เมื่อได้ยินคำตอบของหลิงตู้ฉิง ทุกคนที่อยู่ในท้องพระโรงต่างก็แสดงสีหน้าตกตะลึง
แน่นอนเมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนี้ พวกเขาต่างก็พาลเข้าใจกันไปว่า หลิงตู้ฉิงคงจะเป็นหนึ่งในผู้ที่มีสายเลือดราชันแห่งมวลมนุษย์ แต่พวกเขาก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าหากหลิงตู้ฉิงเป็นพ่อของผู้ที่มีสายเลือดราชันแห่งมวลมนุษย์จริง ทำไมระดับการบ่มเพาะของถึงได้ต่ำต้อยแค่นี้?
ในทางกลับกัน หยิงเซียนหมิงกลับแอบส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น เพราะในตอนนี้หลิงตู้ฉิงได้ประกาศตัวตนออกไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากนี้หลิงยี่เทียนจะต้องเผชิญกับแรงต่อต้านจากคนฝั่งอื่น ๆ อย่างหนักแน่นอน
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิที่ขวางหลิงตู้ฉิงอยู่อึ้งไปสักพักเมื่อได้ยินคำตอบนี้ แต่หลังจากที่เขาตั้งสติได้เขาก็พูดขึ้นว่า “ต่อให้เจ้าและลูกของเจ้าจะมีสายเลือดราชันแห่งมวลมนุษย์ แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่เจ้าจะสามารถเดินไปที่บัลลังก์ราชันแห่งมวลมนุษย์ได้แบบนี้! เจ้ามีสิทธิ์ที่จะเดินไปที่บัลลังก์ได้ก็ต่อเมื่อเจ้าได้รับการแต่งตั้งแล้วเท่านั้นเจ้าถึงจะได้รับอนุญาตให้เดินเข้าไปได้!”
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วและพูดขึ้นทันที “เมื่อไหร่กันที่คนรับใช้อย่างพวกเจ้าทุกคนมีสิทธิ์ออกกฎห้ามนู่นนี่นั่นในสถานที่แห่งนี้? จงเจียมตัวเองไว้ซะบ้างว่าสถานะของพวกเจ้าเป็นเพียงแค่คนรับใช้ และผู้ที่มีสิทธิ์ในที่แห่งนี้จริง ๆ คือเหล่าผู้คนที่มีสายเลือดของราชันแห่งมวลมนุษย์เท่านั้น! ข้าไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าฟู่เซียนสอนพวกเจ้ามายังไงถึงได้กลายเป็นแบบนี้ ข้าล่ะผิดหวังในตัวเจ้าจริง ๆ ฟู่เซียน!”
คำพูดนี้ของหลิงตู้ฉิงทำให้ทุกคนในท้องพระโรงต่างลุกฮือ
แม้แต่หยิงเซียนหมิงก็รู้สึกไม่พอใจเช่นกันจนต้องเอ่ยขึ้นว่า “หลิงตู้ฉิง เจ้าพูดอะไรอย่าให้มันมากเกินไปนัก! ถึงแม้ว่าหลิงยี่เทียนจะมีสายเลือดของราชันแห่งมวลมนุษย์ แต่หลิงยี่เทียนก็ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเจ้า ดังนั้นเจ้าเองก็ไม่ใช่คนที่มีสายเลือดราชันแห่งมวลมนุษย์เช่นกัน ซึ่งบัลลังก์นั่นเจ้าไม่มีสิทธิ์ที่เดินเข้าไปใกล้!”
“หืม? ที่แท้เขาเป็นพ่อของหลิงยี่เทียนงั้นเหรอ?” จี้กงซวนตะโกนขึ้น
“เขาไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ด้วยซ้ำ เขาเป็นแค่พ่อบุญธรรมของหลิงยี่เทียน!” ใครบางคนที่อยู่ในท้องพระโรงตะโกนขึ้นเสริม
ในเวลานี้ทุกคนในท้องพระโรงลุกฮือหนักขึ้นกว่าเดิม
ในตอนแรกที่พวกเขาเข้าใจไปเองว่า หลิงตู้ฉิงนั้นมีสายเลือดของราชันแห่งมวลมนุษย์ พวกเขาจึงยังพอให้ความเคารพอยู่บ้าง แต่ในเมื่อตอนนี้พวกเขาได้รู้ความจริงแล้วพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องข่มตัวเองเอาไว้อีกต่อไป!
“ไสหัวออกไปซะ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าสมควรอยู่!”
“ข้าขอคัดค้านไม่ให้หลิงยี่เทียนเข้ามาเหยียบทำเนียบราชันมนุษย์ ส่วนใครที่เป็นผู้สนับสนุนของหลิงยี่เทียน หากยังไม่เลิกสนับสนุนข้าจะขอไม่คบหาด้วย!”
