“เยี่ยโยวเหยา นั่นไม่ใช่ข้า เป็นภาพมิติมายา! เยี่ยโยวเหยา ท่านคืนสติได้แล้ว เยี่ยโยวเหยา”
ทว่าดวงตาของเยี่ยโยวเหยากลับปิดสนิท ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ ไม่นานนักก็มีเลือดไหลออกจากมุมปากของเขา สีหน้าของเขาแสดงถึงความเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ
“เยี่ยโยวเหยา! ” ซูจิ่นซีเรียกเยี่ยโยวเหยาอย่างร้อนใจ
ทำอย่างไรดี?
ควรทำอย่างไรดี?
จะช่วยเยี่ยโยวเหยาออกจากภาพมิติมายาได้อย่างไร?
หรือว่าจะมองดูเขาถูกกักอยู่ในภาพมิติมายาจนเสียชีวิต?
เป็นไปได้อย่างไร?
ท่ามกลางสถานการณ์คับขันนี้ ซูจิ่นซีรีบกอดคอเยี่ยโยวเหยาและจุมพิตริมฝีปากของเยี่ยโยวเหยา
“เยี่ยโยวเหยา ข้าเอง! ข้าคือซูจิ่นซี ข้าเป็นพระชายาของท่าน ซูจิ่นซีอยู่เคียงข้างท่านอ๋อง นั่นคือภาพมิติมายา! เยี่ยโยวเหยา… ”
ซูจิ่นซีจูบพลางบอกเยี่ยโยวเหยาครั้งแล้วครั้งเล่า
เยี่ยโยวเหยาลืมตาขึ้นและกระอักเลือดออกมาจากปาก ปากของซูจิ่นซีก็เปื้อนเลือดเช่นกัน ทว่าซูจิ่นซีไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น และจับใบหน้าซีดขาวของเยี่ยโยวเหยาทันที
“เยี่ยโยวเหยา ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? เยี่ยโยวเหยา… ”
ดวงตาของเยี่ยโยวเหยายังคงเหม่อลอยเล็กน้อย เขามองซูจิ่นซีอย่างเสน่หา “ข้าไม่เป็นอันใด! ”
ซูจิ่นซีแทบจะร้องไห้ด้วยใบหน้าตึงเครียด “จะไม่เป็นอันใดได้อย่างไร? ทันทีที่ชักกระบี่เสวียนหยวนออกมา จะต้องสัมผัสกลิ่นคาวเลือด เหตุใดท่านจึงทำเรื่องโง่ๆ ด้วย? รู้ว่าเป็นภาพมิติมายา เหตุใดถึงต้องเข้าไปปกป้องนางด้วย? เพียงแค่สังหารนางก็สามารถออกมาได้แล้ว! ”
เมื่อเยี่ยโยวเหยาเปิดปาก เลือดก็ไหลออกมา
“แม้จะเป็นภาพมิติมายา ทว่าเป็นเจ้า! ข้าจะตัดใจทำร้ายเจ้าได้อย่างไร? ”
เขาไม่อาจทำร้ายนาง แม้จะเป็นภาพมิติมายาก็ไม่ยินยอม!
“เยี่ยโยวเหยา ท่านโง่เขลายิ่งนัก! ”
ทำร้ายตัวเองให้บาดเจ็บ มันคุ้มค่าหรือ?
อาการบาดเจ็บของเยี่ยโยวเหยาจะหนักหนาเพียงใดนั้น ตอนนี้ยังไม่อาจตรวจได้ ซูจิ่นซีนำยาเม็ดจากระบบถอนพิษออกมาป้อนใส่ปากของเยี่ยโยวเหยาหลายเม็ด
ทว่าทันทีที่เยี่ยโยวเหยาทานเข้าไป ภาพที่อยู่เบื้องหน้าของทั้งสองคนก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
พวกเขาอยู่ในห้องศิลาลึกลับแห่งหนึ่งซึ่งสร้างด้วยก้อนน้ำแข็งที่ทำเป็นอิฐ และมีโลงศพศิลาวางอยู่กลางห้อง โลงศพแกะสลักด้วยลวดลายเมฆมงคล ต้นสนเขียว และมังกร เห็นได้ชัดว่าเป็นธรรมเนียมการฝังศพของกษัตริย์ ด้านหลังโลงศพเป็นสวนดอกปี่อั้นที่กำลังบานสะพรั่ง
ดูเหมือนเป็นภาพที่คุ้นเคย ซึ่งซูจิ่นซีเคยเห็นที่ใดมาก่อน ทว่าอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าเคยเห็นที่ใด
ดูเหมือน… อยู่ในความฝัน และดูเหมือนเป็นเรื่องจริง
นางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและต้องการเดินไปที่สวนดอกปี่อั้น ทว่าเพิ่งก้าวไปเพียงสองก้าว เยี่ยโยวเหยาก็ขวางนางไว้
ซูจิ่นซีหยุดฝีเท้าและหันกลับไป เห็นเพียงสตรีชุดแดงเต้นรำอยู่ท่ามกลางดอกปี่อั้นอย่างสง่างาม รูปร่างเพรียวบางราวกับหงส์ที่บินอยู่เหนือกองไฟ
ซูจิ่นซีต้องการเห็นใบหน้าของสตรีนางนั้นให้ชัดเจน ทว่าสตรีนางนั้นสวมผ้าคลุมหน้าสีแดง ส่วนของใบหน้าไม่ชัดเจนและคลุมเครือ จะมองอย่างไรก็มองไม่ชัด
สวนดอกปี่อั้นนี้… เป็นภาพมิติมายาของผู้ใดอีก?
