บทที่ 1143 เตาหลอมศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้า!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หลังจากการนำของจักรพรรดิสวรรค์เสวียนหัว พริบตานั้นกองทัพตระกูลไม่รู้สิ้นนับแสนนับหมื่นก็พลันโห่ร้องคำราม เหล่าผู้ฝึกตนของตระกูลไม่รู้สิ้นทวีกำลังขึ้นไม่หยุด พยายามดึงเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นออกมาให้มาก ทำให้ไอหมอกสีครามที่สร้างขึ้นค่อยๆ ร่วงลงสู่ท้องฟ้าสีเทาทีละก้อน

เวลาเดียวกัน ทางด้านหวังเป่าเล่อก็ทวีความบ้าคลั่ง เส้นไหมสีเขียวจำนวนมากไหลหลั่ง ถูกฝักกระบี่เจ้าชะตาประจำกายของเขาดูดกลืน หลังจากนั้นก็หวนคืนเสริมสร้างพลังกล้ามเนื้อให้แก่เขาจนคล้ายกับเป็นวัฏจักรหนึ่ง ทำให้หวังเป่าเล่อใกล้อยู่ในสภาวะหลงลืมตัวตน

ส่วนอู๋น้อยและเจ้าลาน้อยยามนี้ตื่นเต้นมาก แม้จะไม่กล้าพุ่งเข้าหาทะเลเส้นไหมสีเขียว แต่พวกมันก็พยายามดูดกลืนอยู่ภายนอกอย่างบ้าคลั่ง โดยเฉพาะเจ้าปลาดำก็กำลังทำเช่นเดียวกัน

ทว่า เมื่อมันเห็นอู๋น้อยและเจ้าลาน้อยแล้ว สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นเหยียดหยามพลางทะยานร่างเข้าไปอยู่ในทะเลเส้นไหมสีเขียวดังกล่าว ก่อนจะอ้าปากกว้าง…กลืนเส้นไหมสีเขียวเข้าไปมากกว่าร้อยเส้น

ฉากนี้ทำให้เจ้าลาน้อยและอู๋น้อยเห็นพลันหยุดชะงัก ในใจที่แต่เดิมก็ไม่ยินยอมอยู่แล้วอยู่แล้ว พลันรู้สึกรุนแรงมากขึ้น แต่ละคนใช้สารพัดวิธี อู๋น้อยไม่รู้หาวิธีใดมา ร่างกายของมันพลันกลายเป็นพายุหมุนขนาดย่อมดูดเส้นไหมสีเขียวเข้าไป

ส่วนเจ้าลาน้อยนั้นน่าทึ่งกว่ามันมากนัก มันไม่มีทางกลายร่างเป็นพายุได้ และก็ไม่ได้มีปากที่ใหญ่ขนาดนั้น หากแต่หลังจากดูดกลืนเต๋าสวรรค์ของสำนักแห่งความมืดและเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นแล้ว ท่าทางของมันกลับพิเศษยิ่งกว่าเก่า ยามนี้ร่างกายกว่าครึ่งที่ฟื้นกลับมาพลันขยับขยายกลายร่างเป็นรูปทรงคล้ายขนมโรตียักษ์ ค่อยๆ แผ่ขยายอาณาเขตออกไป หยุดเส้นไหมสีเขียวที่ลอยอย่างรวดเร็วเหล่านั้นเบื้องหน้า เส้นไหมสีเขียวที่ร่วงลงบนแผ่นโรตียักษ์นั้นหายไปอย่างรวดเร็ว

เวลานี้พวกเขาทั้งสี่ กล่าวได้ว่าแต่ละคนล้วนใช้วิชาเทพดูดกลืนอย่างบ้าคลั่งครั้ง แต่หากพูดโดยสรุป การดูดกลืนของหวังเป่าเล่อคนเดียวก็ปาเข้าไปห้าส่วนแล้ว เจ้าปลาดำสามส่วน ส่วนอู๋น้อยและเจ้าลาน้อยนั้นคนละหนึ่งส่วน

แม้ดูไปแล้วจำนวนอาจไม่มากเท่าเจ้าปลาดำหรือหวังเป่าเล่อ แต่เส้นไหมสีเขียวที่นี่มีจำนวนมากอย่างยิ่ง อีกทั้งถ้ำมืดทะมึนที่เป็นจุดก่อเกิดวังวนยักษ์ใหญ่แห่งนี้ พลังดูดกลืนสะท้านสะเทือนยิ่งนัก ทำให้เหล่าเส้นไหมสีเขียวนับแสนนับหมื่นตรงหน้า มีจำนวนน้อยลงจนเห็นได้ชัด

