มหาวิทยาลัยหัวหนาน บนทางเดินเล็ก ๆ ที่สงบร่มรื่น
หนึ่งชายหนึ่งหญิงเดินคู่กันไปอยู่ข้างหน้าห้อยตามหลังมาด้วยลูกน้องสองคน ผู้ชายหุ่นสูงเพรียว หน้าตาหล่อเหลา แววตาส่อให้เห็นถึงความเป็นคนอัตตาอีโก้สูง
เด็กสาวนั้นก็คือหนึ่งในดาวมหาวิทยาลัยหัวหนาน มู่หรงยานเอ๋อร์
ห่างออกไปตรงใต้ต้นไม้ใบเขียว จี๋ต๋าจิ่วตูอีกยังมีพวกห่าวเจี้ยน หลบอยู่หลังต้นไม้ด้วยสีหน้าโกรธแค้น
“ไอ้อ้วน แกไม่ใช่โทรศัพท์ไปให้เฉินโม่แล้วหรือ?เฉินโม่ว่าจะมาเมื่อไหร่!” ห่าวเจี้ยนถาม
จี๋ต๋าจิ่วตูทำปากเบ้พูดไปว่า “ข้าก็ได้เล่าเหตุการณ์ให้ไอ้เบื๊อกเฉินฟังแล้ว ถ้าเขายังขืนไม่รีบมา เขาจะต้องเสียใจภายหลังแน่”
ห่าวเจี้ยนถลึงตาใส่เขาไปทีหนึ่ง พูดว่า “เสียใจทีหลังหรือไม่มันเรื่องของเขา แต่ถ้าเขายังขืนไม่รีบมา ยานเอ๋อร์นั่นสิจะถูกไอ้บัดซบหงซิงกั๋วกวนจนเซ็งตายซะก่อน!”
“ถ้าไอ้บัดซบหงซิงกั๋วใช้ความรุนแรง คุณหนูยานเอ๋อร์จะสู้กับมันยังไง?”
ขณะพูด สายตาพวกเขาแต่ละคนก็มองกู่หลินเฟิงที่อยู่ข้าง ๆ ทุกคนในนี้ก็มีแต่กู่หลินเฟิงคนเดียวที่เป็นนักบู๊
บนหน้าของกู่หลินเฟิงยังมีรอยเขียวช้ำอยู่ เห็นได้ชัดว่าที่บาดเจ็บมายังไม่หาย สัมผัสกับสายตาของแต่ละคน รีบตอบไปทันทีว่า “พวกแกไม่ต้องมาหวังอะไรกับข้า บาดแผลบนหน้าข้านี่ก็โดนมาจากคนของไอ้หงซิงกั๋วนั่น ข้าไม่มีปัญญาช่วยได้หรอก”
“อะไรนะ!”
หลายคนนั้นถึงกับตื่นกลัว
“ไอ้กู่ ทำไมเรื่องนี้แกไม่เคยบอกกับพวกเราเลย?” จี๋ต๋าจิ่วตูพูดด้วยควาโกรธกับสีหน้าที่แตกตื่น
กู่หลินเฟิงฝืนหัวเราะแห้ง ๆ “ความจริงตั้งแต่แรกที่หงซิงกั๋วเข้ามาเกาะแกะไม่ยอมเลิกกับคุณหนูยานเอ๋อร์ ข้าก็ได้เข้าไปหามันแล้ว ตัวมันเองความจริงเป็นคนธรรมดาทั่วไป แต่มันมีคนฝีมือชั้นสูงคอยติดตามมันอยู่ ไอ้คนแก่นั่นอย่างน้อยก็ต้องระดับปรมาจารย์!”
“ระดับปรมาจารย์!มันเป็นไปได้ยังไง!”
