บทที่ 2017 เป็นเขาจริงๆ
“เวรเอ๊ย หน้าตาไม่เลวเลย มีรสนิยมอยู่นี่” หลังจากมองเห็นชายหนุ่มแล้ว เป่ยโต่วก็ส่งเสียงกระซิบนินทา “เหล่าชี นายดูสิ พี่เฟิงของพวกเราใช้ได้เลย ถึงแม้จะเด็กดอกไม้ริมทางไปเรื่อย ดึงดูดผีเสื้อหมู่ภมร แต่กลับมีคุณภาพใช้ได้เลยนะ”
พอชีซิงได้ยินดังนั้นก็ไม่พูดไม่จา ลากตัวเป่ยโต่วออกไปข้างนอก
เป่ยโต่วเอ่ยว่า “ใช่ๆๆ พวกเราไปกันเถอะ ให้พี่เฟิงได้มีเวลาส่วนตัวบ้าง ถ้าพวกเราอยู่จะไม่สะดวกเท่าไร”
ชีซิงหมดคำจะพูดแล้วจริงๆ…
“เยี่ย...เยี่ย...” เวลานี้ ชายหนุ่มมองไปที่เยี่ยหวันหวั่น ใบหน้าประดับรอยยิ้มไว้เล็กน้อย
“มาเถอะ มาคุยกันตามปกติ พูดแบบธรรมดาได้แล้ว” เยี่ยหวันหวั่นถลึงตาใส่ชายหนุ่มแวบหนึ่ง
ถ้านี่ไม่ใช่เฟิงเสวียนอี้ แล้วจะเป็นใครได้อีก
“คุณ…คุณหนูเยี่ย คุณลืม…ลืมไปแล้วเหรอครับ ผมตะ…ติดอ่าง…” เฟิงเสวียนอี้เอ่ยยิ้มๆ
“ใครก็ได้ เอาเจ้าติดอ่างคนนี้ไปโยนให้หมากินให้ฉันที” เยี่ยหวันหวั่นตะโกนออกไปนอกประตู
พอได้ยินประโยคนี้ของเยี่ยหวันหวั่น สีหน้าของเฟิงเสวียนอี้ก็พลันแปรเปลี่ยน ที่นี่คือพันธมิตรอู๋เว่ย เยี่ยหวันหวั่นมีฐานะเป็นผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย แค่พูดประโยคเดียว อาจจะมีคนโง่วิ่งเข้ามา แล้วลากเขาไปโยนให้หมากินจริงๆ
“อย่าๆๆ…คุณหนูเยี่ย มีอะไรคุยกันดีๆ เถอะครับ คุณนี่ก็ไร้เมตตาเกินไปแล้ว ดีร้ายยังไงตอนนั้นผมก็ช่วยชีวิตคุณไว้นะ” เฟิงเสวียนอี้เอ่ยกลั้วหัวเราะ
“ไม่ติดอ่างแล้วเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นเพ่งพินิจเฟิงเสวียนอี้อยู่สองสามครั้ง น่าเสียดายเหลือเกินที่ตาคนนี้ไม่ไปเป็นนักแสดง ถ้าไปเป็นนักแสดงล่ะก็ อยากเป็นราชาจอเงินก็ไม่ใช่ปัญหาแน่นอน แสดงบทแกล้งติดอ่างได้ดีเหมือนเคยติดอ่างมาจริงๆ
“คุณหนูเยี่ย ผมติดอ่างจริงๆ ไม่ได้หลอกคุณนะครับ” เฟิงเสวียนอี้เอ่ยออกมาด้วยความจนปัญญายิ่งนัก “เมื่อก่อนผมพูดติดอ่าง แต่ภายหลังรักษาจนหายดีแล้วก็เท่านั้น”
“ดูเหมือนฉันจะปรักปรำนายไปสินะ” เยี่ยหวันหวั่นจ้องมองเฟิงเสวียนอี้แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ครับ” พอได้ยินดังนั้น เฟิงเสวียนอี้ก็พยักหน้ารัวๆ
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออกเลย คนคนนี้ไหลเก่งจริงๆ!