สิ่งนี้ทำให้หวังเป่าเล่อตื่นตระหนก พลังของร่างเนื้อเขาเวลานี้อยู่ในระดับปลายสูงสุดของระดับดารานิรันดร์ ห่างจากระดับสมบูรณ์เพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วเขาทราบดีว่า ดาวเคราะห์ของตัวเองมีมากเกินไปทำให้เกิดผลกระทบต่อร่างเนื้อ ดังนั้นเมื่อมาถึงช่วงระยะท้ายๆ การยกระดับเกรงว่าจะต้องอาศัยพลังมหาศาล

ดังเช่นตอนนี้ ฝักกระบี่เจ้าชะตาของเขาดูดกลืนเส้นไหมสีเขียวอย่างรวดเร็วนับแสนเส้น อีกทั้งยังมอบพลังปราณในระดับเดียวกันสนองคืนแก่ร่างเนื้อร่างต้น ทว่าระยะห่างจากการฝ่าระดับนั้นยังคงเหลืออีกมาก

โชคดีว่าในพริบตาถัดมา หลังจากถ้ำมืดทะมึนในวังวนระเบิดแล้ว ก็มีเส้นไหมสีเขียวจำนวนมากถูกดูด ด้วยความช่วยเหลือและการเติมเต็มจากจักรพรรดิสวรรค์เสวียนหัว…มองไประยะไกลนั้น ยังคงเห็นเส้นไหมสีเขียวจำนวนมากกว่าเก่าลอยเข้ามาใกล้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมทำให้พวกหวังเป่าเล่อร่าเริงมากกว่าเดิม

เวลาเดียวกัน นอกดาวเคราะห์สีเทานั้น เหล่ากองทัพตระกูลไม่รู้สิ้นนับแสนนายต่างตื่นตะลึงอีกครั้ง จักรพรรดิสวรรค์เสวียนหัวลุกขึ้นยืน ดวงตาทอประกายสงสัย แต่หลังจากนั้นเขากลับกัดฟันรุนแรง

“ข้าไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ เพิ่มกำลังให้ข้าอีก!” ท่ามกลางเสียงตวาด เหล่ากองทัพตระกูลไม่รู้สิ้นนับแสนนายก็แผ่พลังอีกครั้ง รอบนี้พลังที่ส่งลงไปมากกว่าเก่า เพียงแต่ว่า…หมอกสีครามที่เข้าปกคลุมดาวเคราะห์สีเทาในยามนี้ หลังจากตกลงสู่ทะเลเส้นไหมสีเขียวแล้วก็จะถูกเหนี่ยวนำให้วิ่งมายังหวังเป่าเล่อทันที

ท่ามกลางเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น รอบด้านของหวังเป่าเล่อ เส้นไหมสีเขียวจำนวนมากกว่าแสนเส้นถูกดึงเข้ามาอีกครั้ง นี่ทำให้อู๋น้อยและเจ้าลาน้อยตื่นเต้นยินดี เจ้าปลาน้อยเองก็ดีใจจนเนื้อเต้นเช่นกัน

เพราะการดูดกลืนอย่างบ้าคลั่งครั้งนี้ แม้วังวนจะยิ่งใหญ่เพียงใด แต่ก็ยังต้องอ่อนแรงไปทีละน้อย เพราะแรงดูด ยามนี้เองอู๋น้อยผู้ทนไม่ไหวเป็นคนแรก ต้องการเวลาในการย่อยจึงหยุดการดูดกลืนลง ดวงตามองเส้นไหมสีเขียวที่ลอยห่างออกไปในใจก็รู้สึกไม่ยินยอม ยิ่งเมื่อหันมองเจ้าลาน้อยและเจ้าปลาดำแล้ว ความไม่ยินยอมก็พุ่งพรวดสูงขึ้นทันที

“เจ้าตะกละทั้งสองนี่ กินเก่งไปแล้วนะ!” อู๋น้อยรู้สึกระอา แท้จริงแล้วเจ้าปลาดำตรงนั้นเดิมทีก็เป็นเต๋าสวรรค์ ดังนั้นความสามารถในการกัดกินของมันย่อมเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ทว่าเจ้าลาน้อยนี่…เจ้าหมอนี่กลับยังยืนหยัดต่อ นี่ทำให้อู๋น้อยเริ่มสะพรึงขึ้นมา

ยิ่งได้เห็นเจ้าลาน้อยแปลงร่างเป็นแผ่นโรตียักษ์ กายเนื้อเกิดรูนับพันนับร้อย ราวกับกำลังจะแตกสลาย ทว่ามันก็ยังคงตั้งมั่น ยืนหยัดในการกินต่อไป…

