บทที่ 2019 ดำเนินแผนการ
“แน่นอนว่ารู้ทุกอย่างหมดแล้ว” เฟิงเสวียนอี้พยักหน้า
“เรื่องพวกนี้ นายเคยบอกหัวหน้าของพวกนายไหม” เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าสงสัยอยู่บ้าง
“ไม่เลย” เฟิงเสวียนอี้เอ่ยต่อไปว่า “คุณก็น่าจะรู้นิสัยของหัวหน้าของพวกเรานี่ครับ ถ้าปล่อยให้หัวหน้ารู้เรื่องพวกนี้ น่ากลัวว่าผลที่ตามมาคงเหนือจินตนาการ ด้วยนิสัยของหัวหน้า สุดท้ายจะต้องแหวกหญ้าให้งูตื่น คงไม่เป็นผลดีแน่”
พอได้ฟังดังนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งให้เฟิงเสวียนอี้ ฉลาดล้ำเกินไปแล้ว!
นี่ก็เป็นเหตุผลที่ตอนแรกตัวเองไม่อยากบอกเนี่ยอู๋หมิงเช่นกัน
“อันที่จริง ผมเพิ่งกลับจากจีนได้ไม่นาน กลับมารอบนี้ ได้ยินข่าวว่าตัวปลอมคนนั้นจะได้เป็นผู้สืบทอดตระกูลเนี่ย ไม่มีหนทางแล้วจริงๆ ไม่งั้นแล้ว วันนี้ผมคงไม่มีทางบากหน้ามาที่พันธมิตรอู๋เว่ยแน่ เชื่อว่าคุณก็คงไม่อยากเห็นตัวตนของตัวเองถูกคนอื่นสวมรอยไปตลอดกาลใช่ไหมครับ คุณหนูอู๋โยว” เฟิงเสวียนอี้พูดออกมา
เยี่ยหวันหวั่นตอบไปตามตรงว่า “ความจริงแล้ว ถึงแม้ความทรงจำของฉันจะฟื้นฟูกลับมาบางส่วน แต่ก็แค่ส่วนเดียว ไม่ใช่ทั้งหมด แต่โชคยังดีที่ความทรงจำเกี่ยวกับตัวตนของฉันฟื้นคืนมาแล้ว…ส่วนเรื่องตัวปลอม ตอนนี้ฉันยังคิดหาวิธีดีๆ เพื่อเปิดโปงไม่ได้เลย”
เยี่ยหวันหวั่นก็มีความกังวลของตัวเองเช่นกัน เนี่ยหลิงหลงไม่ใช่ตะเกียงไร้น้ำมัน ไม่อย่างนั้นแล้ว ตัวปลอมคนนั้นคงไม่สามารถปกปิดได้แนบเนียนขนาดนี้ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เผยไต๋ออกมา
“เรื่องนี้พับไว้ชั่วคราวก่อนแล้วกัน อันที่จริง ผมมีเรื่องหนึ่งที่นึกสงสัยมาโดยตลอด” เฟิงเสวียนอี้เอ่ย “ตอนนั้นพอผมค้นพบตัวตนคุณหนูอู๋โยวของคุณในห้องหนังสือตระกูล ก็ยังไม่กล้าบอกหัวหน้า แต่เอาไปบอกกับคนอื่นๆ ก่อน และหลังจากนั้น จู่ๆ คุณหนูอู๋โยวคุณก็ต้องเผชิญกับการถูกตามฆ่า และคนที่ตามฆ่าคุณหนูอู๋โยว ผมได้ตามสืบจนกระจ่างแล้ว มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวปลอมคนนั้น…”
พอได้ฟังถ้อยคำของเฟิงเสวียนอี้ เยี่ยหวันหวั่นก็ผงะไปเล็กน้อย หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ก็ขมวดคิ้วแน่นแล้วเอ่ยออกมา “ดังนั้น ความหมายของนายคือ…ในทีมของพี่ฉัน…มีหนอนบ่อนไส้งั้นเหรอ”
ข้อมูลที่เฟิงเสวียนอี้บอกเล่า สำหรับเยี่ยหวันหวั่นแล้ว ไม่ต่างอะไรกับระเบิดนิวเคลียร์เลย
ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มกรรมกรต่างชาติ นักพรตใจบริสุทธิ์ก็ดี หรือว่าอี้จือฮวากับเจ้าคนตาย สำหรับพวกเขาแล้ว เยี่ยหวันหวั่นต่างก็ถือว่าเป็นสหายใกล้ชิดกันมาโดยตลอด ไม่น่าเชื่อ และไม่อยากเชื่อเลยว่าในบรรดาพวกเขาจะมีใครบางคนที่เป็นหนอนบ่อนไส้
“ฮ่าๆ” เฟิงเสวียนอี้ส่ายหน้า “คุณหนูอู๋โยวครับ คนพวกนั้นน่ะ เป็นพี่น้องที่เสี่ยงชีวิตมาด้วยกันกับผมทั้งนั้น เผชิญความเป็นความตายกันมานับครั้งไม่ถ้วน คุณหนูอู๋โยวไม่อยากจะเชื่อว่าในหมู่พวกเขาจะมีหนอนบ่อนไส้ ส่วนผมน่ะไม่อยากจะเชื่อยิ่งกว่าอีก แต่…ความจริงเป็นแบบนี้ไปแล้ว แน่นอนว่า ไม่อาจตัดข้อสันนิษฐานที่ว่านี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญทิ้งไปได้เหมือนกัน”
“หวังว่าจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญนะ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยขึ้นมา
“อันที่จริง…คุณหนูอู๋โยว ผมมีวิธีการอย่างหนึ่ง”
เฟิงเสวียนอี้เดินเข้าไปใกล้ตัวเยี่ยหวันหวั่น แล้วกระซิบข้างหู
….
หลังจากเฟิงเสวียนอี้กลับไปแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็ต่อสายหาเนี่ยอู๋หมิงทันที ให้เนี่ยอู๋หมิงพาพวกหนุ่มกรรมกรต่างชาติกับเจ้าคนตายมาประชุมที่พันธมิตรอู๋เว่ยให้ได้
เดิมทีเนี่ยอู๋หมิงปฏิเสธ แต่ภายใต้การหลอกล่อและข่มขู่สารพัดวิธีของเยี่ยหวันหวั่น เนี่ยอู๋หมิงจึงยินยอมอย่างไม่เต็มใจนัก
หลังจากวางสายแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็อดไม่ได้ที่จะโมโหขึ้นมา พี่ชายคนนี้ของตัวเองช่างไม่ได้เรื่องเกินไปแล้ว!
ตำแหน่งเจ้าบ้านถูกตัวปลอมชิงไป ตัวเองอยากเรียกเขามาหารือวางแผนกัน ยังจะมาพูดอะไรทำนองว่าพ่อแม่ตัดสินใจไปแล้ว ตัวเองไม่อยากไปแย่งชิง ถึงยังไงก็แย่งไม่ได้
ไม่ใช่แค่แย่งไม่ได้หรอก คนโง่แบบนี้ ถ้ายังคิดจะไปยื้อแย่งตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูล ตัวปลอมคนนั้นผนวกกับเนี่ยหลิงหลง เกรงว่าใช้แค่นิ้วเดียวก็คงเล่นงานเขาให้ตายได้แล้ว
——————————————————————————————-
บทที่ 2020 หลอกกันเกินไปแล้ว
ณ บ้านตระกูลเนี่ย
หลังจากเนี่ยอู๋หมิงวางสายไป ก็มองพวกนักพรตใจบริสุทธิ์กับเจ้าคนตายที่อยู่ข้างๆ
“หัวหน้า เป็นยังไงบ้าง คุณหนูโหย่วหมิงจะช่วยพวกเราทวงคืนอำนาจใช่ไหม”
หนุ่มกรรมกรต่างชาติรีบเอ่ยถาม
เนี่ยอู๋หมิงเกาท้ายทอยแล้วพูดว่า “จะพูดแบบนี้ก็ไม่ผิด แต่รู้สึกว่ามีบางอย่างที่แปลกๆ อยู่นะ ขนาดฉันยังสู้ไม่ไหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเธอเลย”
หนุ่มภูเขาน้ำแข็ง “…”
“ไปๆๆ ไปกินข้าวที่พันธมิตรอู๋เว่ยกัน ไปรับเงินด้วย”
เนี่ยอู๋หมิงโบกมือ แล้วพาคนที่เหลือออกจากบ้านตระกูลเนี่ย
….
ผ่านไปไม่นาน เนี่ยอู๋หมิงก็พาทุกคนมาถึงพันธมิตรอู๋เว่ย
ภายในห้องประชุมใหญ่อันกว้างขวางของพันธมิตรอู๋เว่ย มีสุราอาหารวางเต็มโต๊ะ
“เถ้าแก่โหย่วหมิง ขอบคุณมากที่เชิญพวกเรามากินขี้” หนุ่มกรรมกรต่างชาติมองเยี่ยหวันหวั่น กล่าวพลางยิ้มน้อยๆ โชว์ฟันขาว
เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ชินอยู่ดี…
พอหนุ่มกรรมกรต่างชาติพูดจบ เป่ยโต่วที่อยู่ด้านข้างก็มีสีหน้าแปลกใจ มองชีซิงที่อยู่ข้างๆ ตามสัญชาตญาณ “เหล่าชี ฉันฟังผิดไปใช่ไหม”
ชีซิงตอบสั้นๆ “ไม่ได้ฟังผิด”
เป่ยโต่วจ้องมองหนุ่มกรรมกรต่างชาติด้วยสีหน้างุนงง “น้องชาย นี่นาย…นายไม่รู้เหรอว่าขี้หมายความว่ายังไง”
“หา” พอหนุ่มกรรมกรต่างชาติได้ยินก็ผงะไปแวบหนึ่ง ยังมีความหมายอื่นด้วยเหรอ
รู้สึกแล้วว่าเรื่องราวปิดปกติ นักพรตใจบริสุทธิ์จึงรีบขยิบตาให้เป่ยโต่ว แต่อนิจจา เป่ยโต่วไม่ได้มองเลย
“ขี้…นั่นเป็นของที่ไม่สะดวกจะเอ่ยถึงนะน้องชาย นายถูกคนอื่นหลอกเข้าแล้วใช่ไหม”
เป่ยโต่วเดินเข้าไปข้างตัวหนุ่มกรรมกรต่างชาติ แล้วกระซิบข้างหูสองสามประโยค
พอเป่ยโต่วพูดจบ รอยยิ้มบนใบหน้าของหนุ่มกรรมกรต่างชาติก็แข็งทื่อไปในชั่วพริบตา จากนั้น ก็ถลึงตาใส่พวกอี้จือฮวากับนักพรตใจบริสุทธิ์อย่างดุดันอยู่หลายครั้ง
“นายดูพวกเขาสิ ไร้มนุษยธรรมเกินไปแล้ว” เยี่ยหวันหวั่นก็อดไม่ได้ที่จะชี้ไปทางพวกเขาแล้วเอ่ยออกมา
“แค่กๆ คุยเรื่องงานเถอะ คุยเรื่องานกันก่อน...” เนี่ยอู๋หมิงมองไปทางหนุ่มกรรมกรต่างชาติอย่างร้อนตัวอยู่บ้าง ไอ้หมอนี่จะซ้อมเขาไหมนะ
ภายใต้สายตาเคียดแค้นขุ่นเคืองของหนุ่มกรรมกรต่างชาติ ในที่สุดการประชุมก็เริ่มขึ้น
เวลานี้ เยี่ยหวันหวั่นจ้องไปที่เนี่ยอู๋หมิง ยิ้มน้อยๆ แล้วกล่าวว่า “พี่ดูเอาเถอะพี่ไร้มนุษยธรรมขนาดนี้ แล้วทำไมแม้แต่อำนาจสืบทอดตระกูลเนี่ยก็ยังแย่งมาไม่ได้อีกล่ะ”
