บทที่ 901 แย่แล้ว แย่แล้วสิ มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว...

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 901 แย่แล้ว แย่แล้วสิ มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว…

“เจ้าทำได้ดีมาก”

ร่างลึกลับนั้นพยักหน้าเล็กหน่อย “สิ่งที่ข้าได้สัญญากับเจ้าไว้จะต้องเป็นไปตามนั้นแน่นอน ไม่ต้องเป็นกังวล ส่วนเรื่องราวหลังจากนี้ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง แค่อยู่เงียบ ๆ รอรับคำสั่งต่อไปก็พอ”

“รับทราบขอรับ นายท่าน”

ตู้กู่จิงหงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เพราะเขานึกว่าอีกฝ่ายจะมอบภารกิจเสี่ยงตายให้ตนเองไปกระทำเสียอีก

แต่บัดนี้ ดูเหมือนว่าร่างปริศนานี้จะห่วงใยเขาจริง ๆ

ความวิตกกังวลหายลับไปจากจิตใจ

หลังจากนั้น ร่างลึกลับก็ค่อย ๆ ถอยกลับไปในความมืดและหายวับไปราวกับไม่เคยมีตัวตนมาก่อน

สมแล้วที่เป็นถึงผู้มีพลังระดับเซียน

ช่างแข็งแกร่งและไร้เทียมทาน!

เมื่อตู้กู่จิงหงส่งร่างลึกลับจากไปแล้ว เขาก็มายืนอยู่ที่หน้าประตูห้องลับอย่างอารมณ์ดี ใบหน้าประดับรอยยิ้มไม่รู้ตัว

“เหอเหอเหอ ดูเหมือนว่าท่านประมุขตู้กู่จะอารมณ์ดีทีเดียวนะ?”

เสียงที่คุ้นเคยนั้นดังมาจากทิศทางของถนนโรยกรวดในสวนที่อยู่ห่างออกไป

ตู้กู่จิงหงสะดุ้งโหยง

เขารีบหันไปมอง จากนั้นสีหน้าถึงได้กลับมาเป็นปกติ “ที่แท้ก็เป็นท่านผู้อาวุโสนี่เอง ไม่ทราบว่าอาการบาดเจ็บของท่านดีขึ้นแล้วหรือ?”

ร่างที่เดินมาตามถนนโรยกรวดนั้นก็คือผู้อาวุโสลู่ล่าย

“อาการบาดเจ็บฟื้นตัวดีแล้ว หึหึ คืนนี้ฟ้ามืดลมแรง เหตุไฉนท่านประมุขถึงได้ดูหน้าตามีความสุขชอบกล ไม่ทราบว่าพอจะแบ่งปันข่าวดีให้ข้ารับฟังได้บ้างหรือไม่?” ใบหน้าของผู้อาวุโสลู่ล่ายซ่อนอยู่ในความมืดมิด จึงมองเห็นสีหน้าไม่ชัดเจน

ตู้กู่จิงหงยิ้มตอบกลับไปว่า “ข้าสามารถเลื่อนระดับพลังได้เล็กน้อยน่ะ แค่นี้ก็ควรค่าต่อการมีความสุขแล้ว แต่มันคงไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับผู้อื่น… ว่าแต่ว่าท่านผู้อาวุโสมาหาข้าดึกดื่นเช่นนี้ คงมีคำสั่งใหม่มาแล้วกระมัง?”

ผู้อาวุโสลู่ล่ายพยักหน้าและเลิกตั้งคำถาม “ถูกต้อง องค์ชายเสด็จมาถึงนครหลวงแล้ว ท่านอยากเจอเขาเสมอมามิใช่หรือ? ตามข้ามาสิ นี่คือโอกาสที่ท่านจะได้พบเจอกับองค์ชาย”

ตู้กู่จิงหงเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง “ให้ตามท่านไปบัดนี้เลยหรือ?”

“หรือท่านประมุขไม่สะดวก?”

