เย่ซูซูพูดด้วยเสียงร้องไห้ “อาจารย์อา ขอร้องท่านนะ!”

มู่เจิ้งเฟิงไม่ใส่ใจ เดินเข้าไปหาเฉินโม่

เฉินโม่ได้ฆ่าสองพ่อลูกตระกูลกู่ พวกกรรมการเหล่านั้นมองหน้ากันเลิ่กลั่ก กลัวว่าคนที่เฉินโม่จะฆ่าต่อไปก็คือพวกเขา

เฉินโม่พูดเสียงเรียบ ๆ ว่า “ในเมื่อผมชนะแล้ว งั้นของเดิมพันก็มอบมาให้ผมได้แล้วสิ?”

กรรมการหลายคนนั้นรีบผงกหัวรับ “สมควร สมควร แต่พวกผมก็ไม่รู้เจ้าสำนักกู่ ไม่ใช่ เจ้ากู่เยว่เหอเอาคัมภีร์เซียนยาไปเก็บซ่อนไว้ที่ไหน ให้พวกเราหาก่อนนะครับ”

“ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้นหรอก”

เฉินโม่หันมองไปที่เหล่าผู้อาวุโสสำนักตันจง พูดเสียงหนาวเยือก “คัมภีร์เซียนยาอยู่ที่ไหน?”

“บอกมา หรือจะตาย!”

เสียงเฉินโม่หนาวเยือก ไม่มีใครกล้าสงสัยว่าที่เขาพูดนั้นไม่มีความเป็นจริง

พวกเหล่าบรรดาผู้อาวุโสนั้นตกใจกันจนหน้าซีดเผือดในบัดดล รีบตอบไปว่า “คัมภีร์เซียนยานั้นกู่เยว่เหอเก็บรักษาไว้เองตลอด พวกเราในวันธรรมดาปกติจะไม่เคยเห็นกันเลย ไม่รู้ว่าเขาเก็บซ่อนไว้ที่ไหนจริง ๆ ”

เฉินโม่ยื่นมือกวักเรียกออกไป กระบี่สับสวรรค์วนเวียนว่อนอยู่เหนือหัวของเขา แผ่กระจายกระแสชี่ที่เสียวบาดใจคน

นี่……

เหล่าผู้อาวุโสพวกนี้ต่างตกใจพากันถอยกรูดออกไปพร้อม ๆ กัน มีบางคนที่ขวัญอ่อนถึงกับคุกเข่าลงเบื้องหน้าเฉินโม่

“พวกเราไม่รู้จริง ๆ ว่ากู่เยว่เหอเอาคัมภีร์เซียนยานั้นวัที่ไหนจริง ๆ นะ?ขอท่านเซียนกระบี่ได้โปรดไว้ชีวิตด้วย!”

มู่เจิ้งเฟิงวิ่งตามลงไปถึงข้างล่างเวทีพอดี พูดว่า “มีคนที่รู้ว่าคัมภีร์เซียนยาเก็บซ่อนอยู่ที่ไหน!”

เฉินโม่มองมาที่มู่เจิ้งเฟิง พูดว่า “ใคร?”

“หล่อน!” มู่เจิ้งเฟิงชี้ไปที่เย่ซูซูที่คุกเข่าอยู่

“ให้หล่อนพาคุณไปหาเถอะนะ ผมจะขอไปตัวก่อน” เฉินโม่สังหารกู่เยว่เหอสองพ่อลูกแล้ว สยบจนสะท้านกลัวกันหมดทุกคน เชื่อว่าไม่มีใครกล้ามาวุ่นวายกับมู่เจิ้งเฟิงอีก

ส่วนเขาก็ไม่มีอะไรที่จำเป็นจะต้องอยู่ที่นี่ต่อ

“ได้!” มู่เจิ้งเฟิงค้อมตัวคำนับ พูดด้วยความขอบคุณว่า “บุญคุณยิ่งใหญ่นี้ มู่เจิ้งเฟิงจะสลักใส่ใจไว้ไม่มีวันลืม!”

เฉินโม่ก็พูดว่า “ไม่ต้องเกรงใจ”

มู่เจิ้งเฟิงตามตัวเย่ซูซูมา ทั้งสองก็พากันไปที่สำนักตันจง หาคัมภีร์เซียนยา

เฉินโม่มองไปที่เหล่าผู้อาวุโสสำนักตันจง “พวกคุณตามไปดูแลพวกเขา ถ้าเกิดเป็นเหตุอะไรขึ้น ข้าจะให้เลือดล้างสำนักตันจง!”

