ภาค 8 ทะยานฟ้า โอบกอดจันทร์ บทที่ 752 กระบี่เหนือพิสุทธิ์

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

น้ำเสียงของหลินฮั่นหัวแม้จะใช้ไต่ถาม แต่สายตาที่เขามองเยี่ยนจ้าวเกอ กลับไม่ปรากฏความสงสัยแม้แต่น้อย เหมือนกับกำลังบอกเล่าความจริงข้อหนึ่งอยู่

เยี่ยนจ้าวเกอประหลาดใจเล็กน้อย ในห้วงสมองเกิดความคิดมากมายแวบผ่านในชั่วพริบตา

หลังจากที่ทราบว่ากษัตริย์ดินห้ามไม่ให้ผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธ์เข้าสู่โลกซ้อนโลก แม้จะยังไม่ทราบว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็ระวังตัวอยู่ตลอด

ดีที่ในสี่กระบี่ล้ำค่า สิ่งที่เขาฝึกฝนก็คือกระบี่สังหารเซียน ที่ขึ้นชื่อในเรื่องการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด

หากอยู่ในสถานการณ์ที่ตั้งใจอำพราง คนอื่นไม่อาจพบเส้นสนกลในของมันได้ง่ายๆ

โดยเฉพาะเยี่ยนจ้าวเกอยังใช้สายฟ้าเทพชั่วพริบตามาปิดบังไว้ ทำให้ผู้คนค้นพบยากกว่าเดิม

คังผิงมีพลังสูงล้ำ มีประสบการณ์มากมาย พูดถึงแค่ความรู้บางทีอาจจะสู้หลินฮั่นหัวไม่ได้ แต่คนธรรมดาก็เทียบเขาไม่ได้เช่นกัน

นอกจากนี้เขายังสู้กับเยี่ยนจ้าวเกอ สัมผัสสภาวะกระบี่ของชายหนุ่มชนิดปะทะกันตาต่อตาฟันต่อฟันด้วยตัวเอง

คังผิงยังไม่ทันสังเกตเห็นความลับ เพียงแต่หลินฮั่นหัวที่ดูอยู่ด้านข้าง ไฉนจึงรู้ว่าเป็นคัมภีร์กระบี่สังหารเซียนกัน?

หรือว่าหลินฮั่นหัวไม่ได้มองปัญหาออกจริงๆ เพียงแต่มีความรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเท่านั้น?

หรือตอนนี้เขากำลังใช้คำพูดลวงตนอยู่?

เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดสะระตะ แต่ยามนี้ก็ได้ยินหลินฮั่นหัวกล่าวต่อว่า “กระบี่สังหารเซียนของท่าน ผู้ใดเป็นคนถ่ายทอดให้หรือ?”

เมื่อได้ยินดังนั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็ทราบทันทีว่า หลินฮั่นหัวไม่ได้ใช้คำพูดลวงตน

แต่อีกฝ่ายจำเจตจำนงกระบี่สังหารเซียนได้จริงๆ

เขาทำได้อย่างไรกัน?

เยี่ยนจ้าวเกอตาเป็นประกาย

มีความเป็นไปได้เดียว นั่นก็คือหลินฮั่นหัวฝึกวิชากระบี่สายเหนือพิสุทธิ์เช่นกัน อีกทั้งยังเป็นคัมภีร์กระบี่สังหารเซียนเหมือนที่เยี่ยนจ้าวเกอฝึกปรือด้วย!

เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ราชากระบี่สายตาเฉียบแหลมนัก เมื่อก่อนตอนที่ข้ายังอยู่ที่โลกเบื้องล่าง ได้รับการสืบทอดที่ไม่สมบูรณ์ของกระบี่สังหารเซียน ที่เป็นหนึ่งในสี่กระบี่ล้ำค่าตามตำนานโดยบังเอิญ

“วรยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ข้ารู้สึกถูกใจยิ่ง ย่อมอดใจไม่ฝึกฝนไม่ไหว สุดท้ายหลังจากมาถึงโลกซ้อนโลก จึงค่อยทราบถึงดำรัสของกษัตริย์ดิน”

“ข้าไม่ใช่ผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ ราชากระบี่ได้โปรดอย่าบอกคนอื่น ข้าขอขอบคุณท่านล่วงหน้า ณ ที่นี้”

หลินฮั่นหัวมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างล้ำลึก เนิ่นนานให้หลังค่อยพูดว่า “กระบี่สังหารเซียนของท่านไม่ได้ผสมวิถีแห่งหยกพิสุทธิ์ และไม่ใช่สิ่งที่เทวกษัตริย์ปฏิบัติเต๋าเหลือไว้ แต่เป็นวิชาเหนือพิสุทธิ์อย่างแท้จริง”

