บทที่ 1141 คนชั่ว!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

ยามนี้หากมีคนที่สามารถมองออกถึงความในใจของเจ้าปลาดำพิการตัวนี้ได้ คงสัมผัสได้ถึงประโยคไม่กี่ประโยคที่ดังก้องอยู่ในสมองของมันเป็นแน่…

“แล้วที่บอกไว้ว่าจะช่วยข้าเล่า?”

“แล้วที่บอกไว้ว่าจะจับอีกฝ่ายกลับมาให้ข้ากัดเล่า?”

“ไหนว่าโกรธไง?”

เจ้าปลาดำงงงวย…เป็นเวลากว่าชั่วครู่มันถึงค่อยมีปฏิกิริยากลับมา แล้วเริ่มส่งเสียงโหยหวนอีกครั้งก่อนจะกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่นอกหมอก กระทั่งผ่านไปเนิ่นนานมันจึงพบว่าไม่มีคนสนใจแล้วจริงๆ จึงค่อยๆ หยุดลงอย่างปวดร้าวใจ ก่อนจะตะบึงจากไปราวกับต้องการระบายอารมณ์อย่างไรอย่างนั้น  เสียงร้องนั่นดังลอดมาจากที่ไกลๆ

ขณะที่เจ้าปลาดำกำลังแผดร้องระบายความอัดอั้นข้างในใจ เฉินชิงจื่อที่กลับเข้าหมอกดำนั้นก็อดปวดหัวไม่ได้ เขาไม่คิดว่าหวังเป่าเล่อจะกินปลาดำน้อยจนเหลือเพียงครึ่งตัว หลังจากเห็นสภาพอนาถนี้ จึงรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเข้าไปไกล่เกลี่ย

“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ศิษย์น้องเล็กคงไม่กินปลาตัวนี้จนหมดหรอกนะ…” เฉินชิงจื่อหนังตากระตุก เขารู้สึกว่ามีโอกาสเป็นไปได้ค่อนข้างมากทีเดียว ดังนั้นแล้วจึงยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว พลางแผ่สภาวะจิตไปทั่วเขตดาวเคราะห์สีเทาดวงนี้ หลังจากนั้นจึงพบว่า…

ภาพที่เห็นทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสีทันที รู้สึกเหนื่อยหน่ายใจอย่างยิ่ง

เขาพบว่าภายในท้องฟ้าสีเทา ตอนนี้หวังเป่าเล่อยังคงดูดกลืนพลังปราณอยู่ ส่วนข้างกายนั้นมีเจ้าลาน้อยและผู้เยาว์รายหนึ่งอยู่ด้วย แม้จะพยายามแอบซ่อนสุดฤทธิ์ ทว่าภายในปากนั้นน้ำลายกลับหยดย้อยลงมาไม่น้อยเลย

โดยเฉพาะตัวของเจ้าลาน้อย เห็นชัดว่าศีรษะของมันเพิ่งจะฟื้นสภาพกลับคืน แต่ริมฝีปากล่างยังแหว่งอยู่ ดังนั้นน้ำลายเลยกระเซ็นหกลงบนดาวเคราะห์…

ส่วนหวังเป่าเล่อทางนั้นแม้น้ำลายจะไม่ได้ไหลย้อย แต่ดวงตากลับทอประกายระยับ อีกทั้งยังมีท่าทีเหมือนคนเพิ่งเช็ดน้ำลายหลังจากตื่นนอน นี่สามารถกล่าวได้ว่า…เจ้าสามคนนี้ ติดใจกับการล่อปลาแล้วยังคิดจะทำอีกครั้ง

“มันควรจะมีสมองอยู่บ้าง ถูกกัดเสียจนสภาพน่าสังเวชเช่นนั้นแล้ว คงไม่คิดกลับไปอีกกระมัง” เฉินชิงจื่อพึมพำ เพิ่งจะกล่าวจบ พริบตาดวงตาของเขาก็เบิกออกกว้าง เหม่อมองไปทางด้านหลังของพวกหวังเป่า เจ้าปลาดำที่เพิ่งจะจากเขาไปเมื่อครู่…ตอนนี้กลับไปปรากฏตัวตรงนั้นแล้ว

มันขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน หวังจะลงมืออย่างโง่เง่า

เฉินชิงจื่อนิ่งอึ้ง เขารู้สึกว่าตนควรเก็บการคาดเดาก่อนหน้าเอาไว้ เจ้าปลาดำ…น่าจะโง่อย่างสมบูรณ์แบแล้วจริงๆ

