หยิงเซียนหมิงเดินออกจากท้องพระโรงด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ พลางคิดในใจว่า ‘สหายข้า มันไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากจะช่วยเจ้า แต่มันเป็นเพราะคนที่เจ้าให้การสนับสนุนนั้นด้อยกว่าคนอื่นจริง ๆ!’
หยิงเซียนหมิงถูกขอร้องโดยเฉินสั่วหนานให้ช่วยพูดถึงหลิงยี่เทียน แต่ว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะช่วยพูดสนับสนุนหลิงยี่เทียนแบบไหนให้ดูดีขึ้นจริง ๆ
หากเทียบกันในเรื่องสำนักมหาอำนาจที่ให้การสนับสนุน ผู้ที่มีสายเลือดราชันแห่งมวลมนุษย์คนไหนบ้างที่ไม่มีการสนับสนุนแบบนั้น?
มีสำนักใดบ้างที่ไม่รู้ว่าการสนับสนุนผู้ที่มีสายเลือดราชันแห่งมวลมนุษย์นั้นมีข้อดีขนาดไหน ดังนั้นผู้ที่มีสายเลือดราชันแห่งมวลมนุษย์จึงไม่มีใครที่ไม่มีสำนักมหาอำนาจสนับสนุนสักคน
ส่วนด้านอื่น ๆ หลิงยี่เทียนยิ่งไม่มีอะไรจะไปสู้กับคนอื่น ๆ ได้เลย
อาณาเขตที่หลิงยี่เทียนครอบครองอยู่ตอนนี้ก็มีไม่ถึง 10 อาณาเขตด้วยซ้ำ แถมระดับการบ่มเพาะของเขาก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ดังนั้นใครกันจะอยากสนับสนุนผู้ที่มีคุณสมบัติแค่นี้?
ส่วนเรื่องของผู้สืบทอดมรดกของสำนักโอสถนิรันดร์และตำหนักศาสตราศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่น แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังยืนยันไม่ได้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ดังนั้นเขาจะอ้างเรื่องพวกนั้นมาเป็นจุดเด่นให้กับหลิงยี่เทียนได้อย่างเต็มปากได้ยังไง?
แต่แล้วในขณะที่เขากำลังยืนถอนหายใจ จู่ ๆ ร่างของชายผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา ซึ่งมันทำให้เขาตกตะลึงเป็นอย่างมากเพราะเขาคือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิ แต่เขากลับไม่อาจสัมผัสได้เลยว่าชายผู้นี้จู่ ๆ ก็มาปรากฏตัวขึ้นยืนตรงหน้าเขาแบบนี้ได้ยังไง
“ตอนนี้ใครเป็นคนดูแลทำเนียบราชันมนุษย์?” ชายผู้ที่เพิ่งปรากฏตัวเอ่ยถาม
“เจ้าเป็นใครกัน?” หยิงเซียนหมิงถามกลับด้วยสายตาระแวง เพราะชายผู้นี้ที่ปรากฏกายขึ้นนั้นมีระดับการบ่มเพาะแค่เพียงระดับพลุดพ้นสามัญขั้นสูงสุด แต่กลับสามารถมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาได้โดยที่เขาไม่อาจจับสัมผัสได้เลย
“ข้าคือ หลิงตู้ฉิง!”
แน่นอนว่าชายที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นก็คือ หลิงตู้ฉิง ผู้ซึ่งรีบมุ่งหน้ามาที่ทำเนียบราชันมนุษย์ด้วยความเร็วสูงสุดจากอาณาเขตหนานหัว
สีหน้าของหยิงเซียนหมิงเปลี่ยนเป็นประหลาดใจทันที และถามกลับ “นี่เจ้าคือพ่อของหลิงยี่เทียนงั้นเหรอ?”
“ถูกต้อง!” หลิงตู้ฉิงยิ้ม “เจ้าถามแบบนี้แสดงว่าเจ้าไปที่อาณาเขตนภามาก่อนหน้านี้แล้วใช่ไหม?”