ฉากนี้ แม้แต่เจ้าปลาดำยังอดสั่นสะท้านไม่ได้ ยามที่มันมองไปยังเจ้าลาน้อย ดวงตาก็ฉายแววระแวดระวังและหวาดเกรงถึงขีดสุด

หลังผ่านไปอีกหนึ่งก้านธูป แผ่นโรตีของเจ้าลาน้อยก็พังพินาศ มันร้องโหยหวนก่อนจะหวนคืนกลับมา นี่คือการหยุดกินของมัน ดังนั้นแล้วอู๋น้อยและเจ้าปลาน้อยจึงค่อยๆ ผ่อนคลายความเครียดลง

ส่วนเจ้าปลาดำก็ยืนหยัดมาจนถึงที่สุดแล้ว มันต้องการเวลาในการย่อย การดูดกลืนอันยากจะหยุดตัวเองนี้สุดท้ายจึงต้องปล่อยมือ ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงผู้เดียวที่ยังคงดูดกลืนอยู่นั่นคือหวังเป่าเล่อ

หลังจากฝักกระบี่เจ้าชะตาดูดกลืนพลังแล้ว หลังจากหวนคืนพลังกลับเข้าสู่ร่างของเขา กายเนื้อของเขาในยามนี้มีคลื่นพลังอันน่าสะพรึงโผล่ออกมา คลื่นพลังนี้ทวีความแข็งแกร่งมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าร่างเนื้อของหวังเป่าเล่อกำลังจะทะยานระดับพลังจากระดับปลายของดารานิรันดร์ไปสู่ดารานิรันดร์ชั้นสมบูรณ์

“ยังขาดอีกนิด อีกเพียงนิดเดียว!!” ดวงตาหวังเป่าเล่อแดงฉาน เขาเคลื่อนพลังฝึกปรือ หมื่นดาวเคราะห์ด้านหลังปรากฏร่างดวงวิญญาณเทพเองก็ช่วยประคอง พลังของฝักกระบี่เจ้าชะตาทวีกำลังมากยิ่งขึ้น หลังจากเส้นไหมจำนวนนับไม่ถ้วนวิ่งเข้าร่าง พลังหวนคืนก็ยิ่งน่าตระหนก ทว่า…วังวนนั้นดูเหมือนไม่อาจประคองพลังต่อได้ ผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม ถ้ำมืดทะมึนที่ก่อขึ้นเพราะหวังเป่าเล่อนั่งขัดสมาธิอยู่ในวังวนก็ค่อยๆ หายไป

พลังดูดกลืนเองก็หายไปเช่นกัน ส่วนเส้นไหมสีเขียวทั้งสี่ทิศ มันกระจายไปรอบด้าน เพราะขาดพลังดูดกลืน จึงกลับเข้าซ่อนตัวอยู่ในความว่างเปล่า ยามนี้หวังเป่าเล่อคำรามเสียงกึกก้อง มองไปยังเส้นไหมสีเขียวที่ค่อยๆ หลบซ่อนตัวในความว่างเปล่า พยายามคว้ากลับมาไม่หยุด

แต่ในด้านความเร็วย่อมไม่อาจเทียบกับก่อนหน้า ดังนั้นต่อให้เขาทุ่มเทหมดกำลังก็ไม่อาจคว้ามาได้มาก

“ขาดอีกนิดเดียวเท่านั้น!” ดวงตาหวังเป่าเล่อแดงฉาน ฉายประกายพรั่นพรึง ในใจของเขาร้อนรน เพราะสัมผัสได้ว่าร่างเนื้ออันแข็งแกร่งของตนในยามนี้ขาดอีกเพียงเล็กน้อยก็จะทะยานเข้าสู่ระดับดารานิรันดร์ชั้นสมบูรณ์

“ขาดเส้นไหมสีครามเจ็ดแปดหมื่นเส้นสุดท้าย!” หวังเป่าเล่อไม่รู้ว่าตนนั้นดูดกลืนไปมากเท่าไรแล้ว แต่เขาเองก็สัมผัสได้ว่าอีกเพียงไม่กี่หมื่นเส้น เขาจะต้องยกระดับได้แน่!

