พริบตานั้นทั้งสองฝ่ายต่างประสานสายตา!
หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง ภายใต้การกวาดมองนี้ เขาพบเตาหลอมยักษ์ทั้งแปดด้านนอก ในจำนวนนี้มีแปดเตาที่ถูกผู้ฝึกตนยึดครองไปแล้ว แม้ไม่เห็นลักษณะของผู้เข้ายึดครอง แต่ก็เห็นได้ว่าบริเวณรอบเตายักษ์ทั้งสี่นั้นล้วนมีผู้ฝึกตนระดับดารานิรันดร์นับสิบกว่าคนกำลังพิทักษ์อยู่
ในบรรดานั้นมีอยู่สองเตาซึ่งผู้พิทักษ์เป็นคนของตระกูลไม่รู้สิ้น ในส่วนของอีกสองเตาแม้ไม่ใช่ตระกูลไม่รู้สิ้น แต่ในด้านขุมพลังก็ไม่ด้อยกว่ากันเท่าไร
บรรดานั้นมีกลุ่มคนนับสิบกว่าคน ตั้งวงล้อมเป็นค่ายขนาดใหญ่ ทำให้ปราณบริเวณเหนือเตาหลอมแปรสภาพเป็นมังกรยักษ์สีเงินตัวหนึ่ง มันนอนหลับตาขดตัวอยู่ กลิ่นปราณสะท้านสะเทือนขวัญ
ในส่วนของอีกเตานั้น พลังปราณหลอมลักษณ์ออกมาเป็นทรงกระบี่โบราณห้าเล่ม ปราณกระบี่ห้าสายแผ่กระจายโอบล้อมรอบทิศ พาให้จิตใจสั่นสะท้านเช่นกัน
นอกจากเตาทั้งสี่นี้แล้ว บริเวณเตาอีกสี่เตาโดยรอบก็วุ่นวายอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้าที่หวังเป่าเล่อจะมาถึงนี้ พวกเขากำลังต่อสู้แย่งชิง แต่เนื่องจากพละกำลังเสมอกันมากไป อีกทั้งยังเป็นพวกอ่อนแอทั้งสิ้น ดังนั้นแล้วเป็นเวลากว่าชั่วยามเศษๆ จึงยังไม่สามารถตัดสินรู้ผลได้
การมาของหวังเป่าเล่อ แม้จะทำให้บรรดาผู้ฝึกตนเหล่านี้หันไปมอง ทว่าในพริบตาผู้ฝึกตนส่วนมากก็รั้งสายตากลับ ไม่ได้สนใจเขาอีก ส่วนพวกที่อยู่ในระหว่างการต่อสู้ย่อมไม่หันไปพิจารณาหวังเป่าเล่อโดยละเอียด เพียงแค่หันมาสนใจครู่หนึ่ง ครั้นเห็นว่าหวังเป่าเล่อเป็นเพียงระดับดารานิรันดร์ขั้นกลาง พวกเขาก็ไม่ได้สนใจมากนัก
ต่อให้สัมผัสได้ว่าพลังกายของหวังเป่าเล่อจะอยู่ในระดับดารานิรันดร์ขั้นปลายแล้วก็ตาม แต่ผู้คนที่นี่ไม่ว่าจะเป็นมหาศิษย์แห่งเต๋าจากตระกูลใดก็ล้วนมีคุณสมบัติน่าพรั่นพรึงทั้งสิ้น พลังฝึกปรือไม่ด้อย พลังกายยิ่งไม่ธรรมดาเช่นกัน
ดังนั้นแล้ว สำหรับผู้ฝึกตนระดับกลางหนึ่งคน และกายเนื้อที่อยู่ระดับปลายผู้นี้ จึงไม่มีค่าให้พวกเขาหันมาสนใจมากนัก เห็นได้ชัดว่าพลังฝึกปรือและประสบการณ์ของพวกเขายังไม่มากพอที่จะทราบว่า ผู้บุกรุกเบื้องหน้านี้ แม้พลังฝึกปรือจะอยู่ระดับดารานิรันดร์ชั้นปลาย แต่จำนวนดาวเคราะห์ในกายนั้นมีมากจนทำให้คนตกตะลึงได้ ร่างเนื้อแม้จะเป็นแค่ดารานิรันดร์ชั้นปลายก็ตาม แต่นั่นอยู่ภายใต้วิชาเด็ดดารา เป็นพลังที่หลอมรวมมาจากดาวเคราะห์พิเศษนับหมื่นดวง!