ว่ากันว่าเมื่อครั้งสงครามสถาปนาเทพในยุคตำนานที่อยู่ห่างจากปัจจุบันไกลแสนไกล วิชาสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียน และสี่กระบี่ล้ำค่าของเทวกษัตริย์รัตนวิเศษ เคยตกไปอยู่ในมือของผู้สืบทอดสายหยกพิสุทธิ์

คนที่ได้รับกระบี่สังหารเซียนที่แท้จริง ก็คือเทวกษัตริย์ปฏิบัติเต๋า ลูกศิษย์ของเทวกษัตริย์บรรพกำเนิด

เจตจำนงของกระบี่สังหารเซียน จึงแพร่หลายเข้าไปในสายหยกพิสุทธิ์ด้วยเหตุนี้ แต่สุดท้ายแล้ววิชาสายเหนือพิสุทธิ์ก็มีการแบ่งแยก

ต่อมา เทวกษัตริย์ปฏิบัติเต๋าเหลือผู้สืบทอดไว้จำนวนน้อยนิด คัมภีร์กระบี่สังหารเซียนซึ่งเป็นวิชาสายหยกพิสุทธิ์จึงสาปสูญไปตั้งแต่ก่อนวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่

คัมภีร์กระบี่สังหารเซียนซึ่งเก็บไว้ในหอหนังสือวังเทพ คือหนึ่งในสี่กระบี่ล้ำค่าของแท้ซึ่งเป็นวิชาของสายเหนือพิสุทธิ์ มาจากผู้สืบทอดสายหยกพิสุทธิ์ที่พำนักอยู่ในวังเทพ

ดังนั้นหลังจากได้ยินคำพูดของหลินฮั่นหัว ม่านตาของเยี่ยนจ้าวเกอก็ค่อยๆ หดเล็กลง

การจะแยกแยะว่า แท้จริงแล้วเป็นกระบี่สังหารเซียนวิชาสายหยกพิสุทธิ์ หรือเป็นกระบี่สังหารเซียนวิชาสายเหนือพิสุทธิ์ มีความยากอยู่ในระดับหนึ่ง

หากบอกว่าหลินฮั่นหัวไม่รู้จักกระบี่สังหารเซียน ต่อให้เป็นพระพุทธเจ้าก็ไม่มีทางเชื่อ

นอกจากนี้ เยี่ยนจ้าวเกอยังมั่นใจว่า หลินฮั่นหัวฝึกฝนกระบี่สังหารเซียนซึ่งเป็นวิชาสายเหนือพิสุทธิ์เช่นกัน!

เช่นนั้นตอนนี้ปัญหาก็มาแล้ว ราชากระบี่ภูผาเงาหลินฮั่นหัว ไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วเขตตะวันอาคเนย์เท่านั้น ยังเป็นบุคคลที่โด่งดังในโลกซ้อนโลกเช่นกัน

ถึงขั้นที่ว่ากษัตริย์ดินอาจจะรู้จักเขา และทราบถึงการดำรงอยู่ของเขาด้วยซ้ำ

หลินฮั่นหัวไม่เคยเปลี่ยนแปลงวิชากระบี่ของตัวเอง ปกติประมือกับคนอื่นมานับครั้งไม่ถ้วน แต่เขากลับไม่เผยความลับที่ตนเองครอบครองวิชากระบี่สายเหนือพิสุทธิ์เลยหรือ?

เยี่ยนจ้าวเกออยากจะถามมากว่า เขาร่ำเรียนกระบี่สังหารเซียนมาจากที่ใด

ถ้าหากเป็นวาสนาของตัวเอง เช่นนั้นก็แล้วกันไป แต่ถ้าหากหลินฮั่นหัวเป็นผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์จริงๆ เช่นนั้นก็น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว

หากเขาเป็นผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ แล้วประมุขอาคเนย์ที่เป็นอาจารย์ของเขาเล่า?

สามจักรพรรดิห้าราชา ประมุขทั้งสิบมีชื่อเสียงสะท้านโลก กษัตริย์ดินจะไม่ทราบถึงความเป็นมาของประมุขอาคเนย์เลยหรือ?

หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาก็ไม่อาจมีตำแหน่งเช่นในวันนี้ได้

เป็นประมุขอาคเนย์กำลังช่วยลูกศิษย์ของตัวเองบิดบัง หรือว่ามีความลับอะไรที่ทำให้จักรพรรดิโลกยอมรับการดำรงอยู่ของหลินฮั่นหัว?

หรือหลินฮั่นหัวจะทรยศสำนักเดิมของตัวเอง ออกจากสำนัก จากนั้นก็กราบประมุขอาคเนย์เป็นอาจารย์?