จี๋ต๋าจิ่วตูพูดขึ้นมาอย่างตื่นใจ
“ก็นั่นสิ จะเป็นถึงระดับปรมาจารย์ไปได้เชียวหรือ?เห็นว่าระดับปรมาจารย์นั้นเป็นบุคคลที่เปรียบดั่งมังกรด้นเมฆเลยไม่ใช่หรือ?ทำไมปรากฏตัวเข้ามาเพ่นพ่านในโรงเรียนได้?” ห่าวเจี้ยนก็ได้ถามอย่างไม่เข้าใจ
กู่หลินเฟิงทำสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง พูดว่า “นี่ก็แค่ทำให้เห็นชัดนิดหนึ่ง นั่นก็คือฐานะของหงซิงกั๋วไม่ใช่ธรรมดา ไม่งั้นทำไมแค่มาโรงเรียนยังต้องมีผู้ติดตามคุ้มกันที่เป็นถึงระดับปรมาจารย์ด้วย?”
“อือฮึ มีเหตุผล!” จี๋ต๋าจิ่วตูกับพวกต่างก็ผงกหัว แสดงว่าเห็นด้วยตามที่กู่หลินเฟิงแยกแยะให้ฟัง
เจี่ยจวินเซี่ยพูดอย่างใคร่ครวญแล้วว่า “พวกเราได้แต่คอยดูอยู่ไกล ๆ หงซิงกั๋วไม่ใช่คนที่พวกเราจะรับมือมันได้ ยังไงก็ต้องรอให้เฉินโม่กลับมาแล้วค่อยว่ากัน”
“ตกลง ก็ได้แต่หวังว่าเฉินโม่จะกลับมาได้เร็ว ๆ หน่อย!” จี๋ต๋าจิ่วตูสีหน้าเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
ที่ไกลออกไปนั้น มู่หรงยานเอ๋อร์มีสีหน้าที่เย็นชา เห็นได้ชัดว่าไม่คิดอยากจะเดินด้วยกับหงซิงกั๋วเลย
หงซิงกั๋วกลับมีสีหน้าที่เรียบสงบ ดูเหมือนอาการแสดงออกของมู่หรงยานเอ๋อร์ไม่ได้มีผลกับความรู้สึกของเขาเลย
“หงซิงกั๋ว ฉันจะบอกย้ำคุณอีกครั้งนะ ตอนนั้นคุณปู่ฉันก็แค่พูดส่ง ๆ ไปกับคุณปู่ของคุณเท่านั้น คุณอย่าไปถือเป็นจริงเป็นจังเลย ฉันวันนี้ก็ต้องพูดกับคุณให้เข้าใจชัดเจนนะ ฉันมีคนที่ฉันชอบอยู่แล้ว ฉะนั้นหลังจากนี้คุณเลิกมาวุ่นวายกับฉันได้แล้ว” สีหน้าของมู่หรงยานเอ๋อร์ให้รู้สึกเอือมระอาเต็มหน้า
หงซิงกั๋วยิ้มน้อย ๆ ไม่มีทีท่าโกรธ มองไปที่มู่หรงยานเอ๋อร์ พูดเสียงเรียบ ๆ ว่า “ยานเอ๋อร์ เธอรู้ได้ยังไงว่าตอนนั้นคุณปู่ผมคุยกับคุณปู่เธอแค่พูดกันไปส่งเดช?ถ้าพวกเขาไม่มีความคิดนี้ มีหรือจะพูดเรื่องแบบนี้กัน?ฉะนั้นตอนนี้ผมจึงต้องมาเชื่อมต่อความหวังที่ท่านตั้งไว้ให้บริบูรณ์”
“คุณ….” มู่หรงยานเอ๋อร์โมโหจนนัยน์ตากลมสวยของหล่อนพร่ามัว จ้องหน้าที่ยิ้มน้อย ๆ ของหงซิงกั๋ว ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี
ตั้งแต่หงซิงกั๋วย้ายมาเรียนที่มหาวิทยาลัยหัวหนาน ชีวิตที่เรียบสงบของหล่อนก็ได้วุ่นวายไปสุด ๆ