แต่ต่อให้โง่เง่าเพียงใดก็เป็นถึงเต๋าสวรรค์ ในระหว่างที่เฉินชิงจื่อกำลังปวดหัวนั่นเอง เขาก็กระแอมไอไปทางหวังเป่าเล่อโดยผ่านกระแสจิต

ขณะเดียวกันที่ที่เฉินชิงจื่อส่งกระแสจิตมา ทางด้านหวังเป่าเล่อก็กำลังสั่งสอนเจ้าลาน้อยและอู๋น้อยอยู่พอดี

“พวกเจ้าทั้งสองต้องยั้งมือ**!**”

“เจ้าลาน้อย เก็บน้ำลายของเจ้ากลับไป รอบด้านนี้มีแต่น้ำลายของเจ้าแล้ว หากเป็นแบบนี้ต่อไป เจ้าปลาโง่นั่นยังจะกล้าเข้ามาอีกหรือ**!**”

“อู๋น้อย เจ้าไปรองน้ำลายของเจ้าลาน้อยเอาไว้สิ รีบเข้า ไม่เช่นนั้นหากตกปลาไม่สำเร็จ ข้าจะใช้เจ้าสองคนเป็นเหยื่อล่อเสีย**!**”

สีหน้าอู๋น้อยและเจ้าลาน้อยดูไม่ได้รับความเป็นธรรม พวกมันโกรธแต่ไม่กล้าเอ่ย ต่างลอยอยู่ข้างๆ แล้วสบตากัน ทำราวกับแอบพูดจากันว่านี่เป็นสิ่งที่คนควรพูดหรือ หาว่าหวังเป่าเล่อทำเกินไปแต่ถึงอย่างนั้น อู๋น้อยก็ไม่กล้าขัดขืนอยู่ดี ทำได้เพียงวิ่งไปเอาสองมือรองใต้คางของเจ้าลาน้อย มือรับน้ำลาย พลางส่งเสียงถอนหายใจ

หวังเป่าเล่อแค่นเสียงออกมาคำหนึ่ง ปากกำลังจะเอ่ยสั่งสอนต่อ ตอนนั้นเองหน้าก็ต้องเปลี่ยนสีทันที เมื่อได้ยินเสียงของเฉินชิงจื่อที่ส่งผ่านกระแสจิตเข้ามา

“ศิษย์น้องเล็ก หยุดดูดกลืนปราณแห่งความตายได้แล้ว และอย่าไปมองหาเจ้าปลาดำอีก นั่นน่ะคือเต๋าสวรรค์ของพวกเราสำนักแห่งความมืด…อีกหน่อยข้าจะพาเจ้ากลับสำนัก ให้เจ้าดูดได้เต็มที่เลย”

“ศิษย์พี่?” ตอนแรกหวังเป่าเล่อตื่นเต้นยินดี แต่หลังจากได้ฟังคำพูดอย่างกระจ่างแล้ว ในใจก็รู้สึกร้อนรนขึ้นมา เขารีบพยักหน้า หลังจากนั้นก็หันกลับไปจ้องอู๋น้อยและเจ้าลาน้อยที่กำลังล่อปลาด้วยความโกรธ ก่อนจะใช้เท้าเตะไปคราหนึ่งจนกระทั่งทั้งสองนั้นตัวกระเด็น หวังเป่าเล่อขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแบบไม่ได้ดังใจ

“พวกเจ้าทั้งสองคนทำอะไร ปลาตัวนั้นน่าสงสารจะตาย พวกเจ้ายังคิดจะไปจับมันอีกรึเรอะ?”

“เจ้าไม่มีความเห็นใจหรือความสงสารมันบ้างหรือไง? เกินไปจริงๆ!” หวังเป่าเล่อคำรามเสียงต่ำคล้ายกำลังโมโห สีหน้าและคำพูดของเขาทำให้อู๋น้อยและเจ้าลาน้อยตื่นตกใจและงุนงง

“ในตอนแรกข้าก็ไม่ได้ยินยอมอยากจะทำหรอก แต่พวกเจ้ากลับเอาแต่บังคับข้า บีบคั้นข้า จิตใจอันงดงามของข้าเจ็บปวดนัก ข้ารู้สึกผิดต่อเป๋าเป่าปลาดำยิ่งนัก!”

