เล่มที่ 33 เล่มที่ 33 ตอนที่ 965 เสด็จแม่… เด็กคนนี้มาจากที่ใด?

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

คืออวิ๋นจิ่น

ยังมีอู๋จุนและตงหลิงหวงอยู่ด้านหลังของเขาอีกด้วย

ซูจิ่นซีรีบเดินไปหาอวิ๋นจิ่น “พวกเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? ”

ก้อนหินริมแม่น้ำมีจำนวนมาก ขณะที่ซูจิ่นซีเดินจึงเดินไม่ค่อยมั่นคง อาจล้มได้ตลอดเวลา อวิ๋นจิ่นรีบเดินมาทางซูจิ่นซีสองก้าว

“พระชายา โปรดถนอมพระวรกาย”

“แม่นางพิษน้อย พี่จุนอยู่ที่นี่ด้วย! ” อู๋จุนเดินเข้าไปหาด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม

“โยวอ๋อง พระชายาโยวอ๋อง! ” ตงหลิงหวงคำนับซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยา

“พวกเจ้าอยู่มาที่นี่ได้อย่างไร? พบอันตรายหรือไม่? ”

“ตอนที่ลงมาจากแท่นจิ่วโยว พวกเราก็มาอยู่ที่นี่แล้ว! ” อู๋จุนกล่าว

อวิ๋นจิ่นพูดว่า “ท่านอ๋องและพระชายา พบเรื่องอันใดมาหรือไม่? ”

ซูจิ่นซีเล่าเรื่องที่พบตั้งแต่ต้นให้ทั้งสามคนฟัง “ตอนที่พวกเราลงมาจากแท่นจิ่วโยว พวกเราเข้าสู่ความทรงจำของเป่ยถังฉินเกอ เห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น เป่ยถังฉินเกอถูกผลักลงมาในแท่นจิ่วโยว สุดท้ายก็กระโดดจากแท่นจิ่วโยวและมาถึงที่นี่”

อู๋จุนตกใจเมื่อได้ยิน “อันใดกัน? พวกเรามาจากแท่นจิ่วโยวพร้อมกัน ทว่าพวกเจ้ากลับผ่านเรื่องราวมากมายเช่นนี้เชียวหรือ? ”

อู๋จุนแสดงออกไม่ชัดเจนนัก อวิ๋นจิ่นพูดเสริมว่า “พระชายา พวกเราสามคนเพิ่งเหาะลงมา เมื่อเห็นท่านทั้งสองคน พวกเราก็ลงมาจากแท่นจิ่วโยวพร้อมกัน”

สรุปก็คือ ทุกคนลงมาจากแท่นจิ่วโยวพร้อมกัน ระยะเวลาแทบจะไม่แตกต่างกันเลย ทว่าซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาได้เข้าไปในความทรงจำของเป่ยถังฉินเกอ ทั้งยังประสบเรื่องราวหลายอย่าง เป็นช่วงเวลาเพียงพริบตาเดียวเท่านั้นหรือ

นี่มันแปลกประหลาดเกินไปแล้ว!

สีหน้าของซูจิ่นซีดูเคร่งเครียดเล็กน้อย

อวิ๋นจิ่นพูดว่า “ด้านล่างแท่นจิ่วโยวนี้แปลกประหลาดมาก ทุกคนระวังตัวด้วย”

“อืม! ” ซูจิ่นซีและคนอื่นๆ พยักหน้าพร้อมกัน

ตงหลิงหวงพูดขึ้นว่า “พวกเราลองสังเกตดูรอบๆ สถานที่แห่งนี้ ดูเหมือนไม่ใช่สถานที่คุมขังคนได้เลย และไม่รู้ว่าเป่ยถังฉินเกออยู่ที่ใด? ”

“ใช่! ” ซูจิ่นซีกล่าวว่า “ข้า เยี่ยโยวเหยา และรัชทายาทตงเฉินสามคนอยู่กลุ่มเดียวกัน อวิ๋นจิ่นและอู๋จุน พวกท่านแยกไปอีกกลุ่มหนึ่ง! ”

ตงหลิงหวงพูดว่า “โยวอ๋องดูแลพระชายาโยวอ๋อง ส่วนข้า หมอหลวงอวิ๋น และเจ้าหุบเขาอู๋สามารถแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม ใช้วิธีนี้จะสามารถหาได้เร็วยิ่งขึ้น”

ซูจิ่นซีพลันขมวดคิ้ว

ทำเหมือนนางเป็นผู้ป่วยอีกแล้ว

นางเพียงตั้งครรภ์ ไม่ได้ถูกทำลายวรยุทธ์กระมัง?