“ครับ!”

ผู้อาวุโสหลายคนนั้นตกใจกันแทบไม่กล้าหายใจดัง ตกปากรับคำแล้วจากไป

เฉินโม่ก็หันตัวกลับจากออกไป ในกลุ่มคนมีผู้เฒ่าคนหนึ่งพูดโพล่งขึ้นมาในทันใดนั้นว่า “ข้ารู้แล้วว่าเขาเป็นใคร เขาก็คือเฉินไต้ซือไง!”

“เฉินไต้ซือ?ใครคือเฉินไต้ซือ?” มีคนถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

“ปากเสีย เฉินไต้ซือก็คือเฉินไต้ซือแห่งฮ่านหยางนั้นไง ในโลกนี้ก็มีเฉินไต้ซืออยู่คนเดียวนี้แหละ!”

“ขึ้นบนอันดับหนึ่งในบัญชีรายชื่อเทพ เฉินไต้ซือที่ตลุยถล่มจนคนโลกโบราณขยาดแหยงขวัญหายกันหมด!”

สายตาแต่ละคน ทอประกายความยำเกรงด้วยศรัทธาลึก ๆ ถ้าจะพูดถึงผู้ที่เหล่าบรรดานักบู๊เหล่านี้หวาดกลัวกันมากที่สุดนั้น ไม่ใช่พวกหกพรรคใหญ่ และก็ไม่ใช่เผ่ามังกรที่เป็นทางการ แต่เป็นเฉินไต้ซือ เฉินไต้ซือแห่งฮ่านหยาง

เฉินไต้ซือ เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นมือฆ่าล่านักบู๊โบราณก็ว่าได้!

เฉินโม่มองไปที่ผู้เฒ่าคนที่จำเขาได้คนนั้น ที่แท้ก็คือผู้เฒ่าคนที่ตอนนั้นเขาพาเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนไปแลกกระบี่วิเศษนั่นเอง

เฉินโม่รีบถลันตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ที่นี่ไม่มีความหมายอะไรที่จะต้องอยู่อีกแล้ว

ก่อนอื่นก็ต้องกลับไปที่คฤหาสน์น์ทะเลสาบกลับคืนรังก่อน เฉินโม่ก็เริ่มใช้สมุนไพรที่ได้มาจากงานแลกเปลี่ยนของกลุ่มนักปรุงกลั่นยา เตรียมตัวจะปรุงกลั่นยาเม็ดที่จะมาเสริมรักษาส่วนที่ร่างกายของเขารับบาดเจ็บจากศาสตร์ลึกลับ

แต่ทว่า ยังไม่ทันเฉินโม่จะได้เริ่มปรุงกลั่น โทรศัพท์ของจี๋ต๋าจิ่วตูก็เรียกเข้ามา

“เฉินโม่ คุณทำไมไม่เข้ามาที่โรงเรียนเลย?ที่โรงเรียน เกิดเรื่องแล้ว คุณรีบเข้ามาสักหน่อยเถอะ!ถ้าคุณไม่รีบเข้ามา พวกเราคงต้องถูกรังแกกันถึงตายแน่!”

เฉินโม่ขมวดคิ้วย่น “มันเกิดเรื่องอะไรกัน?”

จี๋ต๋าจิ่วตูรีบพูดสวนไปอย่างเร่งรีบ “เรื่องใหญ่มาก คุณรีบมาหน่อยเถอะ ใช่แล้ว ถ้าคุณยังไม่รีบมา พวกเราหลายคนนี้โดนรังแกให้ตายก็ช่างมัน แต่คุณหนูยานเอ๋อร์ก็มีอันตรายอยู่ ถ้าคุณหนูยานเอ๋อร์ถูกชิงพาตัวไป คุณจะหาว่าพวกเราไม่เตือนคุณไม่ได้นะ!”

คิ้วเฉินโม่ขมวดแน่นลึกยิ่งขึ้น ด้วยบารมีของเขาในมหาวิทยาลัยหัวหนาน โดยทั่วไปแล้วจะไม่มีใครกล้ามากวนแหย่พวกจี๋ต๋าจิ่วตู ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมู่หรงยานเอ๋อร์เลย

ดูท่าฝ่ายตรงข้ามในงานนี้ ต้องมีการเตรียมการมา อีกทั้งมากันอย่างไม่ใช่เบา ๆ