ทว่า ก็ยังพอมีคนบางกลุ่มเดาออกถึงจุดซ่อนเร้น ในยามนี้ตรงหม้อหลอมสี่ใบซึ่งมีเหล่าผู้เฝ้าระวังอยู่นั้น มีสองใบที่ส่งกระแสจิตบอกเหล่าผู้พิทักษ์ของตน
“เจ้าหมอนี่มีบางอย่างแปลกประหลาด!”
“อย่าไปหาเรื่องมัน ดูท่าผู้มาใหม่ไม่ใช่คนโง่เง่า คงไม่ลงมือหาเรื่องพวกเรา!”
นอกจากเหล่าผู้เข้ายึดครองภายในหม้อหลอมทั้งสองฝั่งแล้วที่พอจะคาดเดาความผิดปกติได้ ก็ไม่มีใครสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของหวังเป่าเล่ออีก ดังนั้นคนจำนวนมากจึงดึงสายตากลับแล้วหันไปสนใจสู้กันเองต่อ ยามนี้เสียงปะทะดังสนั่นจึงปะทุขึ้นอีกครั้งทั้งสี่ทิศ
เมื่อหวังเป่าเล่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็หรี่ตา ตอนที่เขามาถึงนั้น เซี่ยไห่หยางก็ได้บอกเล่ารายละเอียดของ เตาหลอมมาให้เขามากมายแล้ว ยามนี้พิจารณาดูตำแหน่งของหม้อหลอม โดยเฉพาะเตาตรงกลางซึ่งหม้อหลอมทั้งแปดโอบล้อมเอาไว้มีกลิ่นปราณของศิษย์พี่ใหญ่ลางๆ เขาเข้าใจทุกสิ่งในทันที
เตาหลอมด้านนอกทั้งแปดนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นสถานที่ตื่นรู้ที่ดีที่สุด ครั้นจักรพรรดิเดือนแยกตายเมื่อไร เหล่าผู้ฝึกตนที่เข้ายึดครองในเตาหลอมทั้งแปดใบก็จะถือว่ามีส่วนยึดโยงกับเตาหลอมใจกลาง ย่อมได้รับพลังกลับไปมากที่สุดด้วย!