“……”
หยิงเซียนหมิงกวาดสายตามองไปที่เหล่าผู้คนที่กำลังเดือดดาล จากนั้นเขามองไปที่หลิงตู้ฉิงพลางถอนหายใจและพูดว่า “เจ้าควรจากไปได้แล้ว นับจากนี้ไปสถานที่แห่งนี้ไม่ขอต้อนรับเจ้าอีกและอย่าได้โทษใครที่เรื่องมันบานปลายเช่นนี้ เพราะเจ้าควรจะรู้ตัวดีว่ามันเป็นเพราะการกระทำของเจ้าทั้งหมด”
หลิงตู้ฉิงกวาดสายตามองไปยังเหล่าผู้คน จากนั้นเขาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจเล็กน้อยและพูดว่า “ถึงแม้ว่าพวกเจ้าทุกคนจะทั้งโง่และงี่เง่า แต่มันก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องชื่นชมก็คือแม้ว่าพวกเจ้าจะโมโหขนาดไหนพวกเจ้าก็ยังคงทำแค่ตะโกนแสดงความไม่พอใจ ซึ่งไม่มีใครในพวกเจ้าเลยที่ลงมือ เอาล่ะในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะยกประโยชน์ให้โดยการที่ข้าเองก็จะไม่ลงมือกับพวกเจ้าเช่นกัน”
“แต่ว่าทัศนคติของพวกเจ้านั้นมันแย่เกินไป แถมยังโง่งมกันมากอีกต่าง ซึ่งในอนาคตลูกชายของข้าจำเป็นต้องหวังพึ่งพวกเจ้าให้ช่วยงานเขา หากข้าปล่อยพวกเจ้าเอาไว้แบบนี้โดยที่ไม่จัดระเบียบให้ดีมันก็ไม่คงไม่ใช่เรื่องดีนัก ฟู่เซียนน่าจะยังไม่ตายใช่ไหม? พวกเจ้าใครสักคนช่วยไปตามฟู่เซียนมาสักหน่อย บอกกับเขาว่าข้ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเขา”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กลุ่มคนที่อยู่ในท้องพระโรงก็ยิ่งโมโหมากขึ้นกว่าเดิมจนแทบกระอักเลือด!
คำก็โง่ สองคำก็งี่เง่า แถมยังดูถูกว่าเป็นคนรับใช้อีก!
ส่วนเหตุผลที่พวกเขาไม่ลงมือทำอะไรหลิงตู้ฉิงก็เพราะท้องพระโรงแห่งนี้นับได้ว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา ซึ่งพวกเขาไม่อยากให้มันแปดเปี้ยนเลือด! ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงฆ่าหลิงตู้ฉิงตายไปนานแล้ว
“ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ! อาจารย์ของข้าไม่ใช่ใครที่เจ้าสามารถจะพบได้ตามที่เจ้าต้องการ!” หยิงเซียนหมิงตวาดขึ้นด้วยสีหน้าเดือดดาล
“ปรมาจารย์ฟู่ ไม่มีทางลดตัวลงมาคุยกับคนอย่างเจ้าแน่นอน จงไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ!”
คนอื่น ๆ ที่อยู่ในท้องพระโรงต่างตะโกนขับไล่
หลิงตู้ฉิงมองไปยังเหล่าผู้คนที่อยู่ในท้องพระโรงด้วยความขบขัน เพราะถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะโกรธเป็นอย่างมาก แต่พวกเขาก็ไม่มีใครกล้าลงมือโจมตีสักคนเพราะเห็นแก่สถานที่แห่งนี้ ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าถึงแม้คนเหล่านี้จะโง่เง่าและละเลยกฎไปบ้าง แต่พวกเขาก็ยังคงยึดมั่นในหลักการของทำเนียบราชันมนุษย์อยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ถือโทษโกรธคนพวกนี้สักเท่าไหร่
แต่ถ้าจะให้พูดตามจริง หลิงตู้ฉิงเองก็ไม่ได้กลัวว่าคนเหล่านี้จะลงมือกับเขาเหมือนกัน
“ในเมื่อพวกเจ้าไม่ใครเต็มใจไปเรียกฟู่เซียนมาให้ข้า ถ้างั้นข้าจะเรียกเขาให้ออกมาเอง!” หลิงตู้ฉิงตะโกนขึ้น “พวกเจ้าจงหลีกทางไป ข้าจะเดินขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์!”
หลายคนเมื่อได้ยินเช่นนี้ต่างก็มายืนขวางเอาไว้ แต่ก็มีบางส่วนที่เอ่ยขึ้นค้านว่า “ปล่อยเขาไป! ข้าอยากเห็นเขาพบกับจุดจบที่เขาสมควรเจอ!”
