หลังจากชายชราผู้นั้นกะพริบตาอยู่หลายครั้ง เขาก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นมา แสงสีขาวสว่างวาบ จากนั้นม้วนคัมภีร์หยกสีขาวก็ปรากฏขึ้น

ปากของชายชราผมแดงร่ายคาถางึมงำ แล้วเอานิ้วชี้จิ้มไปที่ม้วนคัมภีร์นั้น

ในตอนนั้นเองม้วนคัมภีร์หยกก็มีแสงสว่างขึ้น ด้านในมีรูปภาพคนเหมือนพลิกไปเรื่อยๆ

ชายชรามองภาพวาดเหมือนเหล่านี้ด้วยสายตาเย็นชา

จู่ๆ แสงนั้นก็หยุดลง ภาพคนเหล่านั้นหยุดหมุนเช่นกัน

ภาพที่ปรากฏออกมานั้นคือชายสวมชุดคลุมสีเขียว และมีอีกสองคนอยู่ด้านหลังอีก คนในภาพนั้นคือหานลี่จริงๆ

“คนผู้นี้คือมหาเมธีจากเผ่ามนุษย์จริงๆ ด้วย ฝีมือไม่ธรรมดา เก่งกว่าระดับมหาเมธีทั่วไปนัก เหมือนว่าจะต้องต้อนรับอย่างดีที่สุดแล้ว” ชายชราผมแดงพูดกับตัวเองอย่างครุ่นคิด “แปะๆ” เสียงตบมือของเขาดังขึ้น

จากนั้นกำแพงด้านหนึ่งในห้องลับแห่งนี้ก็เกิดระลอกคลื่นขึ้น และมีผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตางดงาม สวมชุดนางในสีม่วงปรากฏอยู่ตรงหน้าของชายชรา

“คารวะท่านหัวหน้าใหญ่ เชิญสั่งการมาได้เลยเจ้าค่ะ”

“เฟยอวิ๋น อีกเดี๋ยวเจ้าจัดคนไปรับสหายหานลี่คนนี้หน่อยนะ ต้อนรับอย่างดีที่สุด เพราะเขาเป็นแขกระดับสูง ต้องทำให้คนผู้นี้พอใจกับกลุ่มพันธมิตรของเราให้มากที่สุด” ชายชราผมแดงพูดช้าๆ

“รับรองอย่างดีที่สุด ข้าน้อยเข้าใจแล้ว ข้าจะรับรองคนผู้นี้ด้วยตนเอง ไม่มีทางทำให้เขาไม่ประทับใจแน่นอน” หญิงสาวในชุดนางในสีม่วงตกใจ และตอบกลับด้วยความเคารพ

“ดีมาก หากเจ้าเป็นคนจัดการเรื่องนี้ข้าเองก็วางใจ รีบไปเถอะ คนผู้นี้เข้าประตูสวรรค์ทมิฬมาแล้ว นี่คือข้อมูลของเขา เจ้าเอาไปศึกษาก่อน แต่ห้ามล่วงเกินเขาเด็ดขาด” ชายผมแดงพยักหน้า แล้วส่งม้วนคัมภีร์หยกให้อีกฝ่าย ราวกับเขาเชื่อใจอีกฝ่ายมาก เมื่อหญิงสาวชุดม่วงรับคัมภีร์หยกมาก็กล่าวตอบรับ และหายไปจากห้องปิดตายนี้ทันที

หลังจากที่ชายชราผมแดงสะบัดแขนเสื้อ รัศมีลำแสงก็สลายหายไป

ในขณะเดียวกัน กำแพงหินก็มีแสงสว่างวาบขึ้น มีชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมนักพรตปรากฏขึ้นมาที่ด้านหลังของชายชราผมแดง แล้วพูดขึ้นทันทีว่า

“ท่านหัวหน้าใหญ่ สินค้าประมูลชิ้นสุดท้ายเข้ามาที่คลังของพวกเราแล้วขอรับ”

“ดีมาก ของเหล่านี้มีมูลค่าสูงมาก ให้เจ้าหน้าที่ของกลุ่มพันธมิตรของเราตรวจสอบรายชื่อให้ดี ต้องไม่ให้เกิดความผิดพลาด แล้วอีกอย่าง ให้คนเตรียมตัวผู้คุ้มกันคุมงานประมูลครั้งนี้ให้ดี จะต้องถูกตรวจสอบมากกว่าสามรอบ…” ชายชราผมแดงสั่งการลงไป