ดูเหมือนอวิ๋นจิ่นจะมองสิ่งที่ซูจิ่นซีคิดอยู่ในใจออก จึงพูดว่า “กระหม่อมและคนอื่นๆ ต่างเป็นห่วงพระวรกายของพระชายา แม้วรยุทธ์ของพระชายาจะแข็งแกร่ง อย่างไรเสีย ตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาพิเศษ”

เอาเถิด!

ซูจิ่นซีรู้ดีว่าในสถานการณ์นี้ แม้ตนเองจะต่อต้านอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ จึงไม่ดื้อดึง

จากนั้น ทุกคนก็เตรียมพร้อมแยกกันออกไปตามหา ทว่าเพียงหันหลังกลับ ยังไม่ทันเดินไปไกลนัก ทันใดนั้น เสียงหวีดแหลมก็ดังอยู่ข้างใบหู ผสมกับเสียงลมและฝน

หูของซูจิ่นซีไวต่อเสียงอย่างมาก นางจำได้ทันทีว่าเสียงนั้นมาจากแม่น้ำที่อยู่ด้านข้าง จึงรีบหันไปทางแม่น้ำอย่างรวดเร็ว

เพียงชำเลืองมองครั้งเดียว ยังไม่ทันเห็นชัดเจน จู่ๆ แขนของนางก็ถูกรั้งเอาไว้ จากนั้น เยี่ยโยวเหยาก็อุ้มนางและเหาะขึ้นไปในจุดที่ไกลออกไป

ในเวลาเดียวกัน เสียงของอวิ๋นจิ่นและอู๋จุนก็ดังเข้ามาในหูของนาง

“พระชายา ระวังตัวด้วย! ”

“แม่นางพิษน้อย ระวังตัวด้วย! ”

ขณะที่อยู่ในอ้อมแขนของเยี่ยโยวเหยา ซูจิ่นซีก็หันกลับมาและมองไปทางด้านหลังอีกครั้ง

นางเห็นเพียงแม่น้ำที่เกรี้ยวกราดราวกับคลื่นในมหาสมุทร มันม้วนตัวขึ้นบนท้องฟ้า จากนั้นก็โจมตีพวกเขาด้วยพลังที่เดือดพล่าน คลื่นสูงมากจนแทบจะเชื่อมกับท้องฟ้า

ท่ามกลางคลื่นน้ำ ไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด ทว่าส่องสว่างเป็นพิเศษ ราวกับดวงจันทร์ขนาดใหญ่สองดวงที่เปล่งประกายตลอดเวลา

ไม่ว่าซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยา และคนอื่นๆ จะหนีไปไกลเพียงใด ดูเหมือนคลื่นน้ำนั้นจะถูกควบคุมโดยบางสิ่งและโจมตีมาที่พวกเขาอย่างต่อเนื่อง

ท่ามกลางเกลียวคลื่นโหมกระหน่ำดั่งสายฝน ในไม่ช้า เสื้อผ้าของซูจิ่นซีและคนอื่นๆ ก็เปียกโชก

ทันใดนั้น อู๋จุน อวิ๋นจิ่น และตงหลิงหวงก็มายืนอยู่ด้านหลังของซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยา

อู๋จุนพูดเสียงดัง “เยี่ยโยวเหยา เจ้ารีบพาแม่นางพิษน้อยไป พวกเราทั้งสามคนจะรับมือให้เจ้าเอง”

ทันทีที่พูดจบ คลื่นน้ำก็พัดมาอยู่เบื้องหน้าพวกเขาแล้ว อวิ๋นจิ่น ตงหลิงหวง และอู๋จุน ทั้งสามคนต่างหยิบอาวุธของตนเองและเหาะขึ้นไปขัดขวางคลื่นที่โหมกระหน่ำ

เยี่ยโยวเหยาไม่ได้ถูกกดดันด้วยระยะที่กระชั้นชิด เขารีบพาซูจิ่นซีเหาะลงบนพื้น ก่อนจะหันกลับไปข้างหลัง มองอู๋จุน อวิ๋นจิ่น และตงหลิงหวงที่ต่างก็ใช้อาวุธของแต่ละคนซึ่งเปล่งประกายดั่งแสงจันทร์ต่อต้านคลื่นน้ำนั้น

