บทที่ 900 เป็นไปตามแผน

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 900 เป็นไปตามแผน

ความลำบากใจปรากฏขึ้นบนสีหน้าของตู้กู่จิงหง

เสมือนคนกระทำผิดที่ถูกจับได้คาหนังคาเขา

ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน

เยวียนเหวินจวิ้นรู้ดีว่าสีหน้าเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร

ในที่สุด

เยวียนเหวินจวิ้นก็กล่าวตอบอีกครั้ง “ท่านประมุขตู้กู่

บัดนี้ยังไม่สายเกินไป นี่คือโอกาสสุดท้ายของท่าน อีกอย่าง

หากท่านไม่คิดถึงชื่อเสียงของตนเอง แต่อย่างน้อยก็สมควรคิดถึงชื่อเสียงของอู๋อิงบ้าง

นางจะพลอยมีมลทินติดตัวไปด้วย หากท่านถูกเปิดโปงขึ้นมา

อู๋อิงก็จะกลายเป็นบุตรสาวของคนทรยศแห่งจักรวรรดิเป่ยไห่

และดินแดนแห่งนี้ก็คงไม่มีที่สำหรับนางอีกต่อไป

ท่านอยากเห็นบุตรสาวของตนเองไม่มีแผ่นดินจะอยู่หรือ?”

ตู้กู่อู๋อิงพูดด้วยน้ำเสียงเว้าวอน

“ท่านพ่อ…”

“ประเสริฐ

ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว”

ตู้กู่จิงหงถอนหายใจออกมา

“ข้ารับปากว่าจะยอมร่วมมือกับพวกท่าน”

เยวียนเหวินจวิ้นกับตู้กู่อู๋อิงยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

สำเร็จแล้ว

หลินเป่ยเฉินยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย

เพราะทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้การคาดเดาของเขา

ตู้กู่จิงหงกล่าวว่า

“ในเมื่อข้ายอมร่วมมือแล้ว ทุกคนจงตามข้ามา…”

พูดจบ

ชายชราก็เดินไปที่ชั้นวางหนังสือที่อยู่ข้างห้องฝึกวิชา เขาหมุนแจกันหยกใบหนึ่ง

แล้วแจกันใบนั้นก็เปล่งแสงสว่างเป็นประกายระยิบระยับ เผยให้เห็นค่ายอาคมที่ถูกลงเอาไว้เป็นอย่างดี

หืม?