…ทางด้านหานลี่ที่เพิ่งผ่านเข้าประตูแสงขนาดใหญ่มานั้น เขาสัมผัสได้ถึงแสงสว่างด้านหน้าอย่างเดียวเท่านั้น จากนั้นตัวของเขาก็ปรากฏขึ้นที่แท่นหินหนึ่งที่มีขนาดมากกว่าสิบจั้ง

หลังจากที่เซวี่ยพั่ว จูกั่วเอ๋อร์ และคนอื่นๆ ตามมาครบแล้ว ด้านล่างเขาของเขาเป็นเขตอาคมส่งตัวอันหนึ่ง

หานลี่กวาดสายตามองไปรอบๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

รอบข้างของเขามีเพียงต้นไม้ขนาดใหญ่หนึ่งต้น แหล่งน้ำอีกหนึ่งที่อยู่ตรงแท่นหิน และมีถนนคดเคี้ยวที่ทอดยาวออกไป

หานลี่เงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้า เขาเห็นเพียงเพดานหินสีเทาขาว สูงจากพื้นดินหลายพันจั้ง แล้วมีหินงอกหินย้อยจำนวนมากทอดยาวไกลสุดลูกหูลูกตา

เหมือนพวกเขาจะอยู่ในโลกเบื้องล่าง ทุกๆ ลี้จะมีจุดกำเนิดแสงสว่างขนาดเท่ากับหัวคน เมื่อมองไปไกลๆ จะเห็นว่าดวงดาวพร่างพราว เพราะมันมีแสงสีขาวเหมือนกับแสงตะวันในชั้นใต้ดิน

แต่เมื่อหานลี่ใช้จิตสัมผัสสำรวจ แท่นหินอีกเจ็ดแปดอันก็เหมือนว่ามีคนอื่นๆ อยู่ด้วย

ดูเหมือนว่าเขตอาคมส่งตัวมายังโลกเบื้องล่าง จะไม่ใช่แค่ทางเข้าของประตูแสงของเทือกเขาเฮยเจียวแล้ว

เมื่อหานลี่ใช้จิตสัมผัสเพิ่มขึ้นในระยะไกล เขาก็สามารถสัมผัสอะไรบางอย่างได้ในระยะสิบลี้ ทำให้จิตสัมผัสของเขาเกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อย

หานลี่ยิ้มขึ้นเบาๆ จากนั้นก็เดินลงจากแท่นหินอย่างไม่ใส่ใจ และเดินไปตามทางเดินคดเคี้ยวทอดยาวนั้น

เซวี่ยพั่ว จูกั่วเอ๋อร์ บรรพชนฮวาสือและคนอื่นๆ ก็เดินตามเขาไปทันที พร้อมกับสำรวจรอบๆ ไม่หยุด

เมื่อเดินไปข้างหน้าประมาณสามถึงสี่ลี้ เขาก็เห็นปากทางที่เชื่อมต่อถึงกัน

ด้านข้างของทางแยก มีกระท่อมขนาดใหญ่สีเขียวสร้างเอาไว้อยู่ ด้านในมีชาวต่างเผ่าสิบคนนั่งอยู่ด้านใน

เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้แบ่งออกเป็นเจ็ดถึงแปดกลุ่ม บางคนก็กำลังพูดคุยกันด้วยเสียงเบา บางคนก็นั่งหลับตาอยู่ ราวกับว่าพวกเขากำลังรออะไรบางอย่าง

ในกลุ่มของพวกเขามีเด็กอายุประมาณสิบเอ็ดสิบสองสามคน ถักผมเปีย ฟันขาวปากแดง สวมชุดเครื่องแบบสั้นๆ กำลังลำเลียงชาจิตวิญญาณ และจานผลไม้ขึ้นมาวางไว้ที่โต๊ะ

เมื่อหานลี่เห็นดังนั้นเขาก็หรี่ตาแต่ก็ยังก้าวเดินต่อไปไม่หยุด เขาเดินไปพร้อมกับคนอื่นๆ

ชนต่างเผ่าในโรงน้ำชาที่เห็นว่ามีผู้มาใหม่ พวกเขาก็กวาดสายตามองมาที่หานลี่

หลังจากที่คนส่วนใหญ่สามารถจับระดับการฝึกฝนของหานลี่ได้นั้น สีหน้าท่าทางของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก แววตามีความเคารพเพิ่มขึ้นหลายส่วน

