เมื่อหานลี่เดินออกจากห้องพักไป จูกั่วเอ๋อร์ เซวี่ยพั่ว และคนอื่นๆ ก็รออยู่ที่นั่นด้วยความเคารพแล้ว

หานลี่สั่งให้สาวงามทั้งสิบสองและบรรพชนฮวาสืออยู่ที่นี่ เขาพาไปแค่จูกั่วเอ๋อร์และเซวี่ยพั่วไปด้วยเท่านั้น จากนั้นเขาก็กลายร่างเป็นรัศมีลำแสงแล้วเดินทางออกไปที่ใจกลางเมืองทันที

หลังจากนั้นไม่นาน กลางป่าลึกลับที่เป็นที่อยู่ของแขกคนอื่นก็มีรัศมีลำแสงเดินทางออกจากป่านี้ไปเช่นกัน แทบจะในเวลาเดียวกัน อาคารหลังหนึ่งที่สร้างเพื่อรับรองแขกพิเศษของเมืองก็มีแสงวูบวาบปรากฏขึ้น เหมือนกับคลื่นแสงจำนวนมาก

เมื่อหานลี่มาถึงสถานที่ทางเข้างานประมูล แขกคนอื่นๆ ก็เริ่มมาถึงกันก่อนแล้ว

หลังจากที่หานลี่กวาดสายตามองผู้คุ้มกันที่สวมชุดเกราะนับร้อยคนแล้ว เขาพาหญิงสาวทั้งสองคนมาที่หน้าประตูหลังใหญ่

แต่ในตอนนั้นเอง ภายในอาคารก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้น เป็นแม่นางเฟยอวิ๋นนั่นเอง หลังจากที่นางคารวะหานลี่เสร็จแล้ว นางก็เริ่มพูดด้วยรอยยิ้ม

“ผู้อาวุโสหาน ยินดีต้อนรับท่านเข้าสู่งานประมูลเจ้าค่ะ หากท่านไม่รังเกียจล่ะก็ ข้าน้อยจะเป็นคนนำทางท่านเข้าไปเอง”

เหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะรออยู่ที่นี่เป็นเวลานานแล้ว

“ในเมื่อแม่นางใส่ใจขนาดนี้ เช่นนั้นก็รบกวนเจ้าแล้ว” หานลี่ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ และพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ

เมื่อหญิงชุดม่วงได้ยินเช่นนั้น จึงโบกไล่ผู้คุ้มกันเหล่านั้นออกไป ขนาดเทียบเชิญของหานลี่ก็ยังไม่ตรวจเลย และเดินเข้าอาคารเข้าไป

ทันทีที่เหยียบเข้าตัวอาคารไปก้าวแรก หานลี่ก็สัมผัสระลอกคลื่นแปลกๆ จากอาคารหิน ทิวทัศน์รอบด้านก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

ส่วนคนอื่นๆ ก็เดินเข้าจากประตูใหญ่ตรงขึ้นบันไดไปชั้นบนทันที

ทางบันไดด้านหน้ามีชายต่างเผ่าสองคน ผิวขาวซีด ทั่งทั้งร่างกายของเขาเต็มไปด้วยม่านแสงเลือนราง

เมื่อแสงสว่างวาบ ชายต่างเผ่าทั้งสองคนนั้นก็หายไปทันที มีระลอกคลื่นที่เหลือเอาไว้เล็กน้อยเท่านั้น

“นี่คือทางเข้าที่แท้จริงของงานประมูลใช่หรือไม่” หานลี่ของเปลี่ยนไปนิดหน่อย และถามคำถามนั้นออกมา

“ผู้อาวุโสหานพูดได้ถูกต้อง จากนั้นท่านก็สามารถเข้าไปอยู่ในถ้ำสวรรค์ได้โดยตรง” หญิงชุดสีม่วงตอบพร้อมรอยยิ้มหวาน

หานลี่หยักหน้า เมื่อเขาเดินขึ้นไปบนบันได มีมิติพุ่งชนเข้ามา รูปร่างของคนรอบตัวบิดเบี้ยวไปทันที…

ผ่านไปสักระยะเวลาหนึ่ง หานลี่และคนอื่นๆ ก็ปรากฏตัวอยู่ที่ห้องสี่เหลี่ยมที่ดูแปลกตาและหรูหรา

ห้องนี้มีขนาดประมาณมากกว่าสิบจั้ง ด้านหน้ามีม่านแสงใสๆ อยู่หนึ่งชั้น หลังจากที่มองออกไปด้านนอกแล้ว จะมองเห็นเวทีสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในความสูง

รอบๆ เวทีนั้นเต็มไปด้วยเก้าอี้หินมากมาย อีกทั้งมีผู้คนปรากฏขึ้นมาเป็นจำนวนมาก

ด้านข้างของเวทีนั้นมีห้องที่ทำจากหินสีเงินออกสูงสิบจั้ง โดยมีประมาณห้าสิบหกสิบห้อง จากนั้นทุกคนก็มีอักษรรูนสีทองปรากฏขึ้น คนที่อยู่ด้านนอกจะไม่สามารถจับการเคลื่อนไหวได้เลยแม้แต่นิดเดียว

หานลี่และคนอื่นๆ อยู่ในห้องที่ลอยอยู่กลางอากาศพอดี หญิงสาวชุดม่วงยืนด้านข้างพร้อมส่งยิ้มให้

การจัดวางที่อยู่เช่นนี้ไม่ได้มีข้อแตกต่างจากงานประมูลทั่วไปมากนัก

อย่างไรก็ตามหานลี่นั่งอยู่ในห้องที่ทำจากหินสีเงิน สายตาจ้องมองไปที่เวทีที่อยู่สูงกว่า

ที่ตรงนั้นมีเมฆห้าสี ลอยไปมาอย่างเลื่อนลอย ด้านในมีผู้คุ้มกันสวมเกราะสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนซ่อนตัวอยู่ ระลอกคลื่นทุกชนิดปกคลุมทั่วท้องฟ้า และปกคลุมทั่วพื้นที่งานประมูล

เมื่อมองขึ้นไปสูงกว่านั้นอีก เหนือรัศมีเมฆห้าสี จะเห็นเป็นพระราชวังสีทองอร่าม แม้ว่ามันจะเลือนรางและมองไม่ค่อยชัด แต่ในบางครั้งก็มีเสียงดังออกมา ซึ่งทำให้คนอื่นรู้สึกผ่อนคลายบ้าง

“งานประมูลของกลุ่มพันธมิตรของท่านจัดในถ้ำสวรรค์เช่นนี้ ได้มีการเตรียมตัวอย่างดีถือว่าไร้ข้อผิดพลาดเลย” จู่ๆ หานลี่ก็พูดขึ้นและหันไปยิ้มกับแม่นางชุดม่วง

“กลุ่มพันธมิตรของพวกเราก็มีข้อระวังที่ต้องระวังเป็นพิเศษเช่นกัน เพื่อป้องกันข้อผิดพลาด เพราะของประมูลในครั้งนี้นับว่ามีมูลค่ามากกว่าครั้งที่แล้วมาก อย่างน้อยก็มีของสองสามชิ้นที่สามารถระงับและชะลอการเกิดทัณฑ์สวรรค์ใหญ่ได้ จึงต้องป้องกันอย่างดีไม่ให้มีผู้อาวุโสบางท่านที่เกิดความคิดแย่ๆ ขึ้น” หญิงสาวชุดม่วงหัวเราะขึ้นมาเบาๆ

“เมื่อเห็นการเตรียมตัวของกลุ่มพันธมิตรของท่านแล้ว ข้าเกรงว่าสหายส่วนใหญ่ไม่น่าจะคิดอะไรสิ้นคิดออกมาได้” หานลี่หัวเราะหึๆ จากนั้นก็พูดถึงความหมายแฝงขึ้นมา

“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ ผู้อาวุโสหาน งานประมูลจะเริ่มขึ้นแล้ว ข้าน้อยยังมีเรื่องที่ต้องไปจัดการ เช่นนั้นขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” หญิงชุดม่วงทอดสายตามองไปยังงานประมูลด้านนอก แล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม

“สหายไปทำธุระของตัวเองเถิด ทางนี้ไม่อะไรอะไรให้เรียกใช้แล้วล่ะ” หานลี่โบกมือ และพูดออกมาทันที

เมื่อหญิงชุดม่วงได้ยินดังนั้น นางจึงโค้งตัวเพื่อเป็นการขอโทษอีกครั้ง จากนั้นก็ถอยตัวออกจากห้องศิลานี้ไป

ภายในห้องนั้นจึงเหลือแค่หานลี่และแม่นางอีกสองคนเท่านั้น

“ของวิเศษที่สามารถชะลอและระงับทัณฑ์สวรรค์ใหญ่ได้ สมแล้วที่กลุ่มพันธมิตรจะระมัดรังวังอย่างมาก” เซวี่ยพั่วถอนหายใจ และพูดออกมาด้วยความแปลกใจ

“มีแต่ของระดับนี้เท่านั้นที่ดึงดูดมหาเมธีให้เข้ามาและยอมทุ่มเงินจำนวนมหาศาล” หานลี่พูดอย่างมั่นใจ

