บทที่ 855 รวมพลเหล่าคนดัง

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

หลังจากแนะนำทุกอย่างให้กับหลิงยี่เทียนเรียบร้อยแล้ว เฉินสั่วหนานและหยิงเซียน หมิงจึงเดินออกจากท้องพระโรงทันที

หยิงเซียนหมิงมองไปที่เฉินสั่วหนานแล้วพูดว่า “นี่เจ้าคิดจะตามบรรพบุรุษเฉินหยูทงของเจ้าไปด้วยจริง ๆ งั้นเหรอ?”

เฉินสั่วหนานยิ้มอย่างขมขื่นและตอบกลับว่า “มันคงถึงเวลาแล้วที่บรรพบุรุษของข้าจะต้องออกมา ถึงแม้ว่าเขาจะแก่มากแล้วแต่พลังชีวิตของเขาก็ยังเหลืออยู่เยอะพอสมควร ดังนั้นการเดินทางไปทำเนียบราชันมนุษย์รอบนี้คงไม่มีปัญหาอะไรกับบรรพบุรุษของข้ามากนัก และด้วยการสนับสนุนของเขา มันน่าจะทำให้หลิงยี่เทียนมีโอกาสมากขึ้น!”

หยิงเซียนหมิงถอนหายใจ “ข้าหวังให้เป็นแบบนั้นก็แล้วกัน”

หลังจากนั้นเฉินสั่วหนานก็กลับไปปลุกบรรพบุรุษของเขาทันที และติดต่อไปหาสำนักต่าง ๆ ที่เขามีสัมพันธ์ด้วยเพื่อให้มาช่วยสนับสนุนหลิงยี่เทียน

ส่วนทางด้านหลิงยี่เทียนก็เตรียมตัวอยู่เช่นกัน

ถึงแม้เขาจะรู้ว่าพ่อของเขาได้ไปถึงทำเนียบราชันมนุษย์แล้ว และคงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับการคัดเลือกนี้ แต่เขาก็ยังจำเป็นต้องเตรียมพร้อมเพื่อแสดงคุณสมบัติของตัวเองให้กับคนอื่น ๆ ยอมรับเพื่อความภาคภูมิใจของตัวเขาเองและครอบครัว

คนแรกที่เขาไปหาคือหลิงว่านจุน “พี่สี่ ข้าคงต้องขอให้ท่านพากองทัพมังกรของท่านไปที่ทำเนียบราชันมนุษย์กับข้าด้วย และจากนั้นเมื่อเสร็จเรื่องที่ทำเนียบราชันมนุษย์แล้วพวกเราจะเดินทางไปที่สำนักเที่ยงธรรมด้วยกันทันที!”

หลิงว่านจุนพยักหน้า “ไม่มีปัญหา ข้าจะนำสมาชิกกองทัพมังกรที่แข็งแกร่งที่สุด 20,000 คนแรกไปช่วยเจ้าเอง!”

“ขอบคุณพี่สี่!” หลิงยี่เทียนหัวเราะ

จากนั้นหลิงยี่เทียนจึงส่งคนให้ไปตามเหลียนปู้ชิง ผู้ซึ่งได้รับการถ่ายทอดทักษะการสร้างสมบัติของตำหนักศาสตราศักดิ์สิทธิ์ และหวงอี้เฟย ผู้ซึ่งได้รับการถ่ายทอดทักษะเกี่ยวกับโอสถของสำนักโอสถนิรันดร์ให้เข้ามาหา

“ฝ่าบาท ท่านประสงค์สิ่งใดให้พวกเรารับใช้งั้นหรือ?” เหลียนปู้ชิงและหวงอี้เฟยถามขึ้น

หลิงยี่เทียนหัวเราะ “ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่อาณาจักรจันทราจะได้ประกาศศักดาให้คนทั้งโลกเห็นว่าพวกเรามีดียังไง! ซึ่งในฐานะที่พวกท่านเป็นผู้สืบทอดมรดกตำหนักศาสตราศักดิ์สิทธิ์และสำนักโอสถนิรันดร์ ดังนั้นข้าจะพาพวกท่านไปที่ทำเนียบราชันมนุษย์กับข้าด้วย แน่นอนว่าการไปครั้งนี้ข้าแนะนำให้พวกท่านนำเหล่าโอสถและสมบัติวิเศษต่าง ๆ ที่พวกท่านสร้างขึ้นติดตัวไปด้วยให้มากที่สุด เพราะข้าคิดว่าคงมีหลายสำนักที่ต้องการจะแลกเปลี่ยนกับพวกท่านแน่!”

