ตอนที่ 2320 เรื่องไม่คาดคิด

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

จูกั่วเอ๋อร์เดินไปด้านหน้าหนึ่งก้าว นางพยักหน้าพร้อมรับคำสั่ง หญิงสาวทั้งสิบสองคนก็ลุกขึ้นยืนพร้อมเดินตามจูกั่วเอ๋อร์ไป

“นอกจากสาวงามทั้งสิบสองคนนี้ กลุ่มพันธมิตรของเรายังเตรียมของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้ท่านอีกด้วย หวังว่าจะทำให้ผู้อาวุโสพอใจ” เมื่อสาวชุดม่วงเห็นหานลี่ยอมรับสาวงามทั้งสิบสองไว้แววตาของนางก็ปรากฏรอยยิ้ม

นางตบมือขึ้นครั้งหนึ่ง สาวงามสามคนจากต่างเผ่าก็เข้ามาด้านในโถง ในมือของพวกนางต่างถือถาดกลมๆ สีเงินอ่อน ด้านบนคลุมด้วยผ้าไหมสีแดง

“กลุ่มพันธมิตรของท่านเกรงใจกันเกินไปแล้ว สาวงามพวกนั้นก็เป็นของขวัญที่มากพอแล้ว ข้าจะรับของขวัญชิ้นอื่นอีกได้อย่างไร” ครั้งนี้ หลังจากหานลี่กวาดสายตามองถาดกลมๆ สามถาด ด้านบนมีผ้าปิดอยู่เขาสามารถสัมผัสได้ว่าข้างในคืออะไร เขาจึงโบกมือปฏิเสธ

“ในเมื่อท่านอาวุโสหานไม่ชอบของขวัญเหล่านี้ เช่นนั้นผู้น้อยก็ไม่บังคับท่าน ผู้อาวุโสเดินทางมาไกล น่าจะเหนื่อยไม่น้อย ผู้น้อยจะนำทางพวกท่านทุกคนไปห้องพัก แล้วค่อยพูดเรื่องอื่นๆ ทีหลังแล้วกันเจ้าค่ะ” สาวชุดม่วงชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็รีบสะบัดมือให้หญิงต่างเผ่าทั้งสามถอยออกไป

“ข้าแซ่หานต้องการพักผ่อนจริงๆ รบกวนสหายช่วยนำทางด้วย” หานลี่พยักหน้าโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

ต่อมา หญิงชุดม่วงผู้นั้นก็นำทางออกจากด้านนอกตำหนักโดยไม่รอช้า ส่วนคนอื่นๆ ก็เดินตามอย่างไม่รีบไม่ร้อน

เมื่อเดินออกจากตำหนักแล้ว ทุกคนก็ได้ยินเสียงจ้อกแจ้กขึ้นมา

เมื่อหานลี่กวาดสายตาไป พวกเขาก็ยืนอยู่ริมถนนที่ทำจากหินสีเขียวเส้นหนึ่ง แม้ว่าคนจะไม่พลุกพล่าน แต่ก็ยังมีคนเดินไปเดินมา ดูมีชีวิตชีวาอย่างมาก

คนเหล่านี้แต่งตัวหลากหลายแนว สองข้างทางมีร้านค้าละลานตา มีคนจำนวนไม่น้อยที่เดินเข้าๆ ออกๆ บางคนก็ดูมีความสุข บางคนก็ดูหน้าอมทุกข์ มีลักษณะท่าทางแตกต่างกัน

สิ่งที่ทำให้หานลี่สนใจคือ ปราณของคนเดินถนนเหล่านี้ไม่มีใครธรรมดาเลย ระดับไม่อ่อนแอ ต่อให้เป็นคนขายของที่อยู่ร้านริมทาง ก็มีระดับก่อกำเนิดขึ้นไป

อีกทั้งหานลี่ใช้จิตสัมผัสแผ่ไปในระยะที่ไกลออกไป ก็พบว่าที่แห่งนี้ไม่ได้มีแค่ถนนสายนี้เท่านั้น ยังมีถนนสายอื่นอีก เหนือใต้ออกตกล้วนมีทั้งนั้น แต่ก็ไม่ได้นับว่าใหญ่มาก ด้วยรัศมีทรงกลมมีขนาดไม่เกินร้อยลี้ เหมือนเป็นเมืองขนาดเล็ก

ส่วนพระราชวังที่อยู่ด้านหลัง เมื่อพวกเราเดินจากประตูใหญ่มาพระราชวังด้านหลังก็หายวับไปทันที

ส่วนคนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงก็ไม่ได้สนใจพวกเขามากนัก ราวกับว่าเห็นมันอยู่ประจำ