เช่นเดียวกัน เหล่าคนที่ไม่อาจเข้ายึดครองเตาหลอมได้ อยู่เพียงแค่บริเวณรอบด้านก็จะได้รับพลังไปด้วย ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว จำนวนของพลังที่ได้รับย่อมแตกต่างมหาศาล
เหล่าผู้ฝึกตนนับร้อยบนพื้นที่นี้ แต่ละคนล้วนมาจากตระกูลหมื่นสำนักทั้งสิ้น เป็นรองแค่มหาศิษย์แห่งเต๋าระดับหนึ่งเท่านั้น กระทั่งยังมีบางคนเป็นไปได้อย่างมากว่าเข้าสู่ระดับที่หนึ่งไปแล้ว ดังนั้นการบ่มเพาะในครั้งนี้จึงสำคัญสำหรับพวกเขามาก หากว่ามีโอกาสได้เพิ่มพูนพลังครั้งสำคัญ ใครก็ไม่อยากส่งมอบโอกาสนี้ให้คนอื่น
ในส่วนของเหล่าผู้ฝึกตนที่เข้ายึดครองหม้อหลอมได้อย่างหมดจดและมีคนเฝ้าพิทักษ์อยู่โดยรอบนั้น เห็นได้ชัดว่าย่อมเป็นผู้ที่มาก่อน ผู้ที่เข้ายึดครองบริเวณภายในเตาหลอมได้ นอกจากจะต้องมีสถานภาพและพลังฝึกปรือที่สามารถสยบคนนอกในสำนักของตนเองได้แล้ว ยังต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างมาก ถึงจะแลกโอกาสนี้มาได้ด้วย
ในส่วนของเตาหลอมที่เหลือทั้งสี่ เห็นได้ชัดว่ายังไม่มีผู้ใดช่วงชิงได้ในระดับนั้น จึงก่อเกิดความโกลาหลเช่นนี้
แต่ในสายตาของหวังเป่าเล่อ ต่อให้เห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ก็ไม่เท่าไร ยามนี้สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่รอความตายของจักรพรรดิเดือนแยกแล้วหาโอกาสบ่มเพาะ ทว่าสิ่งที่เขาต้องการคือ…กฎแห่งการทำลายล้าง!
หากว่าดูดกลืนกฎแห่งการทำลายล้างได้เพียงพอแล้ว ก็จะสามารถสร้างแรงดูดกลืนได้มาก ดึงพลังปราณเต๋าสวรรค์มาได้มากกว่าเก่า อย่างไรก็ดี สำหรับเขาแล้วเตาหลอมทั้งแปดนี้ด้านในบรรจุกฎแห่งการทำลายล้างไว้ในปริมาณที่น่าตกใจอย่างเหนือคาด
“ดูท่าข้าจะมาช้าไปหน่อย…” ยามนี้ดวงตาหวังเป่าเล่อเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย ร่างเนื้อของเขานั้นห่างจากระดับดารานิรันดร์ขั้นสมบูรณ์อีกเพียงเล็กน้อย ในใจเริ่มร้อนรนขึ้นมา หลังมองเห็นความวุ่นวายตรงนี้เข้า ดวงตาก็ทอประกายจิตสังหารวูบหนึ่ง เขากวาดตามอง แล้วจับจ้องไปยังเตาหลอมที่มีผู้ฝึกตนนับสิบกำลังแย่งชิงอยู่เตาหนึ่ง พลันขยับร่างพุ่งเข้าไป
ความเร็วนั้นรวดเร็วประหนึ่งดาวตกเส้นหนึ่ง ทะยานเข้าไปใกล้ในพริบตา
ทว่า การปรากฏตัวของเขาก็ดึงดูดสายตาของทุกคนตรงนั้นเช่นกัน ดังนั้นแล้วในตอนที่หวังเป่าเล่อทะยานร่าง พริบตานั้นเหล่าผู้ฝึกตนที่รายล้อมเตาหลอมซึ่งเขาเพ่งเล็งไว้ แต่เดิมที่กำลังแก่งแย่งกันอยู่ล้วนสัมผัสได้ถึงเขาทีละน้อย ทั้งหมดต่างหยุดการต่อสู้ลง โทสะในใจเริ่มพวยพุ่ง เมื่อเห็นว่าหวังเป่าเล่อพุ่งกายตรงมายังที่พวกตนอยู่ ดวงตาก็ทอประกายกร้าว มือขวาพลันยกขึ้นมา เอื้อมไปด้านหลังพร้อมคว้าจับอย่างรุนแรง