“ถูกต้องข้าไปมาแล้วด้วยตัวเอง!” หยิงเซียนหมิงตอบกลับพลางมองสำรวจหลิงตู้ฉิง “ข้าเองได้ยินเรื่องเล่าของท่านมามากเช่นกันว่าท่านนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่เท่าที่ข้าดูท่านในตอนนี้ มันก็ใช่ว่าท่านจะมีสามหัวหกแขนซะเมื่อไหร่นี่นา”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ข้าแข็งแกร่งหรือไม่นั้นเอาไว้อีกไม่นานเดี๋ยวเจ้าก็เห็นเอง! เอาล่ะตอนนี้เจ้าตอบมาได้แล้วว่าใครเป็นคนคนดูแลทำเนียบราชันมนุษย์ในตอนนี้?”
“เรื่องนั้นมันเป็นเรื่องภายในของทำเนียบราชันมนุษย์ ข้าคงบอกท่านไม่ได้” หยิงเซียนหมิงตอบกลับ
“ฟู่เซียน ตายไปแล้วรึยัง?” หลิงตู้ฉิงโพล่งถามขึ้นหน้าตาเฉย
หยิงเซียนหมิงขมวดคิ้วทันทีและพูดว่า “ชื่อที่เจ้าเอ่ยขึ้นคือตัวตนที่เจ้าไม่อาจลบหลู่ได้ โดยเฉพาะในตอนนี้ที่ลูกของเจ้านั้นกำลังจะลงชิงตำแหน่งราชันแห่งมวลมนุษย์ ดังนั้นหากเจ้าจะเอ่ยถึงชื่อนี้ เจ้าควรจะใช้คำที่ให้เกียรติมากกว่าที่เจ้าเพิ่งพูดมา!”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ “ทำไมไอ้พวกคนของทำเนียบราชันมนุษย์มันถึงงี่เง่ากันได้ทุกรุ่นแบบนี้?”
เมื่อเห็นว่าหยิงเซียนหมิงไม่คิดจะตอบคำถามของเขา หลิงตู้ฉิงจึงเดินมุ่งหน้าเข้าไปที่ท้องพระโรงหลักของทำเนียบราชันมนุษย์ในทันที
หยิงเซียนหมิง เมื่อเห็นเช่นนี้เขารีบเดินไปขวาง และพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ท้องพระโรงของทำเนียบราชันมนุษย์ไม่ใช่สถานที่ที่คนนอกอย่างเจ้าจะสามารถเข้าไปได้ โดยเฉพาะที่ในตอนนี้ลูกชายของเจ้ากำลังอยู่ในช่วงชิงตำแหน่งราชันแห่งมวลมนุษย์ ขืนเจ้าจู่ ๆ บุกเข้าไปแบบนี้มีหวังเจ้าได้โดนเหล่าผู้คนที่อยู่ด้านในรุมทึ้งจนตายแน่นอน!”
“นึกไม่ถึงเลยนะเนี่ยว่าเจ้าเองก็มีสายตาที่ไม่เลว เจ้าเองก็คาดหวังกับลูกชายของข้าเอาไว้สูงเหมือนกันใช่ไหม?” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
หยินเซียนหมิงตอบกลับทันทีด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “ข้าไม่มีความคาดหวังอะไรกับลูกชายของเจ้าทั้งนั้น ที่ข้าทำเช่นนี้ก็เพราะสหายของข้าขอร้องให้ข้าช่วยเหลือลูกชายของเจ้า ข้าจึงไม่มีทางเลือกอะไรมาก แต่ข้าบอกไว้เลยว่าถ้าหากข้าเจอเจ้าก่อนหน้านี้ ข้าจะไม่มีวันรับปากสหายของข้าเด็ดขาด!”
หลิงตู้ฉิงจ้องไปที่หยิงเซียนหมิง และพูดขึ้น “ข้านึกว่าเจ้าจะฉลาด แต่ที่แท้เจ้าก็โง่เหมือนคนอื่น ๆ นี่เอง! ส่วนเรื่องที่ข้าจะเข้าไปข้างในนั้นเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาห้ามข้า?”
“เจ้าลืมหน้าที่ของตัวเองไปแล้วรึไงว่าเจ้าเป็นแค่ผู้ดูแลทำเนียบราชันมนุษย์ ไม่ใช่เจ้าของทำเนียบราชันมนุษย์! ตั้งแต่บรรพกาลเหตุผลที่ทำเนียบราชันมนุษย์นั้นถูกสร้างขึ้นก็เพื่อมวลมนุษย์ทุกคน ซึ่งมนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นใครก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปข้างในได้ทั้งนั้น หรือว่าเจ้าคิดจะเปลี่ยนกฎที่มีมาตั้งแต่บรรพกาลด้วยตัวเอง?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้สีหน้าของหยิงเซียนหมิงก็เปลี่ยนเป็นมืดหม่นทันทีเพราะเขาไม่รู้จะหาคำไหนมาแย้งได้
แน่นอนว่าสิ่งที่หลิงตู้ฉิงกล่าวอ้างมานานั้นถูกต้องทั้งหมด ทำเนียบราชันมนุษย์นั้นถูกสร้างขึ้นก็เพื่อมวลมนุษย์ทุกคน ซึ่งมนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นใครก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปข้างในได้ทั้งหมดไม่มีข้อจำกัด!
แต่แล้วในระหว่างที่หยิงเซียนหมิงกำลังครุ่นคิดว่าจะเอายังไงต่อดี หลิงตู้ฉิงก็ไม่รีรออะไรและเดินเข้าไปด้านในท้องพระโรง ส่งผลให้หยิงเซียนหมิงรีบวิ่งตามเข้าไปเช่นกัน เพราะเขารู้แน่นอนว่าเดี๋ยวต้องเกิดเรื่องแน่!
ที่ด้านในท้องพระโรง เหล่าผู้คนซึ่งกำลังเถียงกันอย่างดุเดือดเมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงเดินเข้ามา พวกเขาต่างเลิกคิ้วขึ้นและหันไปมองหลิงตู้ฉิงกันเป็นตาเดียวด้วยสีหน้าประหลาดใจ
จากนั้นสายตาทุกคนก็หันไปสนใจที่หยิงเซียนหมิง ซึ่งรีบวิ่งตามเข้ามาทีหลังและถามว่า “สหายหยิง นั่นใครงั้นเหรอ? หรือว่าเขาเป็นคนที่เจ้าสนับสนุนอยู่?”
หยิงเซียนหมิงรู้ดีว่าเขาไม่อาจเผยตัวตนของหลิงตู้ฉิงได้ว่าเป็นใคร เพราะถ้าหากเขาทำเช่นนั้นหลิงยี่เทียนจะยิ่งถูกคนอื่น ๆ เกลียดขี้หน้ามากขึ้นกว่าเดิม
ดังนั้นหยิงเซียนหมิงจึงตอบไปแค่ว่า “เขาก็แค่คนธรรมดาที่อยากเข้ามาชมท้องพระโรง…”
“เข้ามาชม?” จี้กงซวนขมวดคิ้ว “เมื่อไหร่กันที่ท้องพระโรงของทำเนียบราชันมนุษย์เป็นสถานที่ที่ใครอยากจะเข้ามาชมก็ได้ตามใจนึก? สหายหยิง การที่เจ้าใช้เส้นสายของเจ้าในการพาใครก็ไม่รู้เข้ามาเดินเล่นในท้องพระโรงแห่งนี้ ข้าคิดว่ามันไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งและมันขัดกับกฎเกณฑ์ของพวกเรา!”
หลิงตู้ฉิงหยุดเดินและกวาดสายตาไปที่กลุ่มคนรอบ ๆ ตัวเขา และถามขึ้นว่า “พวกเจ้าทั้งหมดรู้กันบ้างไหมว่ากฎที่แท้จริงของทำเนียบราชันมนุษย์นั้นคืออะไร?”
“เจ้าหมายความว่ายังไง?” จี้กงซวนตวาดกลับด้วยสีหน้าไม่พอใจ
เมื่อถูกยอกย้อนโดยผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้นสามัญเช่นนี้ มันจะเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่มีความสุข
หลิงตู้ฉิงหันไปจ้องเขม็งที่จี้กงซวน และพูดว่า “งั้นข้าถามเจ้าอีกทีก็แล้วกันกฎของทำเนียบราชันมนุษย์คืออะไร?”
“เจ้าเป็นแค่คนนอก กฎของทำเนียบราชันมนุษย์เกี่ยวอะไรกับเจ้า?” จี้กงซวนตวาดกลับ “จงรีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้! สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่เด็กน้อยอย่างเจ้าจะมาเที่ยวเล่นได้ตามใจชอบ! สหายหยิง หากเจ้ายังไม่พาคนของเจ้าออกไปอีก เจ้าก็อย่าได้มาโกรธข้าหากข้าจะโยนเขาออกไปเอง!”
หยิงเซียนหมิงรีบเดินไปหา และเตือนหลิงตู้ฉิงทันที “ถ้าเจ้าไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย ข้าแนะนำว่าเจ้าควรตามข้าออกไปเดี๋ยวนี้!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาและพูดว่า “ตั้งแต่บรรพกาลทำเนียบราชันมนุษย์นั้นคือสถานที่ที่ไม่ว่ามนุษย์คนไหนก็สามารถมาเยือนได้ทั้งหมด! แต่แล้วพอมายุคนี้พวกเจ้าซึ่งเป็นแค่ผู้ดูแลกลับมาบอกว่ามนุษย์คนอื่น ๆ ไม่สามารถเข้ามาได้แล้วงั้นเหรอ!? ถ้าหากไม่ใช่เพราะที่นี่มันเกี่ยวข้องกับลูกชายข้า ข้าเองก็คงจะไม่สนใจเหมือนกันว่าพวกเจ้าจะทำตัวเน่าหนอนกันขนาดไหน แต่ในเมื่อข้ามาที่นี่แล้วและลูกชายของข้าก็เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้เต็ม ๆ ดังนั้นข้าจึงไม่อนุญาตให้พวกเจ้าสร้างความเสื่อมเสียไปได้มากกว่านี้!”
หลังจากพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็เดินตรงไปที่บัลลังก์ที่อยู่ปลายสุดของพระโรงทันที
“นี่เจ้ากล้าดียังไง!”
ทุกคนที่อยู่ในท้องพระโรงต่างตะโกนขึ้นแทบจะพร้อม ๆ กัน
“หยุด! บัลลังก์ราชันแห่งมวลมนุษย์ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะเข้าไปใกล้ได้!” หยิงเซียนหมิงรีบตะโกนห้ามทันที “ที่บัลลังก์นั้นมีเจตจำนงขององค์ราชันแห่งมวลมนุษย์รุ่นก่อนปกป้องอยู่ หากเจ้าไม่ใช่ราชันแห่งมวลมนุษย์ เมื่อเจ้าเข้าไปใกล้เจ้าจะถูกเจตจำนงสังหารในทันที!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะในลำคอเมื่อได้ยินคำพูดของหยิงเซียนหมิง แต่เขาก็ยังไม่หยุดก้าวเดินไปหาบัลลังก์ที่ตั้งตระหง่านอยู่
เมื่อเห็นเช่นนี้ หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิที่อยู่รอบ ๆ ผู้หนึ่งก็เดินมาขวางหลิงตู้ฉิงเอาไว้ และถามขึ้นด้วยสีหน้าเดือดดาลว่า “เจ้าเป็นใครกัน? จงแจ้งตัวตนของเจ้ามาเดี๋ยวนี้ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าโหดร้าย!”
หลิงตู้ฉิงหยุดเดิน จากนั้นเขากวาดสายตามองไปที่ทุกคนก่อนที่จะตอบผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิที่ถามเขาว่า “ลูกชายของข้าคือราชันแห่งมวลมนุษย์ ดังนั้นเจ้าก็คิดเอาเองว่าข้าเป็นใคร!”