“ผู้อาวุโส หรือว่าท่านไม่ถูกใจของชิ้นนี้หรือ ต่อให้ผู้อาวุโสยังไม่สามารถใช้งานมันได้ในตอนนี้ แต่ว่าในอนาคตมันจะต้องมีประโยชน์มากแน่นอน” เซวี่ยพั่วมองหานลี่อยู่ครู่หนึ่ง จึงอดถามออกมาไม่ได้

“หึๆ เรื่องของอนาคตเช่นนั้น เมื่อถึงเวลาแล้วค่อยว่ากัน ต่อให้ข้าอยากได้ของวิเศษประเภทนั้น ก็จะไม่หามันในงานประมูลหรอก ในที่แห่งนี้มีระดับมหาเมธีที่ระดับเดียวกับข้ามากกว่าสิบคน หากจะต้องแย่งจริงๆ ล่ะก็ เกรงว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย จุดประสงค์หลักในครั้งนี้ ยังอยู่ที่การใช้เขตอาคมส่งตัวพวกนั้น” หานลี่ยิ้มเบาๆ ราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนั้นจริงๆ

เมื่อเซวี่ยพั่วเห็นเช่นนั้น แม้ว่าในใจของนางจะมีเรื่องอื่นอยู่ แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้าเท่านั้น

จูกั่วเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง มองคนต่างเผ่าจำนวนมากที่มาเข้าร่วมงานประมูลในครั้งนี้ ใบหน้าเล็กๆ ของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ครึ่งชั่วยามผ่านมา ในที่พื้นที่ด้านล่างก็มีคนนั่งเต็มแล้ว

ตอนนั้นเองส่วนกลางของเวทีที่ไม่มีคนอยู่ก็มีเสียงดัง “ปัง ปัง ปัง”ดังขึ้น! จากนั้นมีแท่นหินโผล่ขึ้นมา

แสงที่กลางแท่นหินนั้นก็สว่างขึ้น ชายชราผมสีแดงท่านหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นมา

ใบหน้าของชายชราผู้นี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม รูปร่างของเขาไม่นับว่าสูงใหญ่ แต่ทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น ปราณที่หนักแน่นก็ปกคลุมทั่วทั้งงานประมูล

ผู้ที่แข็งแกร่งจากเผ่าต่างๆ พากันมองไปที่แท่นหินนั้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ

“ข้าหมิงจุน เป็นหัวหน้าใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรการค้าเฮ่อเหลียน หึๆ เกรงว่าข้าไม่จำเป็นจะต้องแนะนำตัวอะไรมาก สหายทั้งหลายก็น่าจะรู้จักประวัติของข้าเป็นอย่างดี ดังนั้นข้าจึงจะไม่พูดอะไรมาก เพียงแค่อยากเตือนสหายบางคนเท่านั้น การประมูลในครั้งนี้ก็มีกฎเหมือนกับการประมูลที่อื่นๆ แต่หากท่านไม่เคารพกฎของพวกเรา ก็อย่าหาว่าผู้เฒ่าเช่นข้าจะโหดเหี้ยม ถึงขั้นฆ่าคนส่งแขกนะ เอาล่ะ ต่อไปนี้ข้าขอประกาศว่า เริ่มเปิดงานประมูลได้” ชายชรากล่าวเสียงเรียบไม่กี่คำ จากนั้นก็รีบประกาศเริ่มงานประมูลทันที เมื่อลำแสงจิตวิญญาณสว่างขึ้นมา ร่างของชายชราผู้นั้นก็กลายเป็นสายรุ้งสีเงิน และหายตัวไปในก้อนเมฆห้าสีอย่างไร้ร่องรอย

แทบจะในเวลาเดียวกัน บนเวทีหินก็มีรัศมีลำแสงหนึ่งปรากฏขึ้น หญิงสาวผู้หนึ่งที่มีแต่ความเย้ายวน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

แววตาของหญิงผู้นั้นเปล่งประกายงดงาม ราวกับว่ามีเสน่ห์กักตุนอยู่ด้านใน หลังจากที่กวาดสายตามองไปรอบๆ แล้ว ก็พบว่าชาวต่างเผ่าที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกำลังรู้สึกเลือดร้อนและเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ยิ่งไปกว่านั้น ด้านหลังของหญิงสาวคนนั้นมีหางสีชมพูสามหางส่ายไปส่ายมา ทำให้รู้สึกถึงเสน่ห์อันเหลือล้นของนาง