“พูดเหลวไหลให้มันน้อยหน่อย บอกความจริงฉันมาซะ” เยี่ยหวันหวั่นมองเฟิงเสวียนอี้ พลางมุ่นคิ้วนิดๆ
“บอกความจริงงั้นเหรอครับ” พอได้ยินคำพูดนี้ของเยี่ยหวันหวั่น เฟิงเสวียนอี้ก็ผงะไปเล็กน้อย บอกอะไรล่ะ
“นายปะปนเข้าไปในตระกูลซือ มีเป้าหมายอะไร” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง
เธอไม่ใช่คนโง่ เฟิงเสวียนอี้คนนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นชาวรัฐอิสระ จะเป็นเจ้าติดอ่างที่ดูใสซื่อในคราแรกนั้นไปได้ยังไง
“ในเมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว งั้นผมจะพูดให้ชัดเจนเลยแล้วกัน” เฟิงเสวียนอี้จ้องมองเยี่ยหวันหวั่น หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง จึงกล่าวออกมาว่า “ความจริงแล้ว ตอนแรกหัวหน้าพาพวกเรามุ่งหน้าไปที่ประเทศจีน ไปตามหาเนี่ยอู๋โยวน้องสาวของหัวหน้า เรื่องนี้ ผมเชื่อว่าคุณหนูเยี่ยก็น่าจะทราบแล้ว”
พอเฟิงเสวียนอี้พูดจบ เยี่ยหวันหวั่นก็พลันกระจ่างแจ้ง เฟิงเสวียนอี้คนนี้ คิดอยู่ตั้งนาน ที่แท้ก็เป็นคนในสังกัดของเนี่ยอู๋หมิง
ก่อนหน้านี้เยี่ยหวันหวั่นคิดมาตลอดว่าทีมของเนี่ยอู๋หมิงมีห้าคน ที่แท้ยังมีเฟิงเสวียนอี้ด้วยอีกคน เป็นทีมหกคนสิถึงจะถูก…
แต่อย่างไรก็ตาม เยี่ยหวันหวั่นก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่บ้าง เนี่ยอู๋หมิงจะตามหาน้องสาว แล้วให้เฟิงเสวียนอี้ปะปนเข้าไปในตระกูลซือทำไม หรือว่า เนี่ยอู๋หมิงจะจำตัวเองได้ตั้งแต่แรกแล้ว ถึงได้ตั้งใจส่งเฟิงเสวียนอี้ปะปนเข้าไปในตระกูลซือเพื่อสืบค้น
แน่นอนว่า ความคิดนี้โผล่เข้ามาแค่แวบเดียวเท่านั้น แล้วสลายตัวไปให้ทันที ด้วยสติปัญญาของเนี่ยอู๋หมิง หากว่าเขาจดจำตัวเองได้ จากนั้นก็คิดจะส่งเฟิงเสวียนอี้เข้าไปปะปนในตระกูลซือ แล้วเขาจะยังปล่อยให้ตัวปลอมคนนั้นกลายเป็นผู้สืบทอดตระกูลเนี่ยไปได้ยังไง
เวลานี้ เยี่ยหวันหวั่นจ้องมองเฟิงเสวียนอี้ด้วยสีหน้าราบเรียบ หัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยว่า “ฉันก็ว่าแล้ว ที่แท้นายของเป็นคนของเนี่ยอู๋หมิง ปกปิดได้ล้ำลึกนักนะ ยังไงก็ตาม น้องสาวของเนี่ยอู๋หมิง ไม่ใช่ว่ากลับตระกูลไปแล้วเหรอไง วันนี้นายมาหาฉันทำไมกันล่ะ”
—————————————————
บทที่ 2018 คืออัจฉริยะคนหนึ่งนี่เอง