หากไม่สนใจคำของศิษย์พี่ใหญ่ แล้วใช้พลังดูดกลืนกลิ่นปราณความตายล่ะก็ หวังเป่าเล่อเองก็คิดว่าคงจะสามารถดูดกลืนเส้นไหมสีเขียวมจำนวนหลายหมื่นมาได้อย่างรวดเร็ว เพียงแต่เมื่อเขารู้ว่ายามนี้ปราณแห่งความตายคือพลังของเต๋าสวรรค์สำนักแห่งความมืด ด้านเจ้าปลาดำก็ยังไม่แข็งแกร่งพอ หากดูดกลืนต่อไปย่อมกระทบตัวมันแน่

ดังนั้นแล้วหลังจากหวังเป่าเล่อพยายามฝืนถึงขีดสุด ในใจเขาก็อดร้อนรนไม่ได้ มองไปยังอู๋น้อยและเจ้าลาน้อย ทั้งร่างของเขาพลันมีกระแสพลังอันน่าหวาดผวาแผ่ซ่านออกมา แววตาทำให้คนตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า จับจ้องไปทางอู๋น้อยและเจ้าลาน้อย แม้แต่เจ้าปลาน้อยเองก็ยังรู้สึกกลัว

ผ่านไปชั่วครู่ หวังเป่าเล่อจึงฝืนเอาชนะได้ ยามนี้เขาหันไปมองส่วนลึกของท้องฟ้าสีเทา เข้าใจอย่างถ่องแท้ นอกจากที่นี่ ด้านนอกก็ไม่มีสถานที่อื่นอีกแล้วที่จะให้ตนได้ดูดกลืนเส้นไหมสีเขียวจำนวนมหาศาล ในส่วนของวังวนเล็กๆ นั้น แม้ว่าจะมีแต่ก็ช้ามาก

ดังนั้นแล้วดวงตาของเขาจึงทอประกายกร้าว คำรามเสียงต่ำ

“ตามข้าไปยังส่วนลึก!” ระหว่างที่กล่าว ร่างของหวังเป่าเล่อก็พลันทะยานไปยังด้านหน้า ท่ามกลางเสียงดังสนั่น ร่างกายอันแข็งแกร่งของเขาในยามนี้ทำให้ความว่างเปล่าบิดเบี้ยว เขาทะยานคราหนึ่งก็กระโจนไปอยู่บนท้องฟ้า ปรากฏอยู่กลางท้องฟ้าสีเทามุ่งไปยังส่วนลึกด้วยความรวดเร็ว เสียงดังลั่น!

อู๋น้อย เจ้าลาน้อย และเจ้าปลาดำลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบตามไปอย่างเร่งร้อนเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งสี่จึงเร่งความเร็ว ใช้เวลาไม่นาน…ก็เข้าสู่เขตกลางของท้องฟ้าสีเทาดวงนี้!

เพิ่งจะเข้ามาในอาณาเขต หวังเป่าเล่อก็พลันเห็นว่าเบื้องหน้า มี…เตาหลอมทองแดงขนาดยักษ์สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน ลักษณะเป็นเตาหลอมมหึมาไร้ที่สิ้นสุดตั้งอยู่ใบหนึ่งอย่างน่าอัศจรรย์!

ภายในเตาทองแดงนี้ไฟลุกโชติช่วง ทำให้บริเวณโดยรอบอุณหภูมิร้อนอย่างน่าตระหนก และเตาหลอมที่ว่านั่นไม่ได้มีแค่เตาเดียว แต่กลับมีถึง…เก้าเตา!

เตาทั้งแปดอยู่รอบด้าน เตาหนึ่งอยู่ในนั้น!

เตาหลอมรอบด้านทั้งแปด เต็มไปด้วยกองเพลิงทั้งสิ้น ส่วนภายในนั้นมีเตาหนึ่ง…กลับเป็นหมอกสีดำอำมหิต!

แทบจะในพริบตากับที่หวังเป่าเล่อก้าวเท้าเข้ามาในนี้ รอบด้านของเตาหลอมทั้งแปด บรรดาผู้ฝึกตนจากตระกูลหมื่นสำนักนับร้อยคนที่เข้ามาในที่นี้ก่อนหน้าหวังเป่าเล่อ บ้างก็กำลังรู้แจ้ง บ้างก็กำลังต่อสู้แย่งชิง แต่ไม่ว่าจะกระทำการใดอยู่นั้น ยามนี้ทุกสายตาล้วนพุ่งตรงมาทางหวังเป่าเล่อ

ผู้ฝึกตนที่เข้ามาในที่แห่งนี้ได้ล้วนไม่ใช่พวกอ่อนแอ ดังนั้นแล้วพวกมันจึงสนใจผู้ที่มาใหม่ทั้งสิ้น!

เช่นเดียวกัน เพราะที่แห่งนี้ไม่มีผู้อ่อนแอ ดังนั้นยามที่เหล่าผู้ฝึกตนมองมาทางเขา หวังเป่าเล่อเองก็สัมผัสได้ว่าคนนับร้อยในที่แห่งนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นมหาศิษย์แห่งเต๋าซึ่งอยู่ระดับสูง ขนาดที่ว่าบรรดาสำนักหรือตระกูลทั้งหลายก็ยากจะใกล้ชิดได้!

………………………………………………………………………………….