ภาค 8 ทะยานฟ้า โอบกอดจันทร์ บทที่ 753 สำนักแสงสว่างบนคมดาบ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

“ตกปลาหรือ?” อาหู่มองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความงุนงงอยู่บ้าง

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “หลินฮั่นหัวคุ้มครองข้าแล้ว คังผิงกับราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องไม่อาจสร้างปัญหาให้กับข้าได้ชั่วคราว เพลิงโทสะสมควรลงที่สำนักแสงสว่างและหอกระบี่ทะเลเหนือ”

“ในการจับลูกศิษย์ขององค์ประมุขอุดรที่บุกเข้ามา หอกระบี่ทะเลเหนือเองก็มีส่วนช่วย นับว่ามีบุญคุณกับเขาโถงทอง”

ชายหนุ่มยักไหล่ “แม้หลินฮั่นหัวจะบอกว่าผู้คุมหอกู้หงเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะไม่สอดมือ แต่ถ้าผู้คุมหอกู้ถูกกดดันจนต้องขอความช่วยเหลือจากเขาโถงทอง เขาโถงทองคงจะไม่นิ่งดูดาย”

อาหู่ยิ้มกว้าง “ในสามฝ่าย มีสำนักแสงสว่างเพียงสำนักเดียวที่ต้องเผชิญเพลิงโทสะของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง”

เยี่ยนจ้าวเกอมองออกไปไกล “น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า สำนักแสงสว่างเผชิญกับการโจมตีครั้งใหญ่จากราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง นอกจากสำนักความมืดที่อ่อนแอมากแล้ว หอกระบี่ทะเลเหนือกับเกาะมนุษย์สำริดน่าจะช่วยสนับสนุน ผู้คุมหอกู้แม้จะทราบว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายมีตัวเองเหมือนกัน แต่ก็น่าจะลงมืออยู่ดี”

ชายร่างกำยำพยักหน้า นี่เป็นเรื่องที่คาดเดาไว้แล้วเช่นกัน

นอกเสียจากว่ากู้หงจะนำหอกระบี่ทะเลเหนือออกจากทะเลหวงเจีย ขอให้เขาโถงทองช่วยจัดหาที่อยู่

ไม่เช่นนั้น น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ถ้าสำนักแสงสว่างพินาศโดยสิ้นเชิง ในการปะทะกับแรงกดดันที่เหมือนกับเมฆดำคลุมศีรษะจากราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง หอกระบี่ทะเลเหนือก็คล้ายกับแผ่นไม้เดี่ยวยากจะค้ำยัน

เฟิงอวิ๋นเซิงว่า “ทว่าต่อให้หอกระบี่ทะเลเหนือกับเกาะมนุษย์สำริดสนับสนุนสำนักแสงสว่าง ก็เกรงว่าจะยันไว้ไม่อยู่”

เทียบกับสงครามใหญ่เมื่อครั้งก่อนแล้ว พลังของกองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียนถูกลดทอน ส่วนคังผิง ยอดฝีมืออันดับหนึ่งที่ไม่ได้เข้าร่วมสงครามเมื่อคราวที่แล้วของฝั่งราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ครั้งนี้ส่งตัวเองเข้าสู่สนามรบ

สิ่งหนึ่งเพิ่มสิ่งหนึ่งลด กองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียนสมควรโชคร้ายมากกว่าโชคดี

เยี่ยนจ้าวเกอยื่นนิ้วออกมาสามนิ้ว จากนั้นก็หุบลงนิ้วหนึ่ง “หากให้ข้าคิดหาวิธีโดยอยู่ในสภาพของสำนักแสงสว่าง จะมีวิธีการสามอย่างที่เป็นไปได้ที่สุด อย่างแรก ให้หันหัวหอก ละทิ้งรากฐานจากโลกซ้อนโลก โจมตีโลกแปดพิภพเต็มกำลัง โดยใช้บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ที่เชื่อมไปยังโลกแปดพิภพ”

“สำนักทั้งสำนักลงไปโลกแปดพิภพพร้อมกัน ก็จะพึ่งพาการสะกดจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามที่เกิดจากพลังแห่งเขตแดน เพื่อลบความได้เปรียบด้านจำนวนคนของผู้ไล่ล่าฝ่ายราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง”

พูดง่ายๆ ก็คือ ในเมื่อข้าไม่มีวิธีเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งเท่าท่านในระยะเวลาสั้นๆ เช่นนั้นข้าจะหาวิธีทำให้ท่านอ่อนแอเหมือนข้า