ยังมีห้องลับอยู่อีกหรือนี่

เยวียนเหวินจวิ้นหันไปมองหน้าตู้กู่อู๋อิง

เด็กสาวผู้มีใบหน้ารูปไข่ก็แสดงความประหลาดใจเช่นกัน

เห็นได้ชัดว่านางไม่รู้ถึงการมีอยู่ของแจกันที่เป็นกุญแจเปิดค่ายอาคมใบนี้เลย

ตู้กู่จิงหงใช้นิ้วมือวาดไปบนผิวของแจกันหยก

ลักษณะคล้ายกับใช้นิ้วปลดล็อคหน้าจอโทรศัพท์มือถือ หลังจากนั้น

ม่านพลังก็สลายตัวลงไป

ชั้นวางหนังสือแยกออกจากกัน

ด้านหลังเป็นที่ตั้งของชั้นวางของขนาดเล็กชั้นหนึ่ง

บนชั้นวางตั้งไว้ด้วยหีบหยกขาวขนาดเล็กหนึ่งใบ

หีบหยกขาวใบนี้ก็ลงค่ายอาคมเอาไว้เช่นกัน

แต่ยามที่ค่ายอาคมทำงาน มันไม่มีสีสันอื่นใดปรากฏออกมา

มีเพียงผิวหยกขาวที่เป็นประกายวาววับเท่านั้น

แต่นั่นก็ยิ่งทำให้หีบหยกใบนี้ดูสวยงามมากกว่าเดิมหลายเท่า

หีบใบนี้มีแม่กุญแจปิดตายแน่นหนา

“นี่คือหีบหยกขาวฟ้าประทาน

เป็นวัตถุเก็บของวิเศษประเภทหนึ่ง ด้านในข้าเก็บของเอาไว้มากมาย

ล้วนแล้วแต่เป็นแผนการต่าง ๆ

รวมไปถึงระบบการทำงานของสายลับจักรวรรดิจี้กวงในดินแดนของพวกเรา

ภายในหีบใบนี้ระบุชื่อสายลับทุกคนที่ข้ารู้จักเอาไว้ บางคนเป็นแม่ทัพใหญ่

บางคนเป็นยอดฝีมือของจักรวรรดิเป่ยไห่ที่มีสถานะเป็นคนของสำนักแสงตะวัน

และอีกหลายคนก็เป็นยอดฝีมือที่ใครก็คงนึกไม่ถึง…”

ตู้กู่จิงหงส่งหีบหยกใบนั้นมาให้แก่เยวียนเหวินจวิ้น

ผู้เป็นประมุขของสำนักยุทธ์อันดับหนึ่งแห่งนครหลวงยิ้มด้วยความขมขื่นใจ

ก่อนกล่าวว่า “วันนี้ข้าจะขอมอบมันให้กับท่าน

หวังว่าอาจารย์เยวียนจะรักษาสัญญา ข้าเพียงหวังอยากมีโอกาสได้กลับตัวกลับใจ

ชีวิตข้าหาได้สำคัญไม่ เพียงหวังว่าอาจารย์เยวียนคงจะสามารถช่วยเหลือบุตรสาวของข้า

ไม่ให้ต้องได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำในครั้งนี้…”

“ท่านพ่อ…”

ตู้กู่อู๋อิงอดร้องไห้ออกมาไม่ได้

ครั้งหนึ่งนางเคยเกลียดชังสิ่งที่บิดาทำ

เกลียดชังการเข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ เกลียดชังมือที่เปื้อนเลือดของท่าน

ยิ่งภายหลังล่วงรู้ว่าบิดาทำเรื่องชั่วช้ามากมายนับไม่ถ้วน

นางก็ยึดถือเขาเป็นปีศาจตนหนึ่ง…

แต่อย่างไรเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ

ความรักที่บุตรสาวมีให้ต่อบิดาจะหายไปได้จริงหรือ?

เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านี้จากตู้กู่จิงหง

เด็กสาวก็ต้องร้องไห้โฮออกมาด้วยความสงสารบิดาจับใจ

เยวียนเหวินจวิ้นก้มมองหีบหยกขาวฟ้าประทานด้วยดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์

สิ่งที่ถูกเก็บอยู่ในหีบใบนี้เป็นข้อมูลล้ำค่า

ก่อนที่จักรวรรดิเป่ยไห่จะเข้ารับการจัดระดับครั้งใหม่

การถอนรากถอนโคนกลุ่มสายลับจากจักรวรรดิจี้กวงที่แฝงตัวเข้ามาอยู่ในดินแดนของพวกเขาคือสิ่งสำคัญที่สุด

เพราะมันจะช่วยทำให้สถานการณ์ในจักรวรรดิเป่ยไห่มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น

เพราะในเวลานี้ พวกเขาไม่รู้เลยว่าสายลับเหล่านั้นเป็นผู้ใดบ้าง

และเมื่อการจัดระดับจักรวรรดิผ่านพ้นไปในทิศทางที่ไม่ดี

หายนะที่แท้จริงก็จะตามมาหลังจากนั้น

เยวียนเหวินจวิ้นไม่ได้รับหีบหยกขาวฟ้าประทานมาถือ

เขาหันมามองที่เด็กหนุ่มกู่เทียนเล่อ

สิ่งสำคัญเช่นนี้

สมควรให้ผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดเก็บรักษาเอาไว้ดีกว่า