ภาพมิติมายาของนางและเยี่ยโยวเหยาได้แตกสลายไปแล้ว เหลือเพียง อู๋จุน อวิ๋นจิ่น และตงหลิงหวง สามคนเท่านั้น
ผู้ที่เต้นอยู่ท่ามกลางดอกปี่อั้นเป็นสตรี หรือว่านี่คือมิติมายาของตงหลิงหวง?
ทว่าร่างนั้นไม่เหมือนตงหลิงหวง คงไม่ใช่ภาพมิติมายาของตงหลิงหวง
ถ้าเช่นนั้น เป็นของอู๋จุนหรือไม่ก็อวิ๋นจิ่น?
ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้ นางมองอาคมกำไลปี่อั้นบนข้อมือของนาง แววตาพลันเปลี่ยนไป
นางกำลังจะพูดบางอย่างกับเยี่ยโยวเหยา ทว่าเยี่ยโยวเหยาเร็วกว่านาง เขากัดนิ้วและหยดเลือดจากปลายนิ้วของตนลงไปยังทะเลดอกปี่อั้น เมื่อเลือดหยดลงบนดอกปี่อั้น ดอกปี่อั้นก็ค่อยๆ สลายกลายเป็นผง ภาพเบื้องหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ครานี้มองไม่ชัดเจนว่าอยู่ที่ใด เปลวเพลิงลุกโชน ทว่าบนท้องฟ้ากลับมีหิมะตกหนัก
ทันทีที่ภาพเบื้องหน้าเปลี่ยนไป ซูจิ่นซีก็รู้สึกว่านางร้อนมาก เหมือนกำลังถูกไฟเผาจนสุก
เยี่ยโยวเหยารีบเข้าไปคุ้มครองซูจิ่นซีไว้ในอ้อมแขน พยายามใช้พลังภายในของตนเองขับไล่ความร้อนในร่างกายของซูจิ่นซี ทว่าซูจิ่นซีกลับผลักเยี่ยโยวเหยาออกไป
“เยี่ยโยวเหยา ท่านไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ? ”
ตนเองได้รับบาดเจ็บไปทั้งตัว ยังคิดจะเดินพลังภายในอีก อยากตายนักหรือ?
เยี่ยโยวเหยาแย้มยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าไม่ได้อ่อนแอถึงเพียงนั้น บาดเจ็บเล็กน้อย ไม่เป็นอันใดมาก”
ซูจิ่นซีถลึงตาใส่เยี่ยโยวเหยา “ยังไม่หนักอีกหรือ? เช่นนั้นแบบใดถือว่าร้ายแรง? เยี่ยโยวเหยา หากท่านไม่ต้องการมีชีวิตอยู่แล้วก็บอกข้าได้ ข้า ซูจิ่นซีไม่อยากเป็นม่าย”
เยี่ยโยวเหยารู้ว่าซูจิ่นซีกำลังพูดด้วยความโมโห เขายกยิ้มมุมปากมากขึ้น
ซูจิ่นซีหมดหนทาง “ท่านยังมีหน้าแย้มยิ้มอีกหรือ? ”
ทั้งสองกำลังสนทนากัน จู่ๆ เสียงของอวิ๋นจิ่นและอู๋จุนก็ดังเข้ามาในหูพวกเขา “โยวอ๋อง พระชายา! ”
“แม่นางพิษน้อย”
ซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยารีบหันไปมองตามทิศทางของเสียง แน่นอนว่านางเห็นอวิ๋นจิ่นกับอู๋จุน
เพียงแต่ดวงไฟค่อนข้างใหญ่ พวกเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อมาหาซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยา
อู๋จุนและอวิ๋นจิ่นต่างก็อยู่ที่นี่ มีเพียงตงหลิงหวงเท่านั้นที่ไม่อยู่
ที่นี่คงเป็นภาพมิติมายาของตงหลิงหวง
หิมะบนท้องฟ้า เปลวเพลิงบนพื้นดิน เพลิงหิมะหนาแน่น นี่คือจิตมารภายในใจของตงหลิงหวง