“หาที่ตายเองโดยแท้ ประจวบเหมาะนัก ข้าจะได้ยืมปราณและเลือดของเจ้ามาใช้ เสริมสร้างดวงวิญญาณเทพของข้า!” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกล่าวออกมา ระหว่างที่กล่าวนั้นก็ระเบิดพลังฝึกปรือระดับดารานิรันดร์ขั้นสมบูรณ์อย่างรุนแรง กลายเป็นดาวเคราะห์นิรันดร์ดวงยักษ์ที่ยามนี้ได้หลอมรวมก่อเป็นกรงเล็บงองุ้ม ฉับพลันมีพลังสะกดข่มไร้ขอบเขตเกิดขึ้น กรงเล็บนั้นพุ่งตรงมาทางหวังเป่าเล่อ
ในชั่วพริบตา พลังฝ่ามือขนาดยักษ์นี้ก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าหวังเป่าเล่อแล้ว ครั้นเห็นว่าตนกำลังจะถูกคว้าได้ หวังเป่าเล่อกลับผุดยิ้มเย็น ไม่หลบซ่อนเลยสักนิด ทั้งร่างเพิ่มความเร็วขึ้น และในชั่วเวลาอันน่าตกตะลึงนั้น ก็พุ่งเข้าชนกับฝ่ามือ
ตอนนั้นเองเกิดเสียงดังก้องฟ้า พลังปราณสะท้านใจผู้คน มองเห็นฝ่ามือที่แข็งกล้าฝ่ามือนั้นปะทะเข้ากับร่างกายของหวังเป่าเล่อ หากมีผู้ใดจับตัวหวังเป่าเล่อได้ ร่างกายของคนผู้นั้นอาจจะไม่อาจต้านทานจนต้องพินาศไปในพริบตา
ยามนี้เสียงโหยหวนเสียงหนึ่งดังขึ้น ดังออกมาจากปากของผู้ฝึกตนวัยกลางคนผู้นั้น ฝ่ามือของเขาแยกออกเป็นสี่ห้าส่วน สีหน้าแปรเปลี่ยนโดยพลัน ดวงตาฉายแววตื่นตะลึง ตอนนี้แม้คิดจะล่าถอยแต่ก็สายไปเสียแล้ว ความเร็วของหวังเป่าเล่อสูงลิ่ว หลังจากทำลายฝ่ามือยักษ์นั่นได้ ก็ปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าผู้ฝึกตนวัยกลางคนนี้ และใช้ฝ่ามือทาบลงไปโดยไม่มองด้วยซ้ำ
ตู้มม!
ฝ่ามือหนึ่งมาถึง ดารานิรันดร์คำรบหนึ่ง ถูกทำลายในพริบตา!
ผู้ฝึกตนวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้ยังโอหัง ตอนนี้แม้จะร้องโหยหวนยังทำไม่ได้ ร่างกายของเขาแหลกสลายเป็นเสี่ยงๆ ดวงวิญญาณเทพพังพินาศ จิตวิญญาณแหลกสลาย!
ฉากนี้ ทำให้เหล่ามหาศิษย์แห่งเต๋าจากหลากตระกูลหมื่นสำนักที่กำลังต่อสู้กันอยู่ล้วนจิตใจสั่นไหวไปในพริบตา ในใจบังเกิดคลื่นลมสูงเทียมฟ้า!
“นี่มันเรื่องอะไรกัน!”
“ฝ่ามือหนึ่ง…สังหารดารานิรันดร์ชั้นสมบูรณ์ได้งั้นหรือ?”
“พลังร่างเนื้ออะไรกัน!”
กระทั่งเตาหลอมที่มีผู้ถือครองทั้งสี่ และมีผู้พิทักษ์รอบด้าน เวลานี้ก็แผ่กลิ่นอายสั่นสะท้านออกมา ดวงตารอบด้านจับจ้องมาทางหวังเป่าเล่อ
ตอนนั้นเอง ผู้ฝึกตนที่มาจากจักรพิภพเต๋าศักดิ์สิทธิ์ฝ่ายซ้ายก็มีบางคนที่จำหวังเป่าเล่อได้ ส่งเสียงร้องออกมาอย่างลืมตัว
“เขาคือ…หวังเป่าเล่อ!”