เมื่อได้ฟังคำพูดของเยี่ยหวันหวั่น เนี่ยอู๋หมิงก็เอ่ยด้วยแววตาร้อนรนว่า “ใครไร้มนุษยธรรมกัน นั่นน่ะ…เป็นความคิดแผลงๆ ของเจ้านักพรตสมควรตายต่างหาก ไม่เกี่ยวกับฉันเลย”
“ฮะ ผมเหรอ” นักพรตใจบริสุทธิ์ชี้ใบหน้าตัวเองด้วยสีหน้ามึนงง
จากนั้น หนุ่มกรรมกรต่างชาติก็หันไปมองนักพรตใจบริสุทธิ์ด้วยสายตาดุร้ายทันที
“ไม่ๆๆ ไม่ใช่ฉันนะ…เป็น เป็น…เป็นอี้จือฮวา เป็นฝีมือเขา!”
“เหลวไหล!” อี้จือฮวารีบส่ายหน้าปฏิเสธ “เป็นเจ้าคนตายต่างหาก เป็นเขานั่นแหละ!”
หนุ่มภูเขาน้ำแข็ง “…”
เยี่ยหวันหวั่นไร้ซึ่งคำพูดอยู่บ้าง หลงประเด็นกันไปหน่อยแล้วมั้ง พี่ชายคนนี้ของตัวเอง…แย่งสิทธิ์ในการสืบทอดตระกูลเนี่ยมาไม่ได้ ก็สมควรแล้วจริงๆ สมองแบบนี้ หากแย่งมาได้ แบบนั้นคงบอกได้แค่ว่า สองผู้อาวุโสสกุลเนี่ยลำเอียงเข้าข้างเนี่ยอู๋หมิงแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าเรื่องไม่ได้เป็นแบบนี้
ดังนั้น เยี่ยหวันหวั่นจึงโบกมือ ให้เป่ยโต่วกับชีซิงออกไปดูต้นทางที่หน้าประตู
“ช่างประเด็นนี้ไปก่อนเถอะ ฉันขอถามคุณก่อนเลยนะ สิทธิ์ในการสืบทอดตระกูลเนี่ย คุณยังจะเอาอยู่ไหม” เยี่ยหวันหวั่นมองไปที่เนี่ยอู๋หมิง มุมปากเชิดขึ้นนิดๆ หยักเป็นรอยยิ้ม
“แล้วจะเอามายังไงล่ะ” เนี่ยอู๋หมิงผงะไปแวบหนึ่ง มองไปที่เยี่ยหวันหวั่นในทันที จากนั้นก็ยื่นมือไปคีบเกี๊ยวตัวหนึ่งใส่ปาก
“ใช่แล้ว เถ้าแก่โหย่วหมิง พวกเราทั้งหมดรวมหัวกันคิดหาแผนการแล้วก็ยังหาวิธีไม่ได้เลย” นักพรตใจบริสุทธิ์จ้องมองเยี่ยหวันหวั่น พลางรีบเปิดปากเอ่ย
“นายหญิงกับหัวหน้าตระกูล มีใจลำเอียงอย่างเห็นได้ชัด เรื่องนี้ทุกคนรู้กันดี ไม่ว่าจะยังไง สิทธิ์ในการสืบทอดตระกูลเนี่ยก็ไม่มีทางตกมาถึงมือหัวหน้าหรอก” อี้จือฮวาถอนหายใจด้วยความจนปัญญาอยู่บ้าง
………………………………..