แต่เด็กหนุ่มกลับส่ายศีรษะ

คืนนี้

เขาจะไม่มีวันแตะต้องหีบใบนี้

เมื่อเห็นดังนั้น

เยวียนเหวินจวิ้นก็ลังเลเล็กน้อย

ก่อนจะรับหีบหยกขาวฟ้าประทานมาจากมือของตู้กู่จิงหง

ชายชราหยิบกุญแจหยกดอกหนึ่งส่งมอบให้แก่บุตรสาวของตนเองพร้อมกับกำชับว่า

“นี่คือกุญแจที่จะไขหีบใบนี้

มีเพียงกุญแจดอกนี้เท่านั้นที่จะสามารถเปิดหีบได้สำเร็จ ห้ามทำชำรุดเด็ดขาด

มิฉะนั้นแล้ว พวกมันจะทำลายตนเองด้วยการเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน!”

ตู้กู่อู๋อิงรับกุญแจมาถือด้วยความระมัดระวัง

ตู้กู่จิงหงกล่าวต่ออีกครั้ง

“ในเมื่อพวกท่านได้สิ่งที่ต้องการแล้ว ก็จงรีบกลับไปก่อนดีกว่า

อีกไม่นานผู้อาวุโสลู่ล่ายจะมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องแผนการขั้นต่อไปของพวกจักรวรรดิจี้กวง”

“พวกมันจะมาที่นี่อีกแล้วหรือ?”

เยวียนเหวินจวิ้นอุทานด้วยความประหลาดใจ

ตู้กู่จิงหงพยักหน้าตอบกลับไปว่า

“ถูกแล้ว

ครั้งนี้ภารกิจของพวกมันนำโดยมือธนูจ้าวอินทรีอวี้ซือไป๋

บุคคลผู้นี้เป็นคนขององค์ชายอวี่แห่งจักรวรรดิจี้กวง

เขากำลังเดินทางมาที่นครหลวงแห่งนี้พร้อมกับราชธิดาผู้มีนามว่าองค์หญิงอวี่เค่อ

หรือที่รู้จักกันดีในฉายา ‘บุปผางามแห่งจี้กวง’ นั่นเอง…”

สีหน้าของเยวียนเหวินจวิ้นแปรเปลี่ยนไปในพริบตา

เขาจะต้องแจ้งเรื่องนี้ให้แก่ทางการทราบโดยเร็วที่สุด

“ท่านพ่อรีบหนีมาพร้อมกับพวกเราเถอะเจ้าค่ะ”

ตู้กู่อู๋อิงแสดงสีหน้าขอร้องอ้อนวอน

“นับจากนี้ไป อะไรจะเกิดขึ้นบ้างไม่มีใครรู้

ท่านอยู่ที่นี่ต่อไป มีแต่ได้รับอันตรายเท่านั้น”

ตู้กู่จิงหงมองหน้าบุตรสาวของตนเองด้วยความซาบซึ้งใจ

ก่อนจะยกมือลูบหัวนางและตอบว่า “เจ้าเด็กโง่

บิดาจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ ความผิดของบิดาไม่อาจชดใช้ แต่ทั้งหมดที่บิดาทำนี้

ก็เพื่อความปลอดภัยของเจ้าในอนาคต…”

พูดมาถึงตรงนี้

ตู้กู่จิงหงก็สวมกอดบุตรสาวด้วยความอ่อนโยน “ตัวบิดาเป็นเด็กกำพร้า

โชคดีที่ชีวิตนี้ได้มาพบเจอมารดาของเจ้า

น่าเสียดายที่มารดาของเจ้าต้องตายตอนอายุน้อยเกินไป แต่ก่อนนางจะตาย

นางกำชับให้บิดาดูแลเจ้าให้ดีที่สุด บัดนี้

ชีวิตของบิดาเหลือเจ้าอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น ลูกเอ๋ย

