่งว่าในอีกลมหายใจถัดไป ในบรรดาพวกมัน…ในระหว่างเวลาที่ลมปราณกำลังเข้าเสริมบ้าคลั่งนั้น พลันมีดาวเคราะห์เต๋าดวงหนึ่งระเบิดร่างออก ยกระดับเป็น…ดาวเคราะห์เต๋าระดับดารานิรันดร์!

หลังจากนั้นดวงที่สอง ดวงที่สาม ดวงที่สี่ก็ตามมา!

และในระยะเวลาอันสั้น ดาวเคราะห์เต๋าทั้งสี่ดวงล้วนระเบิดร่างกลายเป็นดารานิรันดร์ ทว่าทั้งหมดนี้ยังไม่จบ พริบตาถัดมา ดาวเคราะห์ดวงที่ห้า ดวงที่หกและเจ็ด จนกระทั่งถึงดาวเคราะห์เต๋าหลักดาวที่เก้านั้นล้วนแต่อาศัยจังหวะตีสะท้อนกลับไปมา จนกลายร่างเป็นระดับดารานิรันดร์!

เวลาเดียวกัน เปลวไฟสีดำในร่างของเขาก็ทวีกำลังขึ้น ราวกับว่าได้รับการเติมแต่งในส่วนที่ขาดไปก่อนหน้า ราวกับได้รับวาสนาบ่มเพาะอันสะท้านผืนพิภพ ในพริบตามันแผ่ซ่านออกจากกาย ทำให้ดวงวิญญาณเทพของเขาทะลุฝ่าขีดจำกัดของระดับดารานิรันดร์ขั้นต้น และตอนนี้อยู่ที่ระดับดารานิรันดร์ขั้นกลางแล้ว

สิ่งเหล่านี้ยังยกระดับขึ้นอีกครั้งอย่างไร้ที่สิ้นสุด จนกระทั่งเขาอยู่ที่ระดับดารานิรันดร์ตอนปลาย!!

หวังเป่าเล่อตอนนี้ แม้พลังฝึกตนจะอยู่ที่ดารานิรันดร์ช่วงต้น แต่กายเนื้ออยู่ช่วงปลาย ดวงวิญญาณเทพนั้นอยู่ช่วงปลาย สิ่งเหล่านี้ทำให้พลังฝึกตนของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อยในชั่วพริบตา ในยามที่ดาวเคราะห์เต๋าทั้งเก้ายกระดับเป็นดารานิรันดร์นั้นเอง พลังของตัวเขาก็ยกระดับพุ่งทะยาน ในช่วงเวลาที่เสียงดังนั้นพลันอยู่ที่ระดับดารานิรันดร์ตอนต้นและเคลื่อนเข้าสู่… ดารานิรันดร์ตอนกลาง!

ในยามนี้ หวังเป่าเล่อตกตะลึง เขารู้ว่าพลังฝึกตนของตัวเองนั้นสามัญนัก แถมยังเติบโตได้ช้ากว่าผู้อื่นทั้งหมด เพราะว่ารากฐานของเขานั้นลึกจนเกินไป การคิดฝ่าระดับต้องยกระดับดาวเคราะห์ภายในร่างกว่าครึ่งให้กลายเป็นดารานิรันดร์เป็นเช่นนี้ถึงจะค่อยๆ กลายเป็นผู้ถือครองระบบดวงดาวได้ และจนกระทั่งหลอมสร้างพลังจักรพิภพฉบับสมบูรณ์อันมีเต๋านิรันดร์เป็นใจกลางได้!

เมื่อถึงเวลานั้น เขาก็สามารถยกระดับเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์จักรพิภพ อีกทั้งเมื่อยกระดับจนแข็งแกร่งมากพอ หลังจากสะสมพลังแล้วก็จะสามารถกระโจนไปเป็นผู้แข็งแกร่งระดับจักรพิภพได้!

เพราะรู้เรื่องราวเหล่านี้ดี หวังเป่าเล่อจึงสั่นสะท้านยิ่งกว่าเดิม

เวลาเดียวกันเขาก็คล้ายจะรู้สึกว่าได้ยินเสียงร้องไห้…จึงหันมองกลับไปที่เก่า ท่ามกลางอากาศกว้างรกร้างนั้นราวกับมีเงาภาพมายาพยายามมุ่งหน้าหนีไปให้ไกล

แม้จะเลือนรางเห็นได้เพียงแค่กรอบร่างเท่านั้น แต่ราวกับว่าเงาร่างนั้นเป็น…ปลาตัวหนึ่งที่ร่างกายของมันแหว่งไปกว่าครึ่ง

แม้มีใจคิดไล่ตามไป แต่ปลาตัวนี้กลับวิ่งหนีไปได้เร็วมาก นอกจากนี้แล้วหลังพลังฝึกตนของเขาระเบิดออก บางทีอาจเพราะกลืนกินธาตุพวกนี้เข้าไปจนทำให้รู้สึกเลี่ยน หวังเป่าเล่อจึงคิดอยากหาน้ำดื่มวิญญาณเย็นๆ มากกว่า ในตอนที่เขากำลังจะหยิบขวดออกมานั้น ก็มองไปยังเส้นไหมสีเขียวที่ลอยเข้ามารอบๆ

“เอ๋?” หวังเป่าเล่อกะพริบตา พลันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกหนึ่งลางๆ ว่าของชิ้นนี้ ดูไปแล้วก็สดชื่นไม่น้อย

ดังนั้นในพริบตาถัดมา เขาจึงคว้าเอาเส้นไหมสีเขียวนี้แล้วส่งมันเข้าปาก ดวงตาพลันสว่างวาบ

“อร่อยจัง กรอบแถมยังหวามหอมด้วย !” หวังเป่าเล่อเลียริมฝีปาก เขาไม่วิ่งตามปลาตัวนั้นอีกแล้ว แต่กลับพุ่งไปยังทิศของเส้นไหมสีครามพวกนี้ คว้าหมับจับเข้าปาก

เสียงเคี้ยวนั้นดังออกมาจากปากของเขา รสชาติอันแสนอร่อยทำให้หวังเป่าเล่อยินดีนัก ทว่านี่กลับทำให้เจ้าลาน้อยและอู๋น้อยตื่นตัวขึ้นมาบ้าง อู๋น้อยยังดี กระโจนไปกินมาคำหนึ่ง แต่เจ้าลาน้อยเหลืออยู่แค่ครึ่งศีรษะ ไม่มีปากกินอีกต่อไป มันร้อนใจกระทั่งส่งเสียงร้องเรียกออกมาไม่ได้แล้ว สุดท้ายเมื่อถูกบีบให้ต้องกระวนกระวายอย่างนั้น จึงใช้ศีรษะอีกครึ่งหนึ่งที่เหลืออยู่พุ่งชนไปยังเส้นไหมสีเสียว แล้วม้วนตัวเองเข้าไปข้างใน…

สรุปก็คือ เจ้าสามคนนี้ ในช่วงเวลาที่กำลังคลุ้มคลั่ง พวกเขาพยายามกินเส้นไหมสีเขียวรอบด้าน ระหว่างนั้นฝักกระบี่เจ้าชะตาของหวังเป่าเล่อก็ส่งเสียงไม่พอใจออกมา

“หุบปาก เจ้ากินไปมากแล้ว ถึงตาข้าบ้าง!” หวังเป่าเล่อไม่สนใจ พยายามสะกดมันเอาไว้ หลังจากนั้นดวงตาของเขาก็ทอแสงพยายามคว้าเส้นไหมมาให้มากกว่าเก่า

“ของสิ่งนี้ ดีกว่าน้ำวิญญาณเย็นๆ อีก!”