“พวกเรายินดีทำตามพระประสงค์ของฝ่าบาท!” เหลียนปู้ชิงและหวงอี้เฟยตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “อันที่จริงหลายปีที่ผ่านมานี้พวกเรายังไม่ได้ขอบคุณในความเมตตาของฝ่าบาทเลยที่สนับสนุนพวกเราเรื่อยมาจนทำให้พวกเรามีทุกวันนี้ได้”

“ไม่ต้องคิดมาก ๆ ไม่ว่ายังไงพวกเราต่างก็ต้องพึ่งพากันและกัน!” หลิงยี่เทียนหัวเราะ

หลังจากเสร็จเรื่องกับเหลียนปู้ชิงและหวงอี้เฟย คนต่อไปที่หลิงยี่เทียนเรียกเข้าพบก็คือมี่ตั้วตั้ว “ท่านตามี่ ข้าต้องการให้ท่านช่วยข้าสักหน่อย!”

หลังจากแจ้งข่าวให้กับคนใกล้ชิดทั้งหมดแล้ว หลิงยี่เทียนจึงไล่ส่งคนไปที่ภูเขาฟีนิกซ์ สันเขาทรราช สำนักเต๋าสวรรค์ สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ เผ่าภูตนางฟ้า เผ่าภูตดิน แถมยังรวมไปถึงเผ่าปีศาจสมุทร

ปัจจุบันเผ่าปีศาจสมุทรได้กลายเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรจันทราเรียบร้อย เพราะเหตุผลที่ว่าหลิงตู้ฉิงนั้นได้มอบวิญญาณก้องกังวานและท่วงทำนองทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ ให้กับพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงเห็นว่าหลิงตู้ฉิงเป็นเหมือนดั่งผู้มีพระคุณของพวกเขา จนพวกเขาส่งองค์หญิงของตนมาเป็นนางสนมของหลิงยี่เทียน

แน่นอนว่าเมื่อได้รับการแจ้งจากหลิงยี่เทียน ทุกกองกำลังต่างก็ตอบรับและรับมุ่งหน้ามาที่อาณาจักรจันทราในทันที

หวงซีเป็นผู้นำคณะของภูเขาฟีนิกซ์ด้วยตนเอง ซึ่งนางได้พาผู้อาวุโสขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดของเผ่าตามมาด้วย 2 คนเพื่อแสดงเจตจำนงที่หนักแน่นของภูเขาฟีนิกซ์

ทางด้านของสำนักอัขระศักดิ์สิทธิ์ เย่ชางคง ซึ่งเป็นเจ้าสำนักก็เดินทางมาด้วยตนเองเพื่อแสดงว่าเขาจริงจังกับเรื่องนี้แค่ไหน

แต่ทางฝั่งของสำนักเต๋าสวรรค์นั้น หลิงว่านถิงไม่ได้เดินทางมาด้วยเพราะสำนักเต๋าสวรรค์เป็นกังวลในเรื่องความปลอดภัยของนาง พวกเขาจึงให้โม่หลิงซี ซึ่งเป็นเจ้าสำนักมาเป็นตัวแทนพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิอีก 2 คน

ส่วนสันเขาทรราชนั้น เทียนซ่งเป็นคนมาปรากฏกายด้วยตัวเองเลย เพราะเขาตกลงปลงใจแล้วว่าเขาจะร่วมหัวจมท้ายไปกับหลิงตู้ฉิงจนถึงที่สุด

สำหรับฝั่งของอมนุษย์นั้น แน่นอนว่าซวนหยวนตู่เป็นผู้นำคณะเหล่าภูตดินด้วยตัวเอง แต่ในทางกลับกันจักรพรรดินีเผ่าภูตนางฟ้านางติดภารกิจ ดังนั้นจึงมาไม่ได้ด้วยตัวเอง อี้ลั่วเอ๋อจึงกลายเป็นตัวแทนไปโดยปริยาย และสุดท้ายเผ่าปีศาจสมุทรได้ส่งบรรพบุรุษชิวหมิงตงของพวกเขามาช่วยสนับสนุนหลิงยี่เทียน พร้อมกับปีศาจสมุทรขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดอีก 2 ตน

รวม ๆ แล้วจำนวนผู้สนับสนุนที่หลิงยี่เทียนมีในขณะนี้มันนับได้ว่ามากมายมหาศาล

เมื่อเฉินสั่วหนานและหยิงเซียนหมิงกลับมาที่อาณาจักรจันทราอีกรอบ พวกเขาก็ได้แต่ตกตะลึงกับภาพที่เห็น ซึ่งมันทำให้พวกเขามีความหวังมากขึ้น

แต่แล้วเมื่อพวกเขาได้ยินว่าหลิงยี่เทียนจะพากองทัพมังกรไปด้วยถึง 20,000 นาย พวกเขาก็ยิ้มอย่างขมขื่นและคิดในใจว่า ‘นี่เจ้าคิดว่าการเคลื่อนย้ายคนจำนวนมากขนาดนี้มันไม่มีค่าใช้จ่ายรึไงกัน?’