มีความเป็นไปได้มากมายเกินไป ทำให้ผู้คนไม่อาจแยกแยะ ท่าทีของหลินฮั่นหัวในตอนนี้ ก็ไม่อาจบอกได้ว่ามีเป้าหมายอะไรเช่นกัน

ถึงแม้ว่าเขาจะคุ้มครองตน ช่วยขัดขวางคังผิง แต่ตนยังคงไม่อาจชะล่าใจ

เยี่ยนจ้าวเกอในใจเกิดความคิดมากมายแวบขึ้นในชั่วพริบตา แต่บนใบหน้ากลับไร้การเปลี่ยนแปลง เขา

กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบคุณราชากระบี่ที่ชี้แนะ การแยกแยะของข้าก่อนหน้านี้กลับไม่ได้ถ่องแท้นัก”

หลินฮั่นหัวมองเยี่ยนจ้าวเกอ ครู่ต่อมาค่อยเอ่ยว่า “ดำรัสของกษัตริย์ดิน ตอนนี้ท่านรู้แล้ว โปรดให้ความสำคัญด้วย”

“ข้าเข้าใจ” เยี่ยนจ้าวเกอพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

หลินฮั่นหัวพยักหน้า กลับไม่ได้พูดเรื่องนี้ต่อ และไม่ได้บอกว่าเหตุใดจึงคุ้มครองเยี่ยนจ้าวเกอที่ครอบครองวิชาสายเหนือพิสุทธิ์

เขาเปลี่ยนเรื่อง “คังผิงคงไม่ได้ละทิ้งความคิดจะสังหารท่าน เพียงแต่ถูกข้ากับศิษย์น้องมู่กดดันชั่วคราว

“หลังจากจัดการสำนักแสงสว่าง เขาอาจจะพาคนอื่นๆ ในราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องมากดดันเราที่นี่อีกครั้ง”

เยี่ยนจ้าวเกอว่า “ข้าจะระวังตัว ครั้งนี้ขอบคุณราชากระบี่แล้ว”

“หาไม่ได้” หลินฮั่นหัวส่ายหน้า

ชายหนุ่มบอกลาหลินฮั่นหัว ไม่ได้จากไปในทันที แต่ยืนอยู่กลางอากาศพลางครุ่นคิด

เฟิงอวิ๋นเซิง อาหู่ และเสี่ยวอ้าายออกมาจากวังฝูงมังกร ทุกคนต่างก็โล่งใจ

พวกเขาก่อนหน้านี้อยู่ในวังฝูงมังกร ซ่อนตัวอยู่ในค่ายกลของหอสักการะย่อยสำนักความมืด

ทุกคนต่างคิดไม่ถึงว่า ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอจะรอดพ้นภัยพิบัติที่ส่งผลคุกคามมากที่สุดตั้งแต่เขามายังโลกซ้อนโลกได้

ครั้งนี้หลังจากรอดพ้นจากคราเคราะห์ ขณะที่ทุกคนเบิกบาน ก็ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง

“คุณชาย พวกเราจะไปแล้วหรือ? อุตส่าห์ได้รับการดูแลจากราชากระบี่ภูผาเงาทั้งที” อาหู่ถามอย่างประหลาดใจ

เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “ครั้งนี้คังผิงเตรียมตัวไม่พร้อม ครั้งหน้าคงไม่ถูกไล่ไปง่ายๆ อีกแล้ว

“หลินฮั่นหัวต้องช่วยแน่ แน่นอนว่าต้องขอบคุณเขา กระนั้นพวกเราก็ไม่ควรเพิ่มปัญหาให้เขา คนเราหลายๆ ครั้งในที่สุดก็ต้องพึ่งตัวเอง”

“ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ยังไม่รู้ด้วยว่าเพราะเหตุใดหลินฮั่นหัวจึงช่วยพวกเรา”

เขาลูบคางของตัวเอง “การอยู่ที่นี่ ร่องรอยของพวกเราเท่ากับตายตัว เทียบได้กับการขังตัวเองจนทำอะไรไม่ได้ นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่ข้าต้องการเห็น

“การจากไปชั่วคราว แม้จะมีอันตราย แต่ขอแค่ปิดร่องรอยให้ดี อีกฝ่ายไม่อาจตามหาพวกเราเจอได้ง่ายขนาดนั้น”

อาหู่พยักหน้า พลันหัวเราะขึ้นมา รู้สึกสมน้ำหน้า “ครั้งนี้สำนักแสงสว่างจบสิ้นแล้ว คังผิงหากไปยังที่อยู่ของสำนักแสงสว่างด้วย พวกเขาไม่คิดจะล้างสำนักยังยาก”

เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตา ดูเหมือนคิดถึงอะไรบางอย่าง “สำนักแสงสว่างโชคร้ายจริงๆ เสียแล้ว แต่จะเกิดเมื่อไรกลับยังบอกไม่ได้

“ข้าเองก็เพิ่งจะรู้สึกตัวว่า เรื่องราวไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น มีคนคิดตกปลาอยู่”

………………..