บทที่ 869 แกเป็นแค่เบี้ยหมากของฉันเท่านั้น

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 869 แกเป็นแค่เบี้ยหมากของฉันเท่านั้น
เชือกเส้นนี้ อันที่จริงเธอเถือมานานหลายชั่วโมงแล้ว หลังจากที่เธอถูกส่งกลับไปอีกครั้ง เธอใช้เข็มอันละเอียดเล็กที่เธอกำไว้ในฝ่ามือตลอดค่อยๆเขี่ย

นี่เป็นเข็มเงินของเธอ หลังจากที่เธอถูกมัด เธอก็แอบเอามันออกมา

เข็มนี้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่เหมือนมีดที่สามารถตัดเชือกได้ แต่ในสถานการณ์ที่ทั้งตัวไม่มีอาวุธอะไรเลย กลับสามารถเอามันมาค่อยๆเขี่ยเชือกได้

เมื่อเขี่ยได้แล้ว แรงมัดของเชือกลดลง ก็จะหลุดออกโดยง่าย

เส้นหมี่ทำอย่างมุ่งมั่นและกลั้นหายใจ

“ชั้นจะบอกให้นะปาเวซ ทางที่ดีแกควรสวดมนต์ให้เรื่องวันนี้ผ่านพ้นไปอย่างสงบ หาไม่แล้วละก็ ชั้นถลกหนังแกแน่!”

คนในโทรศัพท์ ท้ายที่สุดเตือนปาเวซมาประโยคหนึ่ง หลังจากนั้น เขาก็วางโทรศัพท์ไป

ปาเวซทุบโทรศัพท์มือถือดัง “ป้าบ”

น่าตกใจจนเส้นหมี่ทางนี้มือลื่นในทันที เข็มเงินเล่มนั้นจึงแทงอย่างลึกไปที่ข้อมือของตนเอง

“ซื้ด—-”

เธอหายใจหอบเย็น

เจ็บเสียจนบนหน้าผากมีเหงื่อเย็นๆผุดขึ้นมาเล็กน้อย

คนบริเวณนั้นได้ยินการเคลื่อนไหว จึงรีบรุดมาทางเธอ

อย่างไรก็ดี นี่เป็นเวลาแค่พริบตาเดียวเท่านั้น เธอก็กลับไปเป็นปกติดังเดิมอีกครั้ง เธอนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างไม่ยินดียินร้าย มือที่ถูกมัดไว้กับเก้าอี้ ก็ไม่ขยับแต่โดยดี

คนรับใช้ : “……………….”

ในที่สุด เขาก็ละสายตาจากผู้หญิงคนนี้

หลังจากนั้น เขาจึงมองไปทางคุณนายน้อยผู้นี้

“คุณชายครับ เป็นคุณท่านโทรมาหรือครับ? ท่าน….ท่านพูดว่าอย่างไรครับ? เรื่องนี้ พวกเราทำอย่างมิดชิด ทำไมจึงถูกคนเอาไปเปิดเผยในอินเตอร์เนตได้ละครับ?”

“แกถามชั้นหรือ?”

ปาเวซรีบเงยหน้าพูดเปรยกับเขา ด้วยแววตาคลุมเครือ

คนรับใช้ถึงกับสั่นสะท้าน ไม่กล้าพูดอะไรอีก

เรื่องนี้ไม่ชอบมาพากลจริงๆ เนื่องจากจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาและศักดา ที่ผ่านมาศักดามิใช่ติดต่อกับพวกเขาโดยตรง

แต่ผ่านคนกลาง

เช่นนั้นทำไมพวกเขาจึงเปิดเผยออกมา?

ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่เรื่องคนฝังไมโครชิพ ยังถูกนำมาเปิดโปงด้วย

คนรับใช้ยังคงไตร่ตรองถึงคนผู้นี้

เพียงแต่ว่าหลังจากปาเวซถอนแววตา เกี่ยวกับผลลัพธ์นี้ กลับรู้คำตอบตั้งแต่แรกแล้ว

ศักดาตายอย่างไร เขาชัดเจนที่สุด เขาตายภายใต้เงื้อมมือใคร เขาปาเวซก็ประจักษ์แจ้ง

ดังนั้น คนผู้นี้เป็นใคร เขาไม่ต้องเปรียบกับผู้ใดก็กระจ่างแจ้งแล้ว

แสนรัก!!

เขาแม้แต่ฟันก็กัดจนจะแตกแล้ว!

“คุณชายครับ?”

“รีบไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”

ปาเวซในที่สุดก็พูดออกมา แต่ละคำแต่ละท่อนล้วนเค้นออกมาจากไรฟัน

คนรับใช้เบิกตากว้าง : “ออกจากนี่? ความหมายของคุณชายคือ…..?”