“ข้าบอกพวกเจ้าไว้เลยนะ ตอนนี้ข้าได้สติแล้ว ไม่อาจอยู่ข้างพวกอันธพาลได้อีก อีกหน่อยเป๋าเป่าปลาดำก็คือพี่น้องของข้า ใครกล้าทำร้ายมัน ก็ไม่อาจอยู่ร่วมกับข้าหวังเป่าเล่อได้ มันย่อมเป็นศัตรูตัวฉกาจของข้าหวังเป่าเล่อ ไม่ตายไม่เลิกรา!” หวังเป่าเล่อเอ่ยวาจาจริงจังกระจายไปทั่วทิศ ทำให้อู๋น้อยและเจ้าลาดำตัวสั่นสะท้าน และที่สั่นสะท้านมากที่สุดคงเป็นเจ้าปลาดำตัวนั้นที่ลอยอยู่ไม่ห่างออกไป…

เจ้าปลาดำตัวนี้ ตอนแรกก็เพียงแค่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างแค้นเคือง ในใจเต็มไปด้วยความคับข้องและเศร้าโศก แต่ในยามที่ได้ยินประโยคนี้ของหวังเป่าเล่อ ร่างของมันกลับสั่นสะท้าน นี่ไม่ใช่ความโกรธแต่เป็นความซาบซึ้ง!

คล้ายกับคนผู้หนึ่งที่ได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างมากและไร้คนเข้าใจ ไม่มีใครออกหน้าให้ ทว่าตอนนี้กลับมีคนออกหน้าปกป้อง ลูบหัวของมัน ให้ความอบอุ่นและเข้าใจ กระทั่งตะโกนบอกมันเสียงดังว่า อีกหน่อยหากใครรังแกเจ้า ข้าจะมาช่วยเจ้า ใครรังแกเจ้า คนผู้นั้นเป็นศัตรูกับเขา ความโศกเศร้าทั้งหมดของเจ้า ข้ารับรู้แล้ว

ในสถานการณ์แบบนี้ เป็นใครก็ย่อมซาบซึ้ง อย่าว่าแต่อีกฝ่ายเป็นศัตรูเลย…โดยเฉพาะกับปลาดำที่สติปัญญายังไม่เป็นผู้ใหญ่เท่าไรนัก จึงซาบซึ้งอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ในพริบตาความโกรธและอารมณ์ปฏิปักษ์ที่มันมีต่อหวังเป่าเล่อก็จางหายไปกว่าครึ่ง ถึงขั้นที่รู้สึกว่าหวังเป่าเล่อผู้นี้ช่างอบอุ่นมาก

หากว่าเป็นเช่นนี้ บางทีผ่านไปสักพักเจ้าปลาน้อยอาจเริ่มคิดได้ แต่หวังเป่าเล่อหรือจะมอบโอกาสให้แก่มัน หลังจากเอ่ยจบ หวังเป่าเล่อก็ยกมือขวาขึ้นโบก พริบตานั้นเขาก็หยิบสิ่งที่สะสมไว้ก่อนหน้า เส้นไหมสีเขียวที่เตรียมไว้เป็นอาหารสำรองเหล่านั้น หวังเป่าเล่อหยิบมันออกมาครึ่งหนึ่ง แล้วตะโกนเสียงดัง

“เป๋าเป่าปลาน้อย อย่าโกรธเลย มานี่สิ ของเหล่านี้เป็นของขวัญชดเชยจากข้า ต่อไปนี้ทุกคนเป็นพี่น้องกัน ข้าจะไม่กลืนปราณแห่งความมืดแล้ว หากใครทำให้เจ้าโกรธ ข้าจะออกหน้าให้เจ้าเลย”

เมื่อหวังเป่าเล่อกล่าวออกไป เจ้าปลาดำที่ซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลนั้น ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ยังตัดสินใจไม่ได้

หวังเป่าเล่อรออยู่สักพัก มองเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมปรากฏตัว ดังนั้นจึงหยิบเส้นไหมสีเขียวอีกจำนวนหนึ่ง เผยรอยยิ้มอบอุ่นละมุนละไม พยายามตะโกนเสียงดังด้วยน้ำเสียงเจือความเมตตาอย่างยิ่ง

“ปลาน้อยเป๋าเป่า ข้าผิดไปแล้ว ให้อภัยข้าเถอะ อีกหน่อยข้าจะพาเจ้าไปกินเส้นไหมทั้งหมดที่นี่เลย!”