ในเวลาเดียวกันนี้เอง…ส่วนลึกของท้องฟ้าสีเทา ตรงใจกลางเตาหลอม นอกหมอกดำแห่งการหลอมจักรพรรดิเดือนแยก เจ้าปลาดำที่หนีมาตลอดทางนั้น ราวกับเด็กน้อยที่ออกเผชิญโลกภายนอกแล้วโชคร้ายถูกผู้อื่นรังแกทุบตี มันรีบลอยกลับมาร้องไห้คร่ำครวญ

หลังมาถึงนอกหมอก มันร่อนลงกระแทกพื้นพร้อมกับกลิ้งไปมาทันที ยิ่งร้องก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งดังลอดเข้าไปในใจกลางเตาหลอม ทำให้เฉินชิงจื่อที่หลับตาอยู่ต้องลืมตาขึ้นมาด้วยความใครรู่ หลังกวาดตามองเขาก็ต้องชะงัก ในพริบตาทั้งร่างของเขาก็มาปรากฏอยู่นอกหมอกดำแล้ว

“จักรพรรดิสวรรค์ไม่รู้สิ้นเข้ามาแล้วหรือ? หรือว่าเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นร่วงลงมา? ช่างกล้านัก!! ถึงกับกล้าทำร้ายเต๋าสวรรค์ของสำนักแห่งความมืดของข้า!!” เฉินชิงจื่อสีหน้าทะมึน จิตสังหารแผ่กระจาย โดยเฉพาะเมื่อเจ้าปลาดำเบื้องหน้านี้กลิ้งไปกลิ้งมาหลุนๆ ร้องครวญครางเหมือนเด็กน้อยงอแง ท่าทางน่าอนาถยิ่งนัก

ร่างกายกว่าครึ่งของมันหายไปแล้ว รอยแผลนั้นเหมือนถูกกัดด้วยรอยฟันคล้ายกับถูกกิน ทำให้ผู้ที่ได้เห็นตกตะลึงยิ่งนัก เฉินชิงจื่อเห็นแบบนี้ก็ยิ่งโกรธ

“บอกข้ามา ใครเป็นผู้ทำร้ายเจ้า ข้าจะจับมันกลับมา มันทำร้ายเจ้าอย่างไร แล้วเจ้าไปทำอะไรอีกฝ่ายเข้า!”

เจ้าปลาดำเมื่อได้ยินเฉินชิงจื่อเอ่ยก็ซาบซึ้งใจทันที ดวงตาของมันคล้ายมีหยาดน้ำตา ส่งเสียงกรีดร้องราวกับอธิบายอะไรบางอย่าง ในเวลาเดียวกันก็พลิกร่างขึ้น เนื้อหนังในส่วนที่เว้าแหว่งพลันบังเกิดภาพของลาตัวหนึ่ง จากนั้นก็เป็นภาพของผู้เยาว์ และหลังจากนั้นในพริบตาถัดมา ร่างกายก็พลันระเบิดออก กลายเป็นเงาร่างนับไม่ถ้วน ของหวังเป่าเล่อ…

สุดท้ายแล้วจึงค่อยรวมกลับมาเป็นตัวปลาใหม่อีกครั้ง และเริ่มโอดครวญ

ทว่า เจ้าปลาดำกลับไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าของเฉินชิงจื่อที่ในตอนแรกเงียบงันเป็นที่สุด แต่เมื่อเฝ้ามองเรื่อยๆ จนกระทั่งเห็นร่างของหวังเป่าเล่อแล้ว สีหน้าเขาก็เปลี่ยนเป็นพิลึกพิลั่น สุดท้ายจึงได้แต่กลอกตา แล้วกระแอมไอ

“เอาล่ะ ก็แค่ถูกกัดไม่กี่ทีไม่ใช่หรือ ไม่ถึงกับตายน่า!”

“เรียกข้าออกมานี่ก็ควรจะเป็นเรื่องใหญ่หน่อยสิ ไม่พูดต่อแล้ว ข้าจะกลับไปหลอมจักรพรรดิเดือนแยกต่อ!” กล่าวจบร่างของเฉินชิงจื่อก็ขยับตัวหายไปในหมอกสีดำ

เจ้าปลาดำนอกหมอกนี้ถึงกับชะงักนิ่ง สีหน้าของมันแข็งค้างเต็มไปด้วยความงงงวย ราวกับไม่รู้จะต้องมีปฏิกิริยาอย่างไร

“?””

“??” “???”

……………………………………………………………………………