เมื่อเห็นสีหน้าของคนทั้งสอง หลิงยี่เทียนจึงพูดขึ้นว่า “หากผู้อาวุโสทั้งสองไม่สะดวกใจ ถ้างั้นเดี๋ยวข้าจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในการใช้ประตูเคลื่อนย้ายเอง!”

เฉินสั่วหนานเลิกคิ้วขึ้นทันทีเมื่อเขาเห็นหลิงยี่เทียนแสดงท่าทีมั่งคั่งต่อหน้าเขาจนเกิดคำถามขึ้นในใจของเขาว่า

อาณาจักรจันทราตอนนี้ร่ำรวยแค่ไหนกัน?

แต่แน่นอนว่าเมื่อหลิงยี่เทียนเป็นคนพูดขึ้นแบบนี้ เขาเองที่ไม่อยากเสียผลึกวิญญาณจำนวนมากก็รีบตอบตกลงทันทีโดยไม่ลังเลเลย

หลังจากนั้นหลิงยี่เทียนจึงนำเหล่าผู้คนมากกว่า 20,000 คนเดินทางผ่านประตูเคลื่อนย้ายไปโผล่ที่ทำเนียบราชันมนุษย์ในทันที

เมื่อเห็นว่ามีคนจำนวนนับหมื่นเดินออกมาจากประตูเคลื่อนย้าย เหล่าผู้คนต่างก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจ

แต่แล้วเมื่อพวกเขารู้ว่าคนจำนวนนับหมื่นนี้เป็นคนของหลิงยี่เทียน สีหน้าของเหล่าผู้คนก็เปลี่ยนเป็นเย้ยหยันทันที เพราะการกระทำของหลิงตู้ฉิงยังคงฝังใจพวกเขาอยู่

แต่แล้วในขณะที่ใครหลายคนกำลังแสดงสีหน้าเย้ยหยัน แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าหนึ่งในคนที่มากับหลิงยี่เทียนด้วยนั้นเป็นคนดัง พวกเขาต่างก็ขมวดคิ้วในทันที

แน่นอนว่าคนผู้นั้นที่หลายคนต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นก็คือ เฉินหยูทง ผู้โด่งดัง

“ผู้อาวุโสเฉิน ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าท่านยังคงแข็งแรงได้ถึงขนาดนี้!” ใครบางคนเดินเข้ามาทักทายเฉินหยูทง

เฉินหยูทงหัวเราะ “ตราบใดที่ข้ายังไม่ได้เห็นราชันแห่งมวลมนุษย์คนต่อไป ข้าไม่มีทางยอมตายง่าย ๆ หรอก! ว่าแต่หลานจู้ ตอนนี้เจ้าตัดสินใจสนับสนุนใครแล้วรึยัง? ถ้าหากยังไม่มีเจ้ามาสนับสนุนคนเดียวกันกับข้าไหม?”

“ในเมื่อเป็นคำชวนของผู้อาวุโส แน่นอนว่าว่าเสี่ยวจู้ย่อมไม่ปฏิเสธ!”

แค่เพียงชั่วครู่เดียว เฉินหยูทงก็สามารถหากแนวร่วมเพิ่มได้อีกหนึ่ง!

“โอ้ องค์หญิง! นี่มันก็หลายหมื่นปีแล้วที่ข้าไม่ได้เห็นท่านเลย ไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าวันนี้ข้าจะได้พบกับท่านอีกครั้ง ท่านนี่ยังคงงดงามไม่เปลี่ยนแปลงไปจากในความทรงจำของข้าเลยแม้แต่น้อย กลับกันเป็นข้าที่แก่ลงเรื่อย ๆ จนตอนนี้มีแต่รอยเหี่ยวย่นอยู่เต็มไปใบหน้า!”

ชายวัยกลางคนหน้าตาหล่อเหลาผู้หนึ่งกล่าวทักทายหวงซีด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ที่แท้ก็เป็นท่านกงซุนนี่เอง!” หวงซีหันกลับไปทักทาย “บังเอิญว่าข้าได้มีโอกาสเกิดใหม่มารอบหนึ่ง ดังนั้นร่างกายของข้าจึงยังคงดูไม่แก่แบบนี้ ว่าแต่ท่านมีธุระอะไรงั้นเหรอ?”