“จิ้งจอกสามหาง คาดไม่ถึงว่าจะมีมารร้ายเช่นนี้อยู่ที่แดนวิญญาณของพวกเรา”

“กลุ่มการค้าพันธมิตรไปหามาจากไหนเนี่ย แล้วยังสามารถให้นางมาเป็นพิธีกรงานประมูลได้อีก”

เวทีงานประมูลที่เคยเงียบสงบ บัดนี้เกิดความวุ่นวายขึ้นอีกแล้ว มีชายต่างเผ่าหลายคนที่มองไปที่ผู้หญิงคนนั้นด้วยสายตาเหมือนเสือจ้องตะครุบเหยื่อ พวกเขาจ้องนางไม่วางตาเลย

เมื่อหญิงคนนั้นเห็นเช่นนี้ สีหน้าของนางยังมีไม่มีความแปลกใจอยู่เลย หลังจากที่นางยิ้มออกมาน้อยๆ แล้วพูดเสียงหวานว่า

“ข้าน้อยมีนามว่า หูอวี้ซวง ท่านหมิงให้โอกาสข้าน้อยให้มาเป็นพิธีกรในงานประมูลใหญ่ครั้งนี้ สหายทุกท่านโปรดวางใจ แม้ว่าข้าน้อยจะเป็นเพียงสตรีหมายเลขหนึ่ง แต่ก็มีประสบการณ์การเป็นพิธีกรงานประมูลมาหลายครั้งแล้ว ข้าจะทำให้ทุกท่านเกิดความพึงพอใจแน่นอนเจ้าค่ะ”

“เป็นพิธีกรมาหลายครั้งแล้ว สหายหูตั้งใจโกหกให้พวกเราเชื่อใจหรือไม่ ด้วยความงามอย่างแม่นาง เมื่อไปปรากฏที่งานประมูลอื่น ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร” ไม่ทราบว่าเป็นเสียงของผู้ใดถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจดังขึ้นมา

เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินดังนั้น ก็อดแสดงสีหน้าสงสัยออกมาไม่ได้

“หากนับจากแผ่นดินใหญ่ของพวกท่าน นี่นับเป็นครั้งแรกที่ข้ารับหน้าพิธีกร” หูหวี้ซวงตอบอย่างไม่รีบไม่ร้อน

“อะไรนะ แม่นางไม่ใช่คนของแผ่นดินพวกเราหรือ” เมื่อได้ยินดังนั้นก็มีคนตกใจขึ้นมา

“ก่อนหน้านี้ข้าน้อยรับงานอยู่ที่แผ่นดินใหญ่นภาสีเลือดเป็นส่วนใหญ่ เพิ่งย้ายมาที่แผ่นดินใหญ่เฟิงหยวนเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ไม่น่าแปลกใจที่สหายจะไม่คุ้นเคยกับข้า” หูอวี้ซวงยิ้มขึ้นมา

“หึๆ ที่แท้แม่นางหูก็ไม่ใช่คนของแผ่นดินใหญ่เฟิงหยวนนี่เอง เฮ้อ ช่างน่าเสียดายจริงๆ หากข้ารู้ว่ามีหญิงงามขนาดนี้ ข้าคงไม่ฝึกหนัก แต่ไปขอนางแต่งงานเสียดีกว่า” คำพูดหลายโลนของชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากมุมหนึ่งของเวที น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยการเสียดสี

“หึๆ บังเอิญมากที่อดีตสามีของข้าน้อยก็มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้ไม่นาน หากสหายท่านนี้สนใจล่ะก็ ข้าน้อยจะให้โอกาสท่านสักครั้ง เพียงแต่สหายผู้นั้นกล้าพูดขนาดนี้แล้วก็โผล่หางออกมาด้วยสิเจ้าคะ ออกมาพูดคำพูดเมื่อครู่อีกรอบ”

เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงงาม ก็มีเสียงหัวเราะเบาๆ ขึ้นมา ในขณะที่นางพูดอยู่นั้น แววตาของนางก็สว่างวาบขึ้น ปราณในร่างกายก็เข้มขึ้นประมาณสามสี่เท่า ทำให้นางกลายเป็นมารที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ร้าย

“ได้…ในเมื่อเป็นความต้องการของเจ้า ข้าก็จะทำตามอยู่แล้ว…หากรู้เช่นนี้ว่าข้าจะมีฮูหยินที่มีเสน่ห์เช่นนี้ ทำไมข้าจะต้อง…” ที่นั่งไม่ไกลจากเวที มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งหน้าตาสะอาดสะอ้าน ยืนขึ้นมาทันที พูดเสียงดังด้วยใบหน้าแดงก่ำ