ในตอนนั้นเมื่อเซวี่ยพั่วเห็นชาวต่างเผ่าจำนวนมากในกระท่อม นางก็พูดขึ้นมาว่า

“ท่านผู้อาวุโสหาน ที่นี่น่าจะเป็นสถานที่ต้อนรับแขกของกลุ่มพันธมิตรการค้าเฮ่อเหลียน บุคคลภายในที่มาเข้าร่วมการประมูลจะต้องรออยู่ที่นี่เพื่อให้คนของการค้าเฮ่อเหลียนส่งคนออกมารับ แม้ว่าพวกเขาจะมีเทียบเชิญแต่ก็ไม่สามารถเข้างานได้โดยตรง”

“อย่างนี้นี่เอง กลุ่มการค้าเฮ่อเหลียนช่างระวังตัวจังเลยนะ” หานลี่พูดพร้อมยิ้มน้อยๆ

ในตอนนั้นพวกเขาก็เดินเข้ามาใกล้กระท่อมหลังหลังนั้นมากแล้ว จึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่านอกจากชนต่างเผ่าสองสามคนแล้ว นอกจากนั้นจะเป็นคนที่อยู่ระดับหลอมสูญเท่านั้น

เด็กสามคนนั้นเมื่อเห็นหานลี่เดินเข้ามา ก็รีบออกจากกระท่อม แล้วโค้งคำนับหานลี่อย่างมารยาท ในตอนนั้นเองเหมือนพวกเขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง

แต่ทันใดนั้นมีเสียงไพเราะเสนาะหูดังขึ้นมาจากด้านบนของกระท่อมหลังนั้น อักษรรูนสีขาวจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้น เมื่อหันหลังกลับไปมองก็เห็นเป็นจานหยกสีขาวขนาดใหญ่ปรากฏออกมา

บนจานหยกเกิดระลอกคลื่นขึ้น เขตอาคมแสงชนิดหนึ่งสว่างวาบ ทันใดนั้นก็มีหญิงงามสวมชุดนางในสีม่วงปรากฏกายขึ้น

“ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะ”

ไม่รู้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของใคร วินาทีนั้นทุกคนที่อยู่ในกระท่อมก็หันไปมองหญิงสาวที่อยู่บนจานหยก

เงาคนบนจานหยกนั้นคือสาวงามในชุดนางในสีม่วง แม้ว่าพวกเขาจะไม่เห็นใบหน้าทั้งหมดเพราะมีผ้าปิดครึ่งหน้าด้านล่างของนางอยู่ แต่ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้เห็นนางก็อดใจเต้นตึกตักกับนางไม่ได้

หลังจากที่หญิงสาวคนนั้นปรากฏตัวขึ้น สายตาของนางก็ทอดมองมายังด้านล่าง กวาดสายตามองเล็กน้อย แล้วหยุดที่หานลี่

“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสท่านนี้คือบรรพชนหานจากเผ่ามนุษย์หรือไม่ ข้าน้อยเฟยอวิ๋นได้รับคำสั่ง ให้นำพาท่านไปยังเรือนรับรองพิเศษเทียนเจ้าค่ะ” หลังจากที่หญิงสาวผู้นั้นคำนับหานลี่อย่างนอบน้อมแล้ว นางก็ถามอีกฝ่ายด้วยความเคารพ

“ที่แท้ก็คือแม่นางเฟยอวิ๋นนั่นเอง ข้านั้นมาจากเผ่ามนุษย์จริง แต่ไม่ทราบว่าคนที่สั่งการเจ้ามาคือ…”

หลังจากที่หานลี่ใช้สายตาสำรวจแม่นางคนนี้แล้ว เขาจึงถามขึ้นด้วยความสนใจ

“แน่นอนว่าข้าทำตามคำสั่งของใต้เท้าหมิง ซึ่งเป็นคำสั่งของหัวหน้าใหญ่ ด้วยสถานะที่ไม่ธรรมดาของผู้อาวุโสหาน ดังนั้นจึงต้องจัดห้องรับรองสูงสุดและบริการที่ดีที่สุด” หญิงสาวชุดม่วงผู้นั้นพูดออกมาอย่างไม่ครุ่นคิด

“การรับรองระดับสูงสุด…พระเจ้า ระดับมหาเมธีมาถึงที่นี่แล้วสินะ…”

“เกรงว่าจะไม่ใช่แค่ระดับมหาเมธีทั่วไป”

ชนต่างเผ่าคนอื่นๆ ที่อยู่กระท่อมหลังนั้นเมื่อได้ยินสิ่งที่แม่นางคนนั้นพูดก็เกิดความโกลาหลขึ้น