“คนพวกนี้คือคนที่เข้าร่วมงานประมูลของกลุ่มพันธมิตรหรือไม่” หลังจากที่หานลี่ใช้จิตสัมผัสกวาดมองจนทั่วแล้ว ก็ถามขึ้นเบาๆ

“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ แขกที่เข้าร่วมงานประมูลส่วนใหญ่พักอยู่ที่เรือนรับรอง คนเหล่านี้เป็นคนของกลุ่มพันธมิตรเองเจ้าค่ะ แต่เขาให้โอกาสนี้เพื่อมาตั้งร้านแลกเปลี่ยนเท่านั้น แต่ก็เป็นโอกาสที่ไม่ได้มีบ่อยๆ เจ้าค่ะ ในเมื่อเป็นคนของกลุ่มพันธมิตรพวกเขาจึงไม่มีสิทธิเข้าร่วมงานประมูลเจ้าค่ะ” หญิงสาวชุดสีม่วงกล่าวยิ้มๆ

“อย่างนี้นี่เอง” หานลี่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก

ตอนนั้นเองสาวชุดม่วงก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาร่ายคาถา ทันทีที่มีแสงสว่างออกมา หมอกสีขาวก็ปรากฏขึ้นมา หานลี่และคนอื่นๆ เดินเข้าไปในหมอก และหมอกส่วนนั้นก็ลอยขึ้น

“…นั่นคือสถานที่ที่จะจัดงานประมูลในครั้งนี้ เมื่อถึงเวลาผู้อาวุโสบางส่วนและสหายคนอื่นๆ ก็จะมารวมตัวกันที่นี่ อีกทั้งการประมูลในครั้งนี้นอกจากของล้ำค่าบางส่วนที่เปิดเผยต่อสาธารณะแล้ว ยังมีสมบัติอีกหลายชนิดที่เหมาะสำหรับผู้อาวุโสระดับมหาเมธีด้วย จะไม่ทำให้พวกท่านผิดหวังอย่างแน่นอน” หญิงสาวคนนั้นกระตุ้นหมอกกลางอากาศไปด้วย พร้อมชี้อาคารสูงหลังหนึ่งที่มีอาคารอื่น สร้างอยู่รอบๆ

“ที่นี่คือสถานที่จัดงานประมูลในครั้งนี้หรือ ดูจากด้านนอกนับว่าไม่ใหญ่มาก ด้านในคงไม่มีมิติอื่นอยู่ใช่หรือไม่” หานลี่ใช้สายตาสำรวจหอคอยแห่งนั้น แล้วพูดขึ้นมา

“ผู้อาวุโสเดาได้แม่นยำมาก คาดไม่ถึงว่าท่านจะสามารถมองออกได้ทันที อาคารนี้เชื่อมต่อโดยตรงกับถ้ำสวรรค์แห่งหนึ่ง ความจริงด้านในเป็นเพียงทางเข้าของสถานที่ประมูลเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ก็สามารถรับรองแขกได้มากขึ้น และไม่ต้องกลัวคนที่คิดใจคดต่องานประมูลครั้งนี้” หญิงสาวชุดม่วงแสดงสีหน้าแปลกๆ จากนั้นก็ตอบคำถามด้วยความเคารพ

“เหมือนว่ากลุ่มพันธมิตรของพวกเจ้าจะทุ่มเทกับงานประมูลครั้งนี้มากเลยทีเดียว ไม่ทราบว่ารอบนี้ระดับมหาเมธีจะมากันเยอะหรือไม่” หานลี่ถามต่ออีกคำ

“เรียนผู้อาวุโสหาน เพราะว่างานประมูลอย่างเป็นทางการจัดครั้งสุดท้ายเมื่อหลายเดือนก่อน ดังนั้นจึงไม่สามารถระบุได้ว่าระดับมหาเมธีจะมาเข้าร่วมงานนี้มากน้อยเพียงใด แต่คนที่มาถึงแล้วน่าจะประมาณยี่สิบกว่าคนเจ้าค่ะ จำนวนผู้เข้าร่วมระดับมหาเมธีก็มากกว่าครั้งที่แล้วแล้วเจ้าค่ะ”

เรื่องพวกนี้ปิดบังไปจะมีประโยชน์อันใด หญิงชุดม่วงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ แล้วตอบอย่างคล่องปาก

“ยี่สิบกว่าท่าน กลุ่มพันธมิตรคงมีหน้ามีตาไม่น้อยเลย คาดไม่ถึงว่าภายในเวลาสั้นๆ ก็สามารถรวบรวมจำนวนคนได้มากขนาดนี้แล้ว” สีหน้าของหานลี่เปลี่ยนเล็กน้อย พร้อมกล่าวชื่มชมอีกประโยค