บางทีการกระทำของหวังเป่าเล่ออาจทำให้ปลาน้อยซาบซึ้งอย่างมาก บางทีก็อาจเป็นเพราะแรงดึงดูดของเส้นไหมสีเขียวรุนแรงไปจริงๆ หรือบางทีสติปัญญาของปลาดำอาจจะมีปัญหาจริง…ดังนั้นไม่นานนัก เงาร่างของปลาดำก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างช้าๆ มองไปทางหวังเป่าเล่อด้วยความระแวดระวัง

ฉากนี้ ในพริบตานั้นทำให้เจ้าลาน้อยและอู๋น้อยเบิกตาถลน มันรีบมองหน้ากันและกัน ต่างมองเห็นแววตาสั่นสะท้านและอดไม่ได้ที่จะเคารพนับถือในสายตาของอีกฝ่าย

“หรือว่าเมื่อครู่ที่เตะพวกข้า ก็เป็นการจงใจเสแสร้ง แท้จริงแล้วเป้าหมายก็คือการล่อปลางั้นหรือ  เก่งนัก เก่งกาจจริง!”

“อียอววว! ฮี้! อียอววว!”

ท่ามกลางความตื่นตะลึงของอู๋น้อยและเจ้าลาน้อย ปลาดำก็ลอยเข้ามาใกล้ พริบตานั้นกินเข้าคำหนึ่งก็รีบถอยห่างออกไปอย่างระวัง แต่หลังจากพบว่าไม่มีอันตราย มันก็แล่นเข้ามาก่อนจะหายไปอีกครั้งทันที เป็นเช่นนี้อยู่หลายรอบ ความระแวงของเจ้าปลาจึงลดทอนลงจนเกือบจะหายสิ้น หลังจากที่หวังเป่าเล่อดึงเอาเส้นไหมสีเขียวออกมาจำนวนมาก ในที่สุดเจ้าปลาดำก็ยอมเข้าใกล้และไม่ได้หนีไปอีก มันกัดกินพลางมองหวังเป่าเล่อด้วยความสนิทสนม

ยามนี้อู๋น้อยและเจ้าลาน้อยดวงตากำลังทอประกาย มันอ้าปากกว้างกำลังจะกลืนลงไปสักคำ เจ้าปลาดำน้อยพลันตอบโต้ทันที ความโกรธและตกใจกำลังจะระเบิดออกมา แต่หวังเป่าเล่อเหมือนจะโกรธเสียยิ่งกว่ามัน เขาดันปลาน้อยเอาไว้ด้านหลัง แล้วพุ่งตัวเข้าไปเตะพวกมันคนละที ท่ามกลางเสียงดังสนั่น เขาเตะจนอู๋น้อยและเจ้าลาน้อยลอยไปไกล

“หน้าด้าน หน้าด้านเกินไปแล้วจริงๆ”

“พวกเจ้าไม่มีเมตตาบ้างรึ ข้าบอกพวกเจ้าสองคนไว้เลยนะ ปลาน้อยเป๋าเป่าเป็นพี่น้องของข้า และเป็นผู้อาวุโสของพวกเจ้า อีกหน่อยพวกเจ้าห้ามกินมัน!”

ฉากนี้ทำเอาอู๋น้อยและเจ้าลาน้อยมึนงง ความรู้สึกไม่เป็นธรรมค่อยๆ กระจายไปทั่วร่างทีละนิด ด้านเจ้าปลาดำท่าทางเหม่อลอย หลังจากมันมองหวังเป่าเล่อก็คล้ายจะร้องไห้ออกมา ส่งเสียงร่ำไห้ราวกับพบเจอญาติมิตรอย่างไรอย่างนั้น ก่อนจะพุ่งเข้าไปข้างกายหวังเป่าเล่อ ความโกรธแค้นทั้งหมดสลายหายไปทันที แล้วมุ่งไปยังเจ้าลาน้อยกับอู๋น้อยทางด้านนั้น

ที่แท้ ก็เป็นพวกเจ้าสองคน!

ไม่ผิดแน่ ตอนแรกที่เริ่มกัดข้าก็คือเจ้าสัตว์ดุร้ายที่เหลือเพียงส่วนหัวนั่น!

“เจ้าปลาดำอย่าร้องไห้” หวังเป่าเล่อเผยรอยยิ้มอบอุ่น เขาลูบลำตัวของเจ้าปลาดำ แล้วมองอู๋น้อยและเจ้าลาน้อยอย่างเคืองๆ

“ปลาน้อยน่ารักขนาดนี้ พวกเจ้านี่…อีกหน่อยข้าจะไม่ไว้หน้าแล้ว!”

“…” อู๋น้อยเงียบงัน

“…” เจ้าลาน้อยนิ่งเงียบ

“…” เฉินชิงจื่อยังคงนวดหว่างคิ้วต่อไป

……………………………………………………………….