“ผู้ถือครองดาวเคราะห์เต๋า หวังเป่าเล่อที่เอาชนะชงอี้จื่อได้!!”
หลังจากนั้นเสียงฮือฮาก็ดังขึ้น หวังเป่าเล่อไม่ได้ให้ความสนใจ ตอนนี้เส้นเลือดฝอยในดวงตาเขามีจำนวนมากกว่าเก่า เห็นแค่เพียงเตาหลอมเท่านั้น ดังนั้นแล้วจึงพุ่งไปยังเตาหลอมที่หมายไว้โดยไม่ได้ลดความเร็วลง
เหล่าผู้ฝึกตนที่เห็นว่าหวังเป่าเล่อเข้าใกล้เตาหลอมนั้นล้วนตกตะลึงและรันทดใจสุดขีด ที่รอบด้านเตาหลอมเหล่าผู้ฝึกตนนับสิบกว่าคนซึ่งกำลังต่อสู้กันอยู่ล้วนหน้าเปลี่ยนสีทันที บางคนจิตใจแตกกระเจิง แต่ก็มีบ้างที่ไม่ยินยอม ตอนนั้นเองก็มีผู้เยาว์ที่มาจากจักรพิภพสำนักเสริมรายหนึ่ง ดวงตาฉายประกายดุดันส่งเสียงร้องต่ำ
“หากไปแย่งเตาหลอมอื่นๆ จะยากยิ่งกว่านี้ ไม่สู้ร่วมมือกัน เอาชนะคนผู้นี้ให้ได้!”
หากเปลี่ยนเป็นผู้อ่อนแอคนอื่น บางทีอาจไม่เป็นเช่นนี้ แต่คนเหล่านี้ล้วนเป็นมหาศิษย์แห่งเต๋า เมื่อได้ยินนัยน์ตาจึงเผยประกายฮึกเหิมอยากสู้ขึ้นในทันที เพราะว่าในตอนนี้ หากเทียบกับสถานการณ์ช่วงชิงเตาหลอมอื่นๆ ให้พวกเขาเข้าไปต่อสู้เกรงว่าจะยากกว่านี้จริงๆ อีกอย่างจำนวนคนก็เพิ่มมากขึ้น แต่ตำแหน่งที่ว่างเหลือน้อยแล้ว
ในเมื่อเป็นแบบนี้ ไม่สู้ร่วมมือกันเสียจะดีกว่า สามัคคีกันเอาชนะ!
พริบตานั้น ในบรรดากลุ่มผู้ฝึกตนสิบกว่าคน นอกจากสามคนที่เหลือซึ่งหน้าถอดสีวิ่งหนีไปแล้วนั้น คนที่เหลือล้วนทะยานตัวด้วยความรวดเร็ว กลายเป็นเส้นรุ้งเหยียดยาวพุ่งเข้ามาลงมือหวังเป่าเล่อที่เคลื่อนเข้าใกล้
ในชั่วอึดใจ พลังปราณของระดับดารานิรันดร์ขั้นสมบูรณ์ก็แผ่สะท้านท่วมท้นไปทั้งแปดทิศ นอกจากนี้ยังมีวิชาเทพ แสงแห่งสมบัติล้ำค่า แสงโชติช่วงกระจายไปทั่ว แล้วยังมีพลังแห่งกฎที่มารวมตัวกัน ก่อให้เกิดคลื่นยักษ์พุ่งเข้าตรงมายังหวังเป่าเล่อด้วยความรวดเร็ว!
คนเหล่านี้ ไม่ว่าใครก็ตามล้วนเก่งกาจเช่นชงอี้จื่อ กระทั่งบางคนอาจก้าวล้ำชงอี้จื่อไปแล้ว ดังนั้นการร่วมมือกันของพวกเขาจึงก่อเกิดขุมกำลังสะท้านฟ้า!
แต่เห็นได้ชัดว่า…ไม่เพียงพอ!
…………………………………………………………………..