“ผู้อาวุโสล้อเล่นกันแล้ว เหตุผลที่ท่านชื่นชมนั้นไม่ได้เกี่ยวกับกลุ่มพันธมิตรมีหน้ามีตา แต่ด้วยชื่อเสียงของพวกเราหลายปีมานี้ แล้วยังมีผู้อาวุโสหลายท่านเคยได้ร่วมประมูลที่นี่ไม่มากก็น้อย ดังนั้นเขาอาจจะอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนี้และมารวมตัวได้อย่างรวดเร็ว” หญิงสาวชุดม่วงหัวเราะเบาๆ

“หึๆ เมื่อฟังจากน้ำเสียงของแม่นางแล้ว กลุ่มพันธมิตรของท่านมีความมั่นใจในการประมูลครั้งนี้มากทีเดียว แต่ว่าข้าเคยได้ยินว่างานประมูลครั้งก่อน จะสามารถเดินทางส่งตัวข้ามแผ่นดินใหญ่ได้ ไม่ทราบว่าครั้งนี้ยังจะเป็นเช่นนั้นอยู่หรือไม่” หานลี่ถามอย่างใจเย็นในเรื่องที่เขากังวลมากที่สุด

“สิทธิการเดินทางข้ามแผ่นดินใหญ่นั้นจำกัดเฉพาะงานประมูลครั้งพิเศษเท่านั้น เพื่อให้สหายบางคนและผู้อาวุโสสามารถประมูลได้อย่างสะดวกสบาย และการประมูลเช่นนั้นจะไม่ถูกยกเลิกไปแน่นอน เพียงแต่งานประมูลครั้งนี้ เขตอาคมส่งตัวของแผ่นดินใหญ่ฟ้าคำรามเกิดมีปัญหาขัดช้อง จำนวนผู้เดินทางไปแผ่นดินใหญ่ฟ้าคำรามจึงถูกยกเลิกไปชั่วคราว แต่เพิ่มจำนวนรายชื่อการประมูลไปที่แผ่นดินใหญ่นภาสีเลือดแทน” หญิงชุดม่วงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามเช่นนั้น นางจึงตอบกลับไปด้วยความจริง

“การเดินทางของแผ่นดินใหญ่ฟ้าคำรามถูกยกเลิก” สีหน้าของหานลี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ถูกต้องเจ้าค่ะ หรือว่าเดิมทีผู้อาวุโสจะเดินทางไปแผ่นดินใหญ่ฟ้าคำรามเจ้าคะ” หญิงชุดม่วงลังเล

“ไม่แน่ แผ่นดินใหญ่นภาสีเลือดก็ได้ ไม่ว่าช้าหรือเร็วข้าก็จะไปเยือนที่นั่นอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ามันต่างจากแผนเดิมเล็กน้อย” หานลี่ลูบคาง จากนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นสีหน้าปกติโดยเร็ว

จูกั่วเอ๋อร์ เซวี่ยพั่ว และคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านหลังได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกตกใจอย่างมาก สีหน้าของแต่ละคนแสดงออกอย่างแตกต่างกัน

เวลาผ่านไป เมฆหมอกและกลุ่มคนจำนวนหนึ่งก็ลอยมาอยู่ที่ตรอกเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ชานเมือง ในที่สุดพวกเขาก็เหยียบลงที่พื้นป่าสีเขียวชอุ่ม

ป่าแห่งนี้เต็มไปด้วยปราณบริสุทธิ์ อีกทั้งด้านในมีศาลาที่สร้างจากหยกด้วยความประณีต

อาคารแต่ละหลังอยู่ห่างออกไปหลายลี้ ตรงกลางมีต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ขึ้นตามธรรมชาติ ดูเงียบสงบอย่างมาก

หญิงสาวชุดม่วงพาหานลี่และคนอื่นเดินมาที่อาคารหลังหนึ่ง นางไม่ต้องพูดอะไร ก็มีสาวใช้เจ็ดถึงแปดคนเดินออกมาจากด้านใน แล้วคุกเข่าอยู่ที่ด้านหน้าของพวกเขา

“ที่นี่คือเรือนรับรองพิเศษเทียน พวกนางเป็นบ่าวของที่นี่ ในช่วงเวลานี้ หากผู้อาวุโสมีเรื่องอะไรสามารถเรียกใช้พวกนางได้ทันที หากพวกนางทำผิด หรือทำให้พวกท่านรู้สึกไม่ดีก็สามารถไล่พวกนางออกไปได้” หญิงสาวชุดม่วงไม่ได้ชายสายตามองบ่าวรับใช้พวกนั้นด้วยซ้ำ นางหันมายิ้มให้หานลี่อย่างอ่อนโยน