ผู้อาวุโสลู่ล่ายขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตู้กู่จิงหงรีบหัวเราะกลบเกลื่อน ตอบว่า “ฮ่าฮ่า ข้าจะไม่สะดวกได้อย่างไร นี่คือโอกาสสำคัญในชีวิต ต่อให้มีเรื่องอื่นก็ไม่สำคัญอีกแล้ว ข้ารอคอยโอกาสนี้มานาน ท่านผู้อาวุโส โปรดรีบนำทาง”

แสงไฟสลัว

ค่ำคืนนี้เงียบสงบ

“ท่านอาจารย์กลับมาแล้ว”

ภายในตึกที่ทำการสมาคม เมื่อเห็นร่างของเยวียนเหวินจวิ้นกับตู้กู่อู๋อิงปรากฏตัวนอกประตูรั้วเหล็ก หลี่ซิวเยวียน หลิวเหวินฮุยและเยวียนหนงรวมถึงศิษย์คนอื่น ๆ ที่ยืนรออยู่ริมหน้าต่างบนชั้นสองก็โห่ร้องออกมาด้วยความดีใจและรีบวิ่งลงบันไดมาที่ชั้นล่างทันที

“หืม? ศิษย์พี่กู่ไปไหนแล้วล่ะเจ้าคะ?”

กานเซียวซวงมองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เห็นร่างของกู่เทียนเล่อ ก็อดถามออกมาด้วยความผิดหวังไม่ได้ “ศิษย์พี่กู่ไม่ได้กลับมาพร้อมกันหรอกหรือ?”

“เขาบอกให้พวกเรากลับมาก่อนเพื่อความปลอดภัยน่ะ”

เยวียนเหวินจวิ้นรู้ว่าเด็กสาวกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้ทำลายความฝันของนาง

เพราะเรื่องเช่นนี้ขึ้นอยู่กับโชคชะตาวาสนาของแต่ละคน

แม้จะรู้ดีว่าความรักระหว่างกานเซียวซวงกับกู่เทียนเล่อนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยก็ตาม

เพราะช่องว่างระหว่างทั้งสองคนมีมากเกินไป

ตู้กู่อู๋อิงก็ช่วยอธิบายอีกแรงว่า “ในการเดินขบวนขับไล่หลินเป่ยเฉินที่กำลังจะมาถึงนี้ ศิษย์พี่กู่บอกว่ามีคนสำคัญอยากจะมาร่วมเดินขบวนกับเราด้วย และเขาต้องรีบกลับไปเตรียมความพร้อมเพื่อคนผู้นั้น”

ทุกคนพูดคุยกันระหว่างเดินเข้าสู่ตึกที่ทำการ

“ศิษย์พี่กู่งานยุ่งถึงขนาดนี้ แต่ยังอุตส่าห์แบ่งเวลามาช่วยเหลือพวกเรา นับว่าเขาเป็นคนดีจริง ๆ”

เยวียนหนงพูดออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ

ตู้กู่อู๋อิงเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ที่แผนการในค่ำคืนนี้สำเร็จด้วยดี ก็เพราะได้รับความช่วยเหลือจากศิษย์พี่กู่ ก่อนที่จะแยกจากกัน เขาสัญญาว่าจะนำบุคคลสำคัญมาร่วมเดินขบวนประท้วงกับพวกเรา หากหลินเป่ยเฉินคนทรยศกล้าเสนอหน้าออกมา ศิษย์พี่กู่ก็จะเป็นคนสังหารเขาด้วยตนเอง”

กลุ่มนักศึกษาโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น

“แผนการสำเร็จแล้วหรือ?”

เยวียนหนงถามด้วยดวงตาเป็นประกายสว่างไสว

เยวียนเหวินจวิ้นยิ้มรับตอบกลับไปว่า “ย่อมสำเร็จแล้ว ถึงอย่างไรท่านประมุขตู้กู่ก็เป็นชาวเป่ยไห่ เขาตัดสินใจด้วยเหตุและผล อีกทั้งยังยอมคายความลับ มอบชื่อสายลับของจักรวรรดิจี้กวงให้แก่พวกเรา นับว่าแผนการในคืนนี้… ประสบความสำเร็จเกินกว่าที่เราคาดคิดหลายเท่า!!”

เยวียนหนงยิ้มกว้างด้วยความลิงโลดใจ

ตราบใดที่จ้าวสำนักแสงตะวันยอมร่วมมือกับพวกเขา อุปสรรคความรักระหว่างเขากับตู้กู่อู๋อิงก็จะไม่มีอีกแล้ว

พวกเขากำลังจะได้แต่งงานกัน

เยวียนหนงระบายลมหายใจด้วยความโล่งอก

กลุ่มเด็กหนุ่มเด็กสาวคนอื่น ๆ ก็ส่งเสียงด้วยความคึกคักแจ่มใส

ทุกคนรีบวิ่งขึ้นไปในห้องประชุมบนชั้นสอง

เปิดการทำงานค่ายอาคมเพื่อรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา

พวกเขาเฝ้ารอ

อาจารย์เยวียนเหวินจวิ้นหยิบหีบหยกขาวฟ้าประทานออกมาด้วยความตื่นเต้น และพูดพร้อมกับมีดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ “ความลับทั้งหมดบรรจุอยู่ในหีบเล็กใบนี้ อู๋อิง เจ้ารีบใช้กุญแจเปิดหีบใบนี้เร็วเข้า อาจารย์อยากรู้แล้วว่าด้านในมีอะไรอยู่บ้าง หลังจากนั้น พวกเราจะได้วางแผนการกันอีกที…”

“รับทราบเจ้าค่ะ”

ตู้กู่อู๋อิงนำดอกกุญแจหยกออกมาเสียบเข้าไปในรูกุญแจและเปิดฝาหีบหยกขาวฟ้าประทานได้อย่างง่ายดาย

แกร๊ก

เมื่อฝาหีบเปิดออก

พวกเขาจึงได้เห็นว่าด้านในมีพื้นที่ไม่มาก

สิ่งที่บรรจุอยู่ในนั้นคือแหวนหนังงูที่วางเรียงเป็นระเบียบอยู่สามแถว

เพียงพวกของเยวียนเหวินจวิ้นเห็นแหวนหนังงูเหล่านี้ พวกเขาก็มองออกทันทีว่ามันคือแหวนหนังงูลงค่ายอาคมซึ่งเป็นสินค้าหมวดวัตถุเก็บของยอดนิยมจากร้านขายอาวุธอาจารย์ฟานในฤดูกาลใหม่ประจำปีนี้

ในหีบมีแหวนหนังงูแถวละหกวง

รวมแล้วทั้งหมดในหีบบรรจุแหวนหนังงู 18 วง

เยวียนเหวินจวิ้นนำแหวนวงที่อยู่ด้านบนสุดขึ้นมาดู

แหวนเหล่านี้จัดวางตามการบรรจุข้อมูลจากใหม่ไปเก่า

การใช้งานไม่มีสิ่งใดซับซ้อน

ทุกคนสามารถใช้มันได้

ขอแค่เพียงมีพลังจิตเล็กน้อย ก็จะรู้แล้วว่าในแหวนเก็บอะไรอยู่บ้าง

ในแหวนวงแรกบรรจุด้วยแผ่นหินหยก 20 แผ่นที่มีขนาดเท่ากันหมด

บนแผ่นหินแต่ละแผ่นนั้นลงบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับสายลับที่แฝงตัวเข้ามาจากจักรวรรดิจี้กวง แผ่นหินเหล่านี้เป็นวัตถุลงอาคม สามารถใช้งานเป็นศิลาฉายภาพ นอกจากใช้บันทึกภาพเคลื่อนไหวได้แล้ว ยังสามารถใช้บันทึกข้อความ บันทึกเสียง บันทึกภาพนิ่ง และบันทึกข้อมูลได้หลาย ๆ ชนิดอีกด้วย

เยวียนเหวินจวิ้นนำแผ่นหยกออกมาแผ่นหนึ่ง เมื่อโคจรพลังลมปราณเข้าไป ก็จะสามารถมองเห็นข้อมูลที่บรรจุอยู่ด้านในได้โดยทันที

ใครจะไปรู้เลยว่าเพียงกวาดตามองข้อมูลเหล่านั้นเล็กน้อย สีหน้าของเยวียนเหวินจวิ้นก็แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ร่างกายของเขาสั่นเทา แผ่นหินหยกในมือตกกระทบพื้นเสียงดังแกร๊ง

“แย่แล้ว แย่แล้วสิ มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว…”

เยวียนเหวินจวิ้นมีสีหน้าสับสนและตกตะลึง

เมื่อบรรดาลูกศิษย์ของเขาได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน

“เกิดอะไรขึ้นขอรับ ท่านอาจารย์?”

หลี่ซิวเยวียนรีบถามออกมาเร็วไว หัวใจกระตุกวูบ

เยวียนเหวินจวิ้นมีสีหน้าประหลาดใจมากที่สุดในชีวิต มันเป็นความประหลาดใจในชนิดที่ว่าลูกศิษย์ของเขาไม่เคยเห็นอาจารย์ของตนเองมีสีหน้าที่ประหลาดใจถึงขนาดนี้มาก่อนเลยสักครั้ง