“ถ้างั้นพวกเราแยกกันไปคุยกันแบบส่วนตัวกันสักหน่อยไหม?”

หวงซีส่ายหัวทันที “ข้าคิดว่ามันคงไม่เหมาะหรอกสักเท่าไหร่ เพราะเดี๋ยวข้าจะต้องไปพบกับสามีของข้า”

เมื่อได้รู้ว่าหวงซีมีสามีแล้ว ชายวัยกลางคนแซ่กงซุนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมากอยู่ในใจ…

“ท่านผู้อาวุโสชิว! นึกไม่ถึงเลยว่าข้าจะได้เจอท่านที่นี่ นี่มันก็นานเท่าไหร่แล้วนะที่เผ่าปีศาจสมุทรของท่านมาที่นี่ครั้งล่าสุด?”

ชิวหมิงตงยิ้มและตอบกลับ “ลูกสาวของข้าแต่งงานกับฝ่าบาทยี่เทียน ดังนั้นข้าจึงต้องมาที่นี่เพื่อสนับสนุนเขา! ว่าแต่น้องหนิว เจ้าล่ะมาที่นี่ทำไม?”

“ข้ากับคนของข้ามาที่นี่เพื่อสนับสนุนฉินหวง ดังนั้นนับจากนี้พวกเราคงต้องกลายเป็นคู่แข่งกัน!”

ชิวหมิงตงส่ายหัวและพูดว่า “ไม่หรอก เจ้าไม่ใช่คู่แข่งของข้าหรอก!”

ในระหว่างที่กองกำลังจากทั้งฝั่งที่เป็นมนุษย์และไม่ใช่มนุษย์เดินทางมาเรื่อย ๆ เพื่อสนับสนุนผู้ที่มีสายเลือดของราชันแห่งมวลมนุษย์แต่ละคนแตกต่างกันไป จู่ ๆ ก็มีเสียงฮือฮาเกิดขึ้นเมื่อทุกคนเห็นว่ามีชายหนุ่มรูปงาม 2 คนปรากฏตัวขึ้นออกมาจากประตูเคลื่อนย้าย

ในทันทีที่เห็นของชายหนุ่ม ใครบางคนที่อยู่ในบริเวณรอบ ๆ ก็รีบวิ่งเข้าไปโค้งคารวะทันที “ท่านฉินหวง ในที่สุดท่านก็มาถึง!”

ฉินหวงยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรกับข้ามากมายหรอก ให้ข้าแนะนำผู้ที่มากับข้าสักหน่อย ทุกท่านนี่คือคุณชายเสี่ยหนานเทียน ซึ่งเป็นตัวแทนของสำนักเบญจธาตุในการมาเยือนพวกเราในครั้งนี้!”

เสี่ยหนานเทียนยิ้มและโค้งตัวให้กับทุกคน แต่แล้วเมื่อเขาเห็นเย่ชางคงและมู่หลงหยาน เขาก็รีบเดินตรงดิ่งเข้าไปทักทายในทันที “ท่านลุงเย่ ท่านป้ามู่หลง เสี่ยหนานเทียนขอคารวะพวกท่าน ว่าแต่ทำไมพวกท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

เย่ชางคงถามกลับด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ?”

“อย่าบอกนะว่าท่านเองก็มาที่เพื่อสนับสนุนหนึ่งในผู้ที่มีสายเลือดของราชันแห่งมวลมนุษย์เช่นกัน?” เสี่ยหนานเทียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าแปลกประหลาด

“มันก็เห็นกันอยู่ชัด ๆ ไม่ใช่รึไง?” เย่ชางคงหัวเราะ

“ข้าขอถามได้ไหมว่าพวกท่านสนับสนุนใคร?” เสี่ยหนานเทียนถามกลับ

“แน่นอนว่าต้องเป็นหลิงยี่เทียน!” มู่หลงหยานพูดขึ้นด้วยสีหน้าขบขัน

“แซ่หลิง หลิงยี่เทียน?” สีหน้าของเสี่ยหนานเทียนเปลี่ยนเป็นตกตะลึงทันที “พวกท่านบอกข้าหน่อยได้ไหมว่า หลิงยี่เทียนมีความสัมพันธ์เป็นอะไรกับคนผู้นั้น?”

“เป็นลูกชายของเขา!” มู่หลงหยานยิ้มและตอบกลับ