บิดาไม่สนใจหรอกว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร แต่ได้โปรดเชื่อมั่นว่าบิดาทำเพื่อเจ้าเสมอ

อย่างเช่นในขณะนี้”

“ท่านพ่อ…”

ตู้กู่จิงหงน้ำตาไหลพราก

ทันใดนั้น

เด็กสาวจึงได้เข้าใจความเจ็บปวดของบิดา

“ไปเถอะ”

ตู้กู่จิงหงโบกมือไล่

“เจ้าเลือกทางเดินที่ถูกต้องแล้ว เยวียนหนงเป็นคนดี

บิดาจะไม่มีทางขัดขวางงานแต่งของพวกเจ้าอีก”

กล่าวจบ

เขาก็หันมามองหน้าหลินเป่ยเฉินและประสานมือคำนับด้วยความเคารพ

“ท่านผู้มีพลังระดับเซียน หวังว่าท่านคงรักษาคำพูด ตัวข้าไม่หวังมีชีวิตอยู่รอด

เพียงหวังให้ท่านช่วยดูแลรักษาบุตรสาวของข้าในอนาคต”

“ศิษย์พี่ตู้กู่เป็นสหายของข้า

หากเกิดอะไรขึ้นกับนาง ข้าย่อมยินดีช่วยเหลือ”

หลินเป่ยเฉินตอบเสียงเรียบ

ทั้งที่ความจริง

เขาก็กำลังตื้นตันใจในความเสียสละของตู้กู่จิงหงอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

คำพูดของชายชราทำให้หลินเป่ยเฉินสะเทือนใจ

เด็กหนุ่มอดนึกถึงพ่อแม่พี่น้องของตนเองบนโลกมนุษย์ใบเก่าขึ้นมาไม่ได้

ตั้งแต่ที่เขาหายตัวไป ทุกคนคงเจ็บปวดมากมายเลยสินะ?

เพศหญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ

แต่คนเป็นแม่กลับมีความแข็งแกร่ง

คนเป็นพ่อก็น่าจะเช่นเดียวกัน

ไม่ว่าลูก ๆ

จะเติบโตสักเท่าไหร่ ทุกคนก็ยังคงเป็นเด็กน้อยในสายตาพ่อแม่เสมอ

สำหรับเพื่อลูก ๆ ของตนเองแล้ว

บิดามารดาก็เปรียบเสมือนเทียนไขที่ส่องแสงสว่างนำทางให้แก่ลูก ๆ

ท่ามกลางความมืดมิด

เป็นแสงสว่างที่ส่องให้เห็นว่าถนนเบื้องหน้ามีสิ่งใดอันตรายบ้างหรือไม่

สุดท้าย

หลินเป่ยเฉินก็นำตัวเยวียนเหวินจวิ้นกับตู้กู่อู๋อิงจากมาในความเงียบ

ตู้กู่จิงหงยืนนิ่งเงียบอยู่ในห้องลับ

สีหน้าแสดงออกถึงความโล่งอก

หลังจากนั้นไม่กี่ลมหายใจ

เงาร่างของใครคนหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นในห้องลับแห่งนี้

“กราบเรียนนายท่าน

ทุกอย่างเป็นไปตามแผนขอรับ”

เมื่อตู้กู่จิงหงเห็นว่าใครเดินเข้ามา

ชายชราก็รีบประสานมือคำนับด้วยความตกใจ

“ของทุกอย่างเตรียมเอาไว้ในหีบหยกขาวฟ้าประทานแล้วใช่หรือไม่?”

เสียงนั้นถามแผ่วเบา

ตู้กู่จิงหงตอบด้วยความเคารพว่า

“จัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้วขอรับ

ตราบใดที่เปิดหีบนั้นขึ้นมา ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามแผนของท่านทันที…

ว่าแต่ว่าแผนการต่อจากนี้ จะให้ข้าน้อยทำสิ่งใดต่อไปดีขอรับ?”