“อีกไม่นานเขาต้องส่งคนมาพาชั้นกลับไป ตอนนี้ไวท์ พาเลซวุ่นวายใหญ่แล้ว หากเขาอยากให้สงบลง มีเพียงวิธีเดียว คือผลักชั้นออกไป”

เขาพูดไปพูดมา ในที่สุดก็หัวเราะออกมา

เหมือนกับภาพบางภาพที่ได้คาดเดาเอาไว้ เขายกมุมปาก เวลานี้ รูม่านตาสีอำพันนั้น ล้วนเต็มไปด้วยการเสียดแทงที่มากล้นและการเยาะเย้ยแดกดัน

คนรับใช้จ้องเขม็งอีกครั้ง

ผ่านไปเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นจึงเดินไปทางเส้นหมี่

เส้นหมี่มองเขาอย่างเย็นวาบ

แม้ว่าเข็มเงินที่อยู่ตรงข้อมือเล่มนั้นจะซ่อนอยู่ เธอทำเหมือนไม่มีคนอยู่มือทั้งสองถูกมัดนั่งอยู่ตรงนั้น ประหนึ่งไม่เคยมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นทั้งนั้น

“ไปสนามบินกันเถอะ”

คนรับใช้ผู้นี้ไม่ได้สังเกตเห็นเธอดังคาด

หลังจากเขายกเธอจากเก้าอี้แล้ว จึงจับแขนของเธอแล้วพาออกไปข้างนอก

ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ณ ลานจอดรถที่อยู่ด้านนอกอาร์เจวาย

“คุณวางใจได้ ถึงแม้ว่าผมเวลานี้นับได้ว่าตัดขาดจากตระกูลไวท์แล้ว คุณก็ไม่ลำบาก หลังจากคุณไปประเทศMกับผม ของกินของใช้ทั้งหมด ผมจะหาที่ดีที่สุดให้คุณ”

น่าขันเล็กน้อย ตนเองกลายเป็นคนร่อนเร่พเนจรแล้ว เวลานี้ คนผู้นี้ยังพูดปลอบประโลมเธออยู่

เส้นหมี่จ้องมองเขาพลางหัวเราะอย่างเยือกเย็น

“ฉันสงสัยจริงๆ คุณทำแบบนี้ มิใช่กำลังช่วยครอบครัวของคุณหรอกหรือ? ทำไมพอเกิดเรื่อง? คุณก็ถูกตัดขาดปล่อยลอยแพแบบนั้นละ? คุณไม่ใช่คนของตระกูลไวท์หรือ?”

“……”

นัยน์ตาเห็นสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวอย่างรวดเร็ว

คนผู้นี้ โดยไม่คาดคิดหน้าตาเกิดความขุ่นเคืองขึ้นมาทันที

“นี่มันเรื่องของผม คุณไม่ต้องมายุ่ง”

“ฉันยุ่งอะไร? นี่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันเลย ฉันเพียงแค่บอกกับคุณ ต่อให้คุณพาฉันไป โรคของคุณ ฉันก็รักษาไม่ได้”

เส้นหมี่ครั้งนี้พูดออกไปอย่างไม่ต้องพิถีพิถันอีกแล้ว บอกเขาอย่างตรงไปตรงมา ว่าเขาหมดหนทางช่วยแล้ว!

แต่ที่ทำให้เธอแปลกใจก็คือ คนผู้นี้กลับไม่โมโหเลยสักนิดเดียว

“ไม่เป็นไร ได้อยู่กับคุณก่อนตาย ผมก็พอใจแล้ว”

“…….”

เขามันบ้าจริงๆ!

เส้นหมี่ไม่ได้พูดอะไรอีก หลังจากนั้นไม่นาน เธอถูกลากไปขึ้นรถด้วยกัน สักครู่ก็รีบรุดไปสนามบินอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ

สนามบินอิมพีเรียล

เมื่อเส้นหมี่ถูกลากลงมา เชือกที่มัดมืออยู่หลุดออกมาสองในสามส่วนแล้ว

ตลอดมาเธอไม่เคยถอดใจจากมัน

หากแต่ในขณะที่เส้นหมี่คิดว่าจะสามารถสลัดเชือกนี้หลุดไปได้ก่อนขึ้นเครื่องบิน ทันใดนั้น ปาเวซผู้นี้ได้คว้าข้อมือเธอไว้

“ของสิ่งนี้ ในที่สุดยังถูกคุณทำขาดไปได้อย่างรวดเร็ว ความแข็งแกร่งของคุณนี่ไม่เลวจริงๆ”

“……”

ในหัวมีเสียง “หึ่ง” เส้นหมี่จ้องไปที่ข้อมือที่ถูกเขาจับชูขึ้นสูง สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง