“ผู้เฒ่าฟู่ แบบนี้มันจะไม่เป็นผิดกฎเหรอที่จู่ ๆ พวกเราก็เลื่อนเวลาแบบนี้? แถมนี่ยังไม่รวมไปถึงคำถามที่ว่าหนึ่งในผู้เข้ารับการคัดเลือกนั้นเป็นลูกชายของผู้แทนพระองค์…มันอาจจะดูไม่สุภาพ แต่ข้าอยากจะรู้ว่าเขาจะแทรกแซงรึเปล่า?” หนึ่งในผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ถามขึ้น
ฟู่เซียนเหลือบไปมองหลิงตู้ฉิงอยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อเขาเห็นว่าหลิงตู้ฉิงไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา เขาจึงหันกลับไปมองหน้าคนที่ยืนล้อมรอบเขาแล้วพูดขี้ด้วยสีหน้าหนักแน่นว่า “ผู้แทนพระองค์จะไม่แทรกแซงแน่นอน!”
“แล้วถ้าเขาแทรกแซงขึ้นมาล่ะพวกเราจะทำยังไง?” ใครบางคนเอ่ยถามย้ำ “ว่าแต่ท่านยืนยันได้แน่แล้วใช่ไหมว่าเขาเป็นผู้แทนพระองค์จริง ๆ?”
ฟู่เซียนตอบกลับด้วยสีหน้าจนใจ “ในเมื่อพวกเจ้าไม่เชื่อ งั้นข้าขอใช้ชีวิตของข้ายืนยันว่าเขาคือผู้แทนพระองค์ตัวจริง และเขาจะไม่แทรกแซงการคัดเลือกแน่นอน!”
หลังจากลั่นวาจาออกไป ฟู่เซียนภาวนาในใจทันทีขอให้หลิงตู้ฉิงไม่แทรกแซงตามที่ปากเขาบอกด้วยเถอะ!
หลิงตู้ฉิง เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็มองไปที่ฟู่เซียนด้วยสายตาขบขัน ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากจำเป็นจริง ๆ เขาก็ไม่สนใจว่าฟู่เซียนจะกล่าวสาบานไปมากขนาดไหน เป้าหมายของเขามีอย่างเดียวก็คือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลิงยี่เทียนจะต้องได้เป็นราชันแห่งมวลมนุษย์เท่านั้น!
ในทางกลับกัน เมื่อทุกคนได้ยินฟู่เซียนลั่นวาจาออกมาแบบนี้พวกเขาจึงรู้สึกวางใจกันได้ในที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงแยกย้ายกันไปรีบส่งข่าวให้กับเหล่าคนที่พวกเขาสนับสนุนทันที
“ท่านอาจารย์ ทำไมท่านถึงได้ลั่นวาจาสิ้นคิดแบบนั้นออกไป?” หยิงเซียนหมิงถามฟู่เซียนด้วยสีหน้างุนงง “อันที่จริงผู้ที่สนับสนุนหลิงยี่เทียนนั้นเป็นสหายของข้าเอง ท่านจะให้ข้าแจ้งเขาให้พาหลิงยี่เทียนมาที่นี่ทันทีเลยไหมท่านอาจารย์?”
ฟู่เซียนพ่นลมหายใจและตอบกลับว่า “ข้ายังไม่กังวลแล้วเจ้าจะมากังวลแทนข้าทำบ้าอะไร? เอาล่ะเจ้าจงไปแจ้งข่าวให้หลิงยี่เทียนรู้ได้แล้วว่าเขาจะต้องมาที่นี่ทันที และอย่าลืมบอกให้เขาพาทุกสิ่งทุกอย่างที่แสดงว่าเขามีคุณสมบัติเพียงพอมาด้วย เจ้าที่รู้กฎดีอยู่แล้วจงอธิบายทุกอย่างให้เขาฟังอีกทีก็แล้วกัน อ๋อ แล้วอย่าลืมบอกเขาด้วยว่าพ่อของเขาก็อยู่ที่นี่เช่นกัน”
หยิงเซียนหมิงยิ้มอย่างขมขื่น “รับทราบท่านอาจารย์!”
จากนั้นเมื่อหยิงเซียนหมิงใช้ประตูเคลื่อนย้ายเดินทางไปถึงยอดเขาหยกจักรพรรดิ เฉินสั่วหนานก็ชี้หน้าตวาดใส่เขาทันที “ไอ้แก่หยิง เจ้าทำแบบนี้มันเกินไปหน่อยแล้ว! หลิงยี่เทียนเพิ่งมีอายุได้ไม่กี่ร้อยปีเท่านั้นเอง แต่เจ้ากลับเร่งการคัดเลือกราชันแห่งมวลมนุษย์ให้เริ่มตอนนี้งั้นเหรอเจ้าบ้ารึเปล่า? ไหนบอกข้าสิว่าเจ้าได้รับอะไรเป็นรางวัลตอบแทนจากผู้คัดเลือกคนอื่น ๆ เจ้าถึงได้ทำกับข้าแบบนี้!?”