“หมิงจุน ข้าเคยได้ยินชื่อสหายท่านนี้มาก่อน คาดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นหนึ่งในกลุ่มพันธมิตรการค้าเฮ่อเหลียนของพวกเจ้าด้วย ดีมาก นำทางพวกเราไปเถอะ” หานลี่พยักหน้าแล้วพูดเบาๆ

“เชิญทางนี้เจ้าค่ะ ท่านอาวุโส” สาวชุดม่วงโน้มตัวเล็กน้อย และเขยิบออกไปที่ขอบของจานหยก

หานลี่และคนอื่นๆ ก็ขยับกาย และขึ้นไปยืนบนจานหยก

จากนั้นหญิงสวมชุดม่วงก็ใช้มือข้างหนึ่งร่ายคาถา จานหยกก็ค่อยๆ ขยับขึ้น วงแหวนแสงก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

หลังจากที่กลางอากาศเกิดระลอกคลื่น จานหยกและคนบนจานหยกก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว

เมื่อหานลี่ปรากฏตัวอีกครั้ง ด้านหน้าของเขาก็เป็นพระราชวังสีทองหลังใหญ่งดงามอย่างมาก

ตำหนักนี้มีขนาดหลายหมู่ แต่ตรงกลางของมันก็มีจานหยกปรากฏอยู่

“คารวะผู้อาวุโส”

กลางห้องโถงใหญ่มีหญิงสาวสวมชุดนางในสิบสองคนรออยู่ที่นั่นนานแล้ว เมื่อเห็นหานลี่เข้ามา พวกนางก็ทยอยถอนสายบัวเพื่อทำความเคารพหานลี่

เมื่อหานลี่เห็นดังนั้น ก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก

ผู้หญิงทั้งสิบสองคนนี้ เหมือนจะอายุประมาณสิบหกสิบเจ็ด เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มาจากเผ่าเดียวกัน บางคนมีเขาอยู่บนหัว บางคนมีผิวสีเขียวอ่อน แต่ละคนก็มีความงามอย่างมาก ในมือของพวกนางจะถือกระถางกำยาน คฑาหยู่อี้ (คล้ายไม้เกาหลัง) แส้ขนจามรี และอุปกรณ์อย่างอื่น

แต่ที่หานลี่สนใจมากกว่านั้นคือ สาวน้อยทั้งสิบสองคน แม้ว่ายังจะอายุน้อย แต่ทุกคนอยู่ในระดับก่อกำเนิดทั้งสิ้น

“นี่มัน…” หานลี่หรี่ตามองเล็กน้อย

“ผู้อาวุโสอย่าเพิ่งแปลกใจ นี่คือสาวงามที่กลุ่มพันธมิตรของพวกเราเลี้ยงดูมา เด็กสาวทุกคนโตมาจากดอกไม้และน้ำผึ้ง ร่างกายสามารถแผ่กระจายกลิ่นหอมจากดอกไม้นับร้อยชนิด ทุกคนล้วนมีปราณ

หยินบริสุทธิ์ รักษาพรหมจารีย์อยู่เสมอ หากทำเป็นเตาหลอมมนุษย์ย่อมได้ประโยชน์อย่างมาก ตามกฎของกลุ่มพันธมิตรของพวกเราแล้ว ทางเราจะเสนอให้พวกนางติดตามแขกมีเกียรติระดับสูงสุดของพวกเรา พวกเจ้ามานี่ ยังไม่มาคารวะเจ้านายคนใหม่ของพวกเจ้าอีกหรือ” สาวชุดม่วงอธิบายโดยไม่กะพริบตา พร้อมสั่งเด็กสาวทั้งสิบสองด้วย

“คารวะนายท่าน”

แม้ว่าพวกนางทั้งสิบสองจะยังคุกเข่าอยู่เช่นเดิม แต่คำเรียกขานของพวกนางก็เปลี่ยนไปแล้ว

“สาวงาม หึๆ พันธมิตรของพวกเจ้าช่างใจกว้างเสียจริง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าน้อยแซ่หานก็ไม่ขอเสียมารยาท พวกเจ้าลุกขึ้นมาก่อนเถอะ กั่วเอ๋อร์ ข้ายกพวกนางให้เจ้าเป็นการชั่วคราว” หานลี่หัวเราะหึๆ แล้วรับของขวัญที่ได้มาอย่างไม่เกรงใจ