“มีสาวงามที่สหายเพิ่งให้มาแล้ว บ่าวพวกนี้ข้าคงไม่ได้ใช้หรอก ให้พวกนางกลับไปเถอะ” หานลี่พูดอย่างไม่ใส่ใจ

ไม่มีเหตุผลอะไรที่หญิงสาวจะต้องคัดค้าน นางจึงสั่งการพวกบ่าวทันที

พวกบ่าวเหล่านั้นจึงคารวะ และเดินออกไปด้วยความเคารพ

“ผู้อาวุโสหานพักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ เมื่อใกล้ถึงเวลางานประมูล ข้าน้อยจะส่งคนมาที่นี่เพื่อแจ้งแก่ท่าน จริงสิ หากสหายท่านอื่นมีเวลาว่างสามารถไปเดินเล่นที่ตรอกในเมืองได้ ไม่แน่ว่าพวกท่านอาจจะได้ของเล่นชิ้นใหม่ เช่นนั้นข้าน้อยขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” หญิงสาวชุดม่วงกล่าวอำลา

“เดินทางดีๆ นะ ข้าแซ่หานขอส่งเท่านี้” หานลี่กล่าวลาโดยไม่คิดจะรั้งไว้ ส่วนอีกฝ่ายก็ลอยขึ้นฟ้าแล้วบินออกไปอย่างรวดเร็ว “ไปกันเถอะ ในเมื่อฝ่ายนั้นใจกล้าขนาดนี้พวกเราก็ไม่ต้องเกรงใจเกินไป” หลังจากที่หานลี่พูดประโยคสุดท้ายเสร็จ หานลี่ก็วิ่งเข้าอาคารหลังนั้นไป

เซวี่ยพั่วและคนอื่นๆ ก็เดินตามไปด้วย

เวลาผ่านไปสักพัก หลายคนนั่งอยู่ที่โถงชั้นหนึ่ง ส่วนหานลี่นั่งอยู่ตรงกลางด้วยท่าทีสงบ

เซวี่ยพั่ว บรรพชนฮวาสือและคนอื่นๆ ก็นั่งอยู่ข้างๆ หานลี่

สาวงามสิบสองคน จูกั่วเอ๋อร์ก็ให้พวกนางออกไปก่อนตั้งนานแล้ว

“ผู้อาวุโสหาน ท่านคิดจะไปที่แผ่นดินใหญ่นภาสีเลือดจริงๆ หรือ” เซวี่ยพั่วถามขึ้นมาด้วยเสียงเบาๆ สีหน้าของนางดูสับสน นางมีทั้งความคาดหวังและลังเลอยู่

“แผนเดิมของเราต้องเปลี่ยนจริงๆ หรือว่ามันจะมีทางอื่นที่จะสามารถไปที่แผ่นดินใหญ่ฟ้าคำรามได้หรือ” หานลี่ตอบโดยไม่แสดงสีหน้า

“ผู้อาวุโสล้อเล่นอีกแล้ว หากมีทางอื่นจริงๆ ผู้น้อยไม่ปิดบังหรอก” เซวี่ยพั่วหัวเราะแล้วกล่าวต่อ “ในเมื่อสหายก็ไม่มีทางอื่น เช่นนั้นก็ไปที่แผ่นดินใหญ่นภาสีเลือดเถอะ มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เมื่อถึงแผ่นดินใหญ่นภาสีเลือดค่อยหาทางไปแผ่นดินใหญ่ฟ้าคำรามก็พอแล้ว ต่อให้ข้าไม่เคยไปแผ่นดินใหญ่นภาสีเลือด แต่ก็ได้ยินถึงความอันตรายของที่นั้นมานานแล้ว ว่ากันว่าที่แห่งนี้นอกจากเคล็ดวิชาปีศาจโลหิตที่ยิ่งใหญ่แล้ว ยังมีเคล็ดวิชาลับที่สืบทอดกันมามากมาย ข้าเคยได้ยินว่าเคล็ดวิชานั้นสามารถฆ่าศัตรูที่อยู่ห่างออกไปหลายหมื่นลี้ได้ และยังมีวิชาแปลกๆ ที่สามารถป้องกันได้ สหายเซวี่ยพั่วก็น่าจะเคยเจอมาบ้างแล้วนี่นา” หานลี่พูดอย่างช้าๆ สีหน้าของเขาดูหนักแน่นอย่างมาก