เฟิงเสวียนอี้จ้องเยี่ยหวันหวั่น หลังจากพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยว่า “คุณหนูเยี่ย ใช่ที่ไหนล่ะครับ…คนนั้นที่ตระกูลเนี่ย คุณก็น่าจะรู้นี่ว่าเป็นของเก๊”
“ของเก๊งั้นเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นจ้องมองเฟิงเสวียนอี้ด้วยความประหลาดใจนิดๆ เขารู้ได้ยังไงกันว่าเนี่ยอู๋โยวคนนั้นเป็นตัวปลอม
“คุณหนูเยี่ย ผมไม่เหมือนหัวหน้าของพวกเรานะ อีกอย่าง คุณหนูเยี่ยสามารถมาถึงรัฐอิสระได้ แถมยังกลายเป็นผู้นำของพันธมิตรอู๋เว่ยแห่งรัฐอิสระอีก อย่างน้อยๆ ความทรงจำก็คงฟื้นฟูกลับมาส่วนหนึ่งแล้ว ส่วนเรื่องชาติกำเนิดของตัวเอง ไม่ว่าจะมากน้อยแค่ไหน ก็น่ารู้อยู่บ้างละมั้งครับ” เฟิงเสวียนอี้นั่งลงบนโซฟาอย่างสบายๆ เป็นอย่างยิ่ง พลางหยิบแอปเปิลขึ้นมาจากโต๊ะน้ำชา
“ว่าต่อสิ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
“ปีนั้น คุณหนูอู๋โยวก่อตั้งพันธมิตรอู๋เว่ยขึ้น ชื่อกลุ่มพันธมิตรอู๋เว่ย ก็เป็นผมที่ตั้งให้” เฟิงเสวียนอี้กัดแอปเปิลคำหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างไม่อนาทรร้อนใจ
พอสิ้นเสียงของเฟิงเสวียนอี้ เยี่ยหวันหวั่นก็พลันมีสีหน้าแปลกใจ ชื่อกลุ่มพันธมิตรอู๋เว่ย เป็นเฟิงเสวียนอี้ตั้งให้งั้นเหรอ
“คุณหนูอู๋โยวกับผมมีไมตรีที่ดีต่อกัน ปีนั้นตอนที่คุณหนูอู๋โยวก่อตั้งพันธมิตรอู๋เว่ย ได้มาปรึกษาผม จากนั้นก็เกิดเป็นพันธมิตรอู๋เว่ยขึ้นมา แน่นอน เรื่องนี้เป็นความลับระหว่างผมกับคุณหนูอู๋โยว เรื่องที่คุณหนูอู๋โยวก่อตั้งพันธมิตรอู๋เว่ย ผมก็รักษาสัญญาไว้ ไม่เคยบอกใครมาก่อน” เฟิงเสวียนอี้เล่าต่อไป
เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้เปิดปากเอ่ยวาจา ยังคงฟังเฟิงเสวียนอี้เล่าต่อไป
“ตอนนั้น ผมปะปนเข้าไปในตระกูลซือ เพราะตอนแรกรู้สึกว่าคุณหนูเยี่ยดูคุ้นตาอยู่บ้างจริงๆ ถึงอย่างไรคุณหนูอู๋โยวก็หายตัวไปหลายปี ผู้หญิงพอโตเป็นสาวมีความเปลี่ยนแปลงก็พอเข้าใจได้ ผมเลยแทรกซึมเข้าไปในตระกูลซือ นี่คือเหตุผลข้อแรก ข้อที่สองคือ ตระกูลซือเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในประเทศจีน มีอำนาจไม่น้อยเลย พวกเราไม่คุ้นเคยกับวิถีชีวิตในจีน อย่างที่เห็นว่าพวกหัวหน้าเขาก็พึ่งพาไม่ได้ ถ้าอยากสืบหาเบาะแสของคุณหนูอู๋โยวด้วยกำลังของตัวเอง ไม่รู้จะต้องรอไปจนถึงเดือนวอกปีม้าไหม” เฟิงเสวียนอี้เอ่ยต่อไป
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยอย่างใช้ความคิด “ดังนั้นเลยจะบอกว่า นายจำได้ว่าฉันคือเนี่ยอู่โยวสินะ”
พอได้ยินดังนั้น เฟิงเสวียนอี้ก็จุดบุหรี่ขึ้นมาอีกมวน แล้วสูบเข้าไปลึกๆ เฮือกหนึ่ง
เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองเฟิงเสวียนอี้แวบหนึ่ง พลางชี้มือไปที่ยังด้านข้าง
“เขตปลอดบุหรี่”
เฟิงเสวียนอี้มีสีหน้าละอายเล็กน้อย จึงดับบุหรี่ในมือ แล้วเล่าต่อไปว่า “เดิมทีผมคิดเอาไว้ว่า แม้ว่าคุณจะไม่ใช่คุณหนูเนี่ยอู๋โยว แต่ขอเพียงผมมีอิทธิพลในตระกูลซือมากพอ ก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากอำนาจของตระกูลซือ ไปสืบหาเบาะแสของคุณหนูเนี่ยอู๋โยวได้”
“มิน่าละนายถึงได้ไปเข้าประลองชิงตำแหน่งหัวหน้าบอดี้การ์ดตระกูลซือ…” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยเสียงเบา
“ใช่แล้ว” เฟิงเสวียนอี้พยักหน้าน้อยๆ “อันที่จริง ตำแหน่งหัวหน้าบอดี้การ์ดตระกูลซือเป็นแค่จุดเริ่มต้น เป้าหมายของผมคือกลายเป็นระดับสูงของตระกูลซือภายในระยะเวลาสั้นๆ ให้สามารถติดต่อกองกำลังของตระกูลซือเพื่อไปสืบหาเบาะแสของคุณหนูเนี่ยอู๋โยวได้ เพียงแต่ ก็บังเอิญมากเลย จู่ๆ ซือเยี่ยหานก็หายตัวไป ผมได้รับคำสั่งให้ทำการสืบหา ตอนที่ไปตรวจค้นห้องหนังสือ จึงได้บังเอิญเห็นของบางอย่างที่ไม่ควรเห็นเข้า”
“ของที่ไม่ควรเห็น…อย่างเช่นอะไรล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นถาม
“อย่างเช่น…บันทึกความทรงจำอะไรทำนองนั้น” เฟิงเสวียนอี้หยักมุมปากขึ้นนิดๆ
เยี่ยหวันหวั่นเงียบไปแล้ว
ในเวลานี้ ในที่สุดเยี่ยหวันหวั่นก็เข้าใจแล้ว ว่าทำไมเมื่อก่อนตอนอยู่ที่ห้องหนังสือตระกูลซือ จะรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างอยู่เสมอ ราวกับรหัสลับได้ถูกคนปลดล็อคแล้ว ที่แท้ เฟิงเสวียนอี้ก็ค้นพบความจริงนำหน้าตัวเองไปก้าวหนึ่งแล้ว
“ดูเหมือนว่านายจะรู้ทุกอย่างแล้วสินะ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยอย่างจนปัญญาอยู่บ้าง
ต้องพูดเลยว่า เฟิงเสวียนอี้ที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ แตกต่างไปจากหลายคนในทีมของเนี่ยอู๋หมิงอยู่บ้าง เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เฟิงเสวียนอี้คนนี้ก็คืออัจฉริยะคนหนึ่งนี่เอง
เยี่ยหวันหวั่นคาดคะเนดู เกรงว่าเมื่ออยู่ในทีมของเนี่ยอู๋หมิงแล้ว อย่างน้อยเฟิงเสวียนอี้คนนี้จะต้องรับบทกุนซือผู้วางแผนแน่นอน
………………………………..