แต่ว่าสำหรับสำนักแสงสว่างแล้ว ต้องทิ้งอะไรหลายอย่างเกินไป

นอกจากนี้ต่อให้พวกเขามีของวิเศษมากพอที่จะปกป้องทุกคนผ่านบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ได้ แต่เมื่อเสียของวิเศษจนหมด คนในสำนักทุกคนที่ไม่ได้อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ซึ่งลงไปในครั้งนี้ คิดจะขึ้นมาอีกย่อมยากเย็นแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งพูด ทางหนึ่งหุบนิ้วที่สอง “ข้อสอง ทิ้งดินแดนรักษาผู้คน ยอมทิ้งผาตะวันจันทราบนดินแดนจิตคุณธรรม แล้วพาลูกศิษย์ในสำนักไปที่เกาะมนุษย์สำริด”

มนุษย์หล่อสำริดสามตนของเกาะมนุษย์สำริด เมื่อแสดงพลังออกมา แต่ละตนจะเทียบได้กับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียน มีความได้เปรียบด้านชัยภูมิเป็นอันดับหนึ่งของทะเลหวงเจียอย่างไม่ต้องสงสัย

กองทัพพันธมิตรหากรวมพลังกันที่นี่ จะมีโอกาสสู้กับราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องได้

แต่ว่าถ้าเป็นเช่นนี้ จะไม่ใช่แค่ปัญหาของสำนักแสงสว่างสำนักเดียวอีกต่อไป ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเกาะมนุษย์สำริดจะกลายเป็นสนามรบหลัก หอกระบี่ทะเลเหนืออาจจถูกกดดันให้ทิ้งรากฐานของตัวเองเช่นกัน

“หากดูจากสถานการณ์ใหญ่โดยรวมและมุมมองระยะยาวแล้ว วิธีการนี้ค่อนข้างสมเหตุสมผล แต่สำนักแสงสว่างจะเลือกหรือไม่ยังบอกยาก” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว

“ส่วนสาเหตุก็คือ…” เขาแตะนิ้วที่ริมฝีปาก “ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับข้า”

ความสัมพันธ์ของเยี่ยนจ้าวเกอกับเขาโถงทองยิ่งมายิ่งแน่นแฟ้น หลินฮั่นหัวถึงขั้นยินยอมขัดขวางคังผิงแทนเขา

สำนักแสงสว่างกลับกลายเป็นเป้าหมายที่ใช้ระบายความโกรธของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง

สำนักแสงสว่างจะคับข้องขนาดไหนเป็นที่ทราบได้

ในเมื่อเขาโถงทองไม่อาจคุ้มครองตนได้ เช่นนั้นเหตุใดถึงไม่หาที่พึ่งที่เหมาะสมยิ่งกว่าเล่า

ประจวบเหมาะกับที่ทะเลหวงเจียในตอนนี้ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะมีตัวตนเช่นนี้อยู่จริงๆ…

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอหุบนิ้วสุดท้าย เขาถึงแค่นเสียงเอ่ยว่า “เขตเพลิงอุดร”

เฟิงอวิ๋นเซิงกับอาหู่ได้ยินดังนั้น ใบหน้าฉายแววเข้าใจ อาหู่ลังเลเล็กน้อยค่อยพูดว่า “คุณชาย น่าจะไม่ถึงขนาดนั้นกระมัง ถ้าเป็นเช่นนั้น สำนักแสงสว่างก็เท่ากับทิ้งเขตตะวันอาคเนย์แล้ว”

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “นั่นต้องดูว่าองค์ประมุขอุดรมีความคิดอย่างไรกันแน่ ถึงอย่างไรทะเลหวงเจียก็อยู่ติดกับเขตเพลิงอุดร”

จิตใจของอาหู่พลันสั่นสะท้าน “ถ้ามีวันนั้นจริงๆ ทะเลหวงเจียคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนฟ้าแปลงดินจริงๆ แล้ว”

“ผู้ใดบอกไม่ใช่เล่า? แต่ถ้าหากว่าสำนักแสงสว่างทำตัวเป็นช่องโหว่ และผู้ส่งสาส์นเพื่อให้เขตเพลิงอุดรเข้ามายังทางตะวันออกเฉียงใต้ พวกเขาจะกลายเป็นตัวรับกระสุนง่ายๆ ใช่ว่าจะเสพสุขจากชัยชนะได้” เยี่ยนจ้าวเกอพูด

“ถ้าหากให้ข้าเลือก ข้าไม่มีทางเลือกวิธีนี้ แต่ผู้ใดจะทราบว่าหลัวจื้อเทาจู่ๆ จะคลั่งขึ้นมาหรือไม่”

เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าว “เมื่อครู่ท่านบอกว่ามีคนคิดตกปลา หมายถึงเรื่องนี้หรือ?”