เฉินสั่วหนานโมโหเป็นอย่างมาก เพราะในความคิดของเขาหากให้หลิงยี่เทียนไปแข่งขันกับผู้ที่มีสายเลือดราชันแห่งมวลมนุษย์คนอื่น ๆ ตอนนี้มันเท่ากับหาเรื่องขายหน้าชัด ๆ
หยิงเซียนหมิงเช็ดน้ำลายของเฉินสั่วหนานที่กระเซ็นมาโดนหน้าเขาก่อนที่จะตอบกลับว่า “ไอ้แก่บ้าเอ้ย ข้าไม่ใช่ต้นเหตุของเรื่องนี้สักหน่อย! เจ้ารู้ไหมว่าข้าพยายามแค่ไหนในการวิ่งเต้นช่วยคนของเจ้า? เจ้ารู้รึเปล่า? หากเจ้าจะโทษเรื่องที่การคัดเลือกถูกเร่งขึ้น เจ้าก็ควรจะไปถามผู้ที่เจ้าสนับสนุนโน่นว่าพ่อของเขาเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้บุกเข้าไปที่ทำเนียบราชันมนุษย์แบบนั้นจนทุกคนต่างวุ่นวายกันไปหมด และกลายเป็นว่าการคัดเลือกถูกเร่งแบบนี้!”
ทั้งสองคนต่างเถียงกันไปมาอยู่สักพัก จนท้ายที่สุดเฉินสั่วหนานก็ได้แต่ถอนหายและพูดว่า “ช่างมันก็แล้วกัน ข้าถือว่านี่มันคงเป็นชะตากรรมที่สวรรค์กำหนดมา! เอาล่ะเจ้ากับข้าไปที่อาณาจักรจันทราด้วยกันเพื่อทำเรื่องนี้ให้มันจบ ๆ ไปเถอะ!”
หยิงเซียนหมิงพยายามพูดปลอบ “เจ้าเองก็อย่ากังวลให้มากเลย ในเมื่อหลิงตู้ฉิงเป็นผู้เร่งการคัดเลือกเองแบบนี้ บางทีผลลัพธ์ที่ออกมามันอาจจะเป็นสิ่งที่เจ้านึกไม่ถึงก็ได้ และที่สำคัญท่านอาจารย์ของข้าแอบบอกข้ามาว่าเขาเองก็จะช่วยสนับสนุนหลิงยี่เทียนด้วยเช่นกัน”
“เฮ้อ…อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด พวกเราไปกันเถอะ!” เฉินสั่วหนานส่ายหัว
ต่อให้ได้รับการสนับสนุนจากฟู่เซียน เฉินสั่วหนานก็ยังคิดว่าหลิงยี่เทียนมีโอกาสน้อยที่สุดอยู่ดี หากดูจากคุณสมบัติโดยรวมเมื่อเทียบกับผู้ที่มีสายเลือดราชันแห่งมวลมนุษย์คนอื่น ๆ
แต่แล้วเมื่อทั้งสองคนใช้ประตูเคลื่อนย้ายเดินทางไปถึงอาณาจักรจันทรา พวกเขาก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะความรู้สึกที่พวกเขาสัมผัสได้ในตอนนี้ของบรรยากาศในอาณาจักรจันทรานั้นมันทำให้พวกเขารู้สึกราวกับว่าได้หลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง
“นี่มัน…” หยิงเซียนหมิงมองหน้าเฉินสั่วหนานด้วยสีหน้าสับสน
เฉินสั่วหนานส่ายหัวและตอบกลับ “ไม่ต้องถามข้า ข้าเองก็ไม่ได้มาที่นี่นานแล้วเหมือนกัน ข้าไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น!”
ที่พวกเขารู้สึกแบบนี้ก็เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงได้วางมหาค่ายกลศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ มันจึงทำให้พวกเขารู้สึกว่าอาณาจักรจันทราในตอนนี้นั้นไม่เหมือนเดิม
“ผู้อาวุโสทั้งสองมาหายี่เทียนงั้นเหรอ?” เหลียงเฟ่ยเอ๋อเดินเข้ามาถามพวกเขา
เหลียงเฟ่ยเอ๋อนั้นคอยดูแลทุกอย่างในคฤหาสน์สราญรมย์อยู่ในตอนนี้ ดังนั้นแน่นอนว่าเมื่อมีใครใช้ประตูเคลื่อนย้ายเข้ามานางย่อมรู้ ซึ่งหยิงเซียนหมิงและเฉินสั่วหนานนั้นเกี่ยวข้องกับการที่หลิงยี่เทียนจะได้เป็นราชันแห่งมวลมนุษย์ นางจึงปรากฏตัวขึ้นและเดาได้ว่าทั้งสองคนนี้น่าจะมาหาหลิงยี่เทียน
“ถูกต้องแล้วแม่นาง พวกเรามาหาฝ่าบาทยี่เทียน!” เฉินสั่วหนานพยักหน้า
ในระหว่างที่ตอนนี้พวกเขายืนอยู่ตรงหน้าเหลียงเฟ่ยเอ๋อ พวกเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ากลิ่นอายที่นางแผ่ออกมามันทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้าอยู่กับโลกทั้งใบ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าที่จะวางตัวเหนือกว่านางแม้แต่น้อย
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นพวกท่านก็บินตรงไปหาเขาได้เลย ที่นี่พวกเราไม่มีกฎระเบียบอะไรมากนัก!” เหลียงเฟ่ยเอ๋อยิ้มและเดินจากไปทันที
เฉินสั่วหนานและหยิงเซียนหมิงต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าซับซ้อน จากนั้นพวกเขาจึงบินไปที่พระราชวังของอาณาจักรจันทรา
ในระหว่างทางที่พวกเขากำลังบิน หยิงเซียนหมิงขมวดคิ้วและพูดว่า “สหายเฉิน เจ้ารู้สึกเหมือนข้ารึเปล่า? แม่นางผู้นั้นให้ความรู้สึกแปลกประหลาดมากจริง ๆ!”
เฉินสั่วหนานพยักหน้ายอมรับ เพราะเขาเองก็รู้สึกแปลกประหลาดกับเหลียงเฟ่ยเอ๋อเหมือนกัน แต่เขาบอกไม่ถูกว่าความประหลาดนี้มันคืออะไร
ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิแท้ ๆ แต่เมื่อครู่ที่พวกเขาเจอกับเหลียงเฟ่ยเอ๋อ พวกเขากลับมีความรู้สึกเคารพต่อนางอย่างบอกไม่ถูก
“ผู้อาวุโสทั้งสองท่านมาหาข้าทำไมงั้นเหรอ?” หลิงยี่เทียนถามขึ้น
เฉินสั่วหนานยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ฝ่าบาท ข้าไม่แน่ใจว่านี่เป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายต่อท่าน เพราะตอนนี้ทำเนียบราชันมนุษย์ได้เปลี่ยนวันการคัดเลือกราชันแห่งมวลมนุษย์มาเป็นตอนนี้แล้ว และพวกเขาต้องการให้ท่านเดินไปที่ทำเนียบราชันมนุษย์ทันทีเพื่อเข้าร่วมการคัดเลือก!”
หยิงเซียนหมิงกล่าวขึ้นเสริมเช่นกัน “ฝ่าบาท ในตอนนี้บิดาของท่านก็อยู่ที่ทำเนียบราชันมนุษย์เรียบร้อยแล้ว และสาเหตุที่การคัดเลือกถูกเลื่อนมาเป็นตอนนี้นั้นเป็นเพราะเขาที่เป็นคนร้องขอ”
หลิงยี่เทียนเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นเขาก็ยิ้มและตอบกลับว่า “ข้าเข้าใจแล้ว!”
ในเมื่อพ่อของเขาเดินทางไปที่ทำเนียบราชันมนุษย์แล้วแบบนี้ หลิงยี่เทียนก็คิดว่ามันไม่แปลกอะไรที่จะต้องมีเหตุการณ์แปลกประหลาดแบบนี้เกิดขึ้น
เมื่อเห็นว่าหลิงยี่เทียนยังคงสงบได้อยู่ หยิงเทียนหมิงจึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “ฝ่าบาทนี่ท่านไม่กังวลเลยงั้นเหรอ?”
“ข้าจะต้องกังวลทำไมในเมื่อข้ารู้ผลลัพธ์อยู่แล้ว?” หลิงยี่เทียนหัวเราะ “ผู้อาวุโส พวกท่านช่วยบอกข้าทีว่าการคัดเลือกนี้ข้าจำเป็นต้องเตรียมอะไรไปบ้าง?”
เฉินสั่วหนานและหยิงเซียนหมิง เมื่อได้ยินเช่นนี้พวกเขาก็เข้าใจผิดไปว่าหลิงยี่เทียนคงรู้สึกปลงตกได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาไม่มีหวัง ดังนั้นเขาจึงแสดงท่าทีสงบได้ขนาดนี้
“ฝ่าบาท ข้าแนะนำว่าให้ท่านนำเหล่าผู้คนทั้งหมดจากทุกกองกำลังที่สนับสนุนท่านอยู่ตอนนี้ไปที่ทำเนียบราชันมนุษย์กับท่านเพื่อแสดงว่าท่านมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นราชันแห่งมวลมนุษย์” เฉินสั่วหนานแนะนำขึ้น “ส่วนทางฝั่งของข้าเองฝ่าบาทไม่ต้องเป็นกังวล ในเมื่อยอดเขาหยกจักรพรรดิของข้าสนับสนุนท่านเช่นนี้ ดังนั้นการไปทำเนียบราชันมนุษย์ครั้งนี้ข้าจะไปตามบรรพบุรุษของข้าให้ไปสนับสนุนท่านด้วยอีกแรง!”