ซูจิ่นซีอดถอนหายใจไม่ได้ ไม่คาดคิดว่ามู่หรงฉีจะสามารถเข้าไปในใจของนางได้ลึกซึ้งถึงเพียงนี้ ทว่าภาระหน้าที่อันหนักอึ้งบนบ่าขอนาง ไม่สามารถปล่อยให้นางเกิดความรักใคร่เฉกเช่นหนุ่มสาวทั่วไปได้
“นี่คือภาพมิติมายาของตงหลิงหวง พวกเราจะช่วยนางออกจากภาพมิติมายาได้อย่างไร? ” ซูจิ่นซีพูด
อวิ๋นจิ่นตอบว่า “ทูลพระชายา ไม่มีทาง แม้รัชทายาทตงเฉินจะสนิทสนมกับพวกเรา ทว่าไม่มีผู้ใดสามารถสื่อสารกับนางได้อย่างจริงใจ หากต้องการออกจากภาพมิติมายานี้ ทำได้เพียงพึ่งรัชทายาทตงเฉินเองเท่านั้น ”
อวิ๋นจิ่นพูดพลางร่วมมือกับอู๋จุนเพื่อสร้างเขตเวทมนตร์ให้ทุกคนอยู่ตรงกลาง ป้องกันเปลวเพลิงชั่วคราว
“หากนางออกมาไม่ได้เล่า? ” ซูจิ่นซีถาม
อวิ๋นจิ่นมีสีหน้าเครียดจัด และไม่ได้ตอบคำถาม
พวกเขาจะถูกขังอยู่ที่นี่หรือไม่?
แววตาของอวิ๋นจิ่นเลื่อนลงไปมองบาดแผลของเยี่ยโยวเหยา “ท่านอ๋องทรงได้รับบาดเจ็บ? ”
ความสนใจของซูจิ่นซีเบี่ยงเบนไป นางรีบยกมือของเยี่ยโยวเหยาขึ้นมาตรวจชีพจรที่ข้อมือ เพื่อดูสถานการณ์ของเยี่ยโยวเหยา
อวิ๋นจิ่นมองไปที่เยี่ยโยวเหยา แววตาของซูจิ่นซียิ่งลึกซึ้งมากขึ้น
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ยกเว้นอู๋จุน ต่างพบกับภาพมิติมายาของตนเอง อวิ๋นจิ่นสามารถเดาได้ว่าจิตมารภายในใจของเยี่ยโยวเหยาคืออันใด ยกเว้นตงหลิงหวงที่ตกอยู่ในภาพมิติมายา ทั้งเขาและซูจิ่นซีออกมาจากภาพมิติมายาได้สำเร็จ กลับมีเพียงเยี่ยโยวเหยาเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บ ด้วยเหตุนี้ ทราบได้ทันทีว่าความลุ่มหลงของเขานั้นลึกซึ้งเพียงใด
เขาหายใจไม่ออกและอึดอัดอย่างมาก
ซูจิ่นซีเช็ดคราบเลือดบนบาดแผลของเยี่ยโยวเหยา นางเห็นสีหน้าของอวิ๋นจิ่นไม่สู้ดีนัก จึงถามว่า “อวิ๋นจิ่น เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ? เหตุใดจึงมีท่าทีไม่สู้ดีนัก! ”
อวิ๋นจิ่นกลับมาได้สติและรีบตอบกลับไป “ไม่… ไม่เป็นอันใดพ่ะย่ะค่ะ พระชายาโปรดวางพระทัย”
“ไม่เป็นอันใดก็ดี”
อวิ๋นจิ่นมองไปที่เยี่ยโยวเหยาอีกครั้ง “อาการของท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง? ให้กระหม่อมรักษาอาการบาดเจ็บของท่านอ๋องดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ! ”
ได้รับบาดเจ็บจากภาพมิติมายา อีกทั้งยังเกิดจากกระบี่เสวียนหยวน อาการจะไม่ร้ายแรงได้อย่างไร? ซูจิ่นซีกังวลเล็กน้อย เส้นทางข้างหน้าก็ไม่อาจรู้ได้ และไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญกับอันตรายเช่นไร เยี่ยโยวเหยายังได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก เขายังยืนหยัดต่อไปได้หรือไม่?