อาหู่มีสีหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย “ปลา ความจริงหมายถึงคนของเขตเพลิงอุดร สำนักแสงสว่างเป็นเหยื่อตกปลา คนที่คิดจะตกปลาคือเขาโถงทองกระมัง?”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าเงียบๆ

ชายร่างกำยำรู้สึกรู้สึกว่าด้านหลังมีเหงื่อเย็นเยียบผุดขึ้นมา “เป็นหลินฮั่นหัว?”

เมื่อได้ยินดังนั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็ส่ายหน้า “ไม่ใช่ น่าจะเป็นคนแซ่มู่นั่น ครั้งนี้เขามาที่ทะเลหวงเจียพร้อมคังผิงกับเฉินจื้อเหลียง ด้านหนึ่งเพื่อจับตาดูค่ายกลบูชาฟ้า ด้านหนึ่งความจริงสนับสนุนหลินฮั่นหัว จัดการเรื่องที่ศิษย์ขององค์ประมุขอุดรบุกมา”

ครั้นคิดถึงตรงหนี้ ใบหน้ายิ้มแย้ม ดูเหมือนอ่อนโยนของมู่จวินก็ปรากฏขึ้นในห้วงสมองของเยี่ยนจ้าวเกอ

เทียบกันแล้ว เขารู้สึกว่าหลินฮั่นหัวที่เผยความคมกล้า และดูน่าเกรงขามยังคุยง่ายยิ่งกว่า

คบหากับมู่จวินผู้นี้ รังแต่จะถูกขายทิ้ง อีกทั้งยังต้องช่วยนับเงินด้วย

“แน่นอนว่ายังมีอีกความเป็นไปได้หนึ่ง” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “มู่จวินติดต่อกับสำนักแสงสว่างเป็นการลับ สำนักแสงสว่างเดิมทีตั้งใจใช้แผนไส้สึกเพราะคำชี้แนะของมู่จวิน ใช้วิกฤติการณ์ที่เกิดจากราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง เข้าหาคนในเขตเพลิงอุดร”

อาหู่ยิ้มขึ้น “เมื่อเป็นเช่นนี้ สำนักแสงสว่างก็ได้แต่เดินบนคมดาบแล้ว”

เยี่ยนจ้าวเกอพูดกลั้วหัวเราะ “ใครบอกไม่ใช่เล่า? แน่นอนว่าแผนประเสริฐยิ่ง แต่คนของเขตเพลิงอุดรจะติดเบ็ดหรือไม่ยังไม่แน่”

“ความจริงนี่น่าจะเป็นการทดสอบชนิดหนึ่ง มู่จวินอยากจะรู้เป้าหมายที่แท้จริงของเขตเพลิงอุดร”

ถ้าหากอีกฝ่ายไม่มีความตั้งใจจะเคลื่อนทัพเข้าสู่เขตตะวันออกเฉียงใต้ เช่นนั้นก็น่าจะไม่สนใจสำนักแสงสว่าง

อาหู่ถามอย่างสนใจ “คุณชาย ท่านคิดว่าอย่างไหนเป็นไปได้กว่า?”

“ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ เรื่องเหล่านี้ความจริงเป็นแค่การคาดเดาของข้าเท่านั้น จำเป็นต้องตรวจสอบเสียก่อน” เยี่ยนจ้าวเกออธิบาย “พวกเราคอยสังเกตการเคลื่อนไหวก้าวต่อไปของสำนักแสงสว่างก็รู้แล้ว”

พูดจบ เยี่ยนจ้าวเกอก็พาทุกคนเข้าไปในวังฝูงมังกร ดำลงไปในทะเลลึก มุ่งหน้าไปยังผาตะวันจันทราบนดินแดนจิตคุณธรรม อันเป็นที่อยู่ของสำนักแสงสว่าง

ขณะเดินทาง เยี่ยนจ้าวเกอถามเสี่ยวอ้ายว่า “เสี่ยวอ้าย ตอนที่เจ้ายังอยู่กับท่านแม่ของข้า ได้ยินนางพูดถึงเรื่องผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์บ้างหรือไม่?”

เมื่อครู่ในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอพูดถึงสำนักแสงสว่างและมู่จวิน กับเฟิงอวิ๋นเซิง และอาหู่ เสี่ยวอ้ายรู้สึกสนอกสนใจยิ่ง

ครั้งนี้ได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอถามนาง นางถึงค่อยรวบรวมสมาธิ

หลังจากนึกย้อนอย่างละเอียดครู่หนึ่ง เสี่ยวอ้ายก็ตาเป็นประกาย “มีเจ้าค่ะ!”