เนื่องจากบัลลังก์นั้นถูกปกป้องโดยเจตจำนงของราชันแห่งมวลมนุษย์รุ่นก่อน ซึ่งถ้าใครไม่มีสายเลือดของราชันแห่งมวลมนุษย์และพยายามเดินเข้าไปใกล้ คนผู้นั้นส่วนใหญ่จะจบลงที่ความตายแทบทั้งหมด และเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าหลิงตู่ฉิงนั้นไม่มีสายเลือดของราชันแห่งมวลมนุษย์ ดังนั้นเขาจึงไม่น่าจะรอดหากเดินเข้าไปใกล้บัลลังก์
เมื่อได้ยินเสียงทัดทาน กลุ่มคนที่ขวางหลิงตู้ฉิงก็นึกขึ้นได้ ดังนั้นพวกเขาจึงต่างพากันหลีกทางให้และคาดหวังเป็นที่สุดว่า หลิงตู้ฉิงจะตายอย่างอนาถโดยเจตจำนงของราชันแห่งมวลมนุษย์รุ่นก่อน
หลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นความซื่อบื้อของคนเหล่านี้ เขาก็หัวเราะคิกคัก จากนั้นก็ค่อย ๆ เดินไปยังบัลลังก์
หยิงเซียนหมิงที่เห็นเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนขึ้นว่า “เฮ้! เจ้าไม่ใช่ผู้ที่มีสายเลือดของราชันแห่งมวลมนุษย์ หากเข้าเข้าไปใกล้บังลังก์เจ้าจะถูกโจมตีโดยเจตจำนงของราชันแห่งมวลมนุษย์รุ่นก่อนทันที!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงก็ยังคงไม่สนใจและค่อย ๆ เดินขึ้นบันไดไปยังบัลลังก์
ในทางกลับกัน คนอื่น ๆ กลับรีบจ้องเขม็งไปที่หยิงเซียนหมิง และพูดขึ้นห้าม “ท่านจะไปเตือนมันทำไม? ท่านไม่ได้ยินที่มันด่าพวกเรางั้นเหรอ ท่านจะยังเป็นห่วงเป็นใยคนแบบนี้ทำไมอีก? สหายหยิงในเมื่อหลิงยี่เทียนมีพ่อปากสุนัขแบบนี้ ข้าคิดว่าท่านไม่ควรที่จะไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับเขาอีก ข้าขอเสนอให้ท่านมาร่วมสนับสนุนฉินหวงกับข้าจะดีกว่ามา!”
หยิงเซียนหมิงถอนหายใจและพูดว่า “ข้าขอขอบคุณในความหวังดีของท่านสหายฉิน แต่ข้าขอรอดูต่อไปอีกสักหน่อยจะดีกว่า!”
“ไม่เห็นจำเป็นต้องรอดูอะไรให้มันมากมายเลย ข้ารับประกันได้ว่าฉินหวงไม่มีวันตอบแทนท่านอย่างไม่เป็นธรรมแน่นอน!”
ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังคุยกัน ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ข้าง ๆ ก็กระซิบเตือนพวกเขา “พวกท่านหยุดคุยแล้วจับตาดูไอเจ้าคนผู้นั้นก่อน เขาใกล้จะก้าวขึ้นไปถึงจุดที่เจตจำนงขององค์ราชันรุ่นก่อนจะปรากฏแล้ว!”
ในเวลาเดียวกัน หลิงตู้ฉิงก็เหลือบันไดอีกแค่ขั้นเดียวก็จะขึ้นไปถึงตรงหน้าบัลลังก์ราชันแห่งมวลมนุษย์
จากนั้นเมื่อเขาก้าวขึ้นไปอย่างสมบูรณ์ จู่ ๆ บนบัลลังก์ก็มีร่างสีทองร่างหนึ่งปรากฏขึ้นทันที
หลิงตู้ฉิงมองไปที่ร่างสีทองที่นั่งอยู่บนบัลลังก์และพูดว่า “ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจตจำนงอย่างเจ้าอยู่เฝ้าบัลลังก์นี้มานานแค่ไหน แต่ในเมื่อเจ้าคือส่วนหนึ่งของเขา ดังนั้นเจ้าควรจะรู้ว่าข้าเป็นใคร ฉะนั้นเจ้าควรจะหลีกทางให้ข้าซะ ไม่เช่นนั้นข้าจะลบเจ้าให้หายไปซะ!”
ร่างสีทองที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงเดินเข้ามาใกล้ มันก็ยิ่งปลดปล่อยอำนาจรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับจ้องหลิงตู้ฉิงอย่างดุดัน
“เจ้าคิดว่าเจ้าเก่งนักรึไง?” หลิงตู้ฉิงพ่นลมหายใจ “ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้เลยว่าเมื่อไหร่ที่เจ้าโจมตีข้า ข้าจะลบเจ้าให้หายไปในทันที!”
“เจ้าไม่ใช่มนุษย์!” ร่างสีหน้าทองตวาดกลับ จากนั้นมันพุ่งตัวเข้าไปในห้วงทะเลจิตสำนึกของหลิงตู้ฉิงทันที!