ทว่าไม่มีประโยชน์อันใด ไม่นานพวกเขาก็ถูกคลื่นน้ำล้อมไว้

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วอย่างหนัก นางพยายามช่วยอวิ๋นจิ่นและคนอื่น ทว่ากลับถูกเยี่ยโยวเหยาห้ามไว้

“ข้าไปเอง! ”

เยี่ยโยวเหยาพูดจบก็เรียกกระบี่เสวียนหยวนออกมา ก่อนจะกระโดดขึ้นโจมตีคลื่นน้ำนั้น

ทว่าเพียงชั่วพริบตา เยี่ยโยวเหยาก็ถูกคลื่นน้ำกลืนกินไปเช่นกัน

ซูจิ่นซีตกใจไปชั่วขณะ นางชักกระบี่ยาวออกมาและโจมตีไปทางคลื่นน้ำ

ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็จมอยู่ใต้คลื่นน้ำ

คลื่นน้ำระลอกใหญ่ถาโถมใส่ร่างของซูจิ่นซีอย่างต่อเนื่อง ร่างของนางไม่อาจรักษาสมดุลได้ ทว่านางยังคงปกป้องท้องของตนเอง แม้ความเจ็บปวดที่รุนแรงจะกระทบแผ่นหลังและหัวไหล่ ทว่านางกลับไม่ขมวดคิ้วแม้แต่น้อย

ในขณะที่ซูจิ่นซีรู้สึกว่าตนเองไม่อาจยืนหยัดได้อีกต่อไปและกำลังจะจมน้ำ แขนของนางก็ถูกคนผู้หนึ่งคว้าไว้ หลังจากนั้น นางก็ถูกโอบกอด ซูจิ่นซีรู้สึกถึงลมหายใจที่คุ้นเคย และรีบหันศีรษะไป “เยี่ยโยวเหยา”

เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้ว สีหน้าแสดงออกถึงความดื้อรั้นของซูจิ่นซี จากนั้นก็จุมพิตริมฝีปากของซูจิ่นซีแผ่วเบา เพื่อถ่ายลมหายใจจากปากของเขาเข้าไปในปากของซูจิ่นซี

ทั้งสองม้วนตัวในคลื่นน้ำอย่างรวดเร็ว การโจมตีของคลื่นน้ำทำให้ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาไม่สามารถลืมตาได้

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ซูจิ่นซีลืมตาขึ้น เมื่อนางรู้สึกว่าแรงกดดันจากคลื่นรอบตัวลดลงไปเล็กน้อย

หิมะตกหนักรอบบริเวณและกลิ่นหอมสวนเหมย ที่จริงแล้วเป็นสวนตี้เหมยในเมืองเหยาแคว้นหนานหลี ซึ่งเยี่ยโยวเหยามอบให้เป็นชื่อของนาง

ช่วงเวลาที่ไปเยือนสวนตี้เหมยนั้น เป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน ตอนกลางคืนยามที่ซูจิ่นซีหลับนั้น นางจะฝันถึงสวนตี้เหมยตลอดเวลา

ทว่านางไม่ได้ไปที่นั่นเป็นเวลานานมากแล้ว นางจึงจดจำช่วงวันเวลาเหล่านั้นไม่ค่อยได้

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเขาอยู่ในแคว้นเป่ยอี้ เหตุใดจึงมองเห็นสวนตี้เหมยเล่า!

ภาพมิติมายาแรกที่ปรากฏในใจของซูจิ่นซี นางกำลังพยายามพูดบางอย่างกับเยี่ยโยวเหยา ทว่าเมื่อหันหลังกลับไป ก็ไม่มีผู้ใดอยู่ข้างนาง และไม่มีแม้แต่เงาของเยี่ยโยวเหยา?

จากนั้น เสียงของเด็กน้อยก็ดังมาจากทางเดิน

“เสด็จแม่… ”

จิตใจที่กำลังตกประหม่าของซูจิ่นซีพลันอ่อนระทวย นางรีบมองไปยังทิศทางของเสียงนั้น และเห็นเด็กอายุหนึ่งหรือสองขวบเศษวิ่งเข้ามาหานางด้วยจังหวะเดินที่ไม่มั่นคงนัก

น่าแปลก ซูจิ่นซีมีความรู้สึกสนิทสนมอย่างยิ่งกับเด็กชายตัวเล็กผู้นั้น นางวิ่งไปหาอย่างรวดเร็ว เด็กชายตัวเล็กกระโจนเข้าสู่อ้อมแขนของซูจิ่นซี

เขาตะโกนด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นอีกครั้งว่า “เสด็จแม่”

เสด็จแม่?