“เช่นนั้นแปลว่ากลุ่มพันธมิตรของเจ้าต้องมีเหตุผลอื่นอีกสินะ” มหาเมธีชราเผ่าแมงมุมถามขึ้นอย่างช้าๆ

“ถูกต้อง ยังมีเหตุผลอื่นอีก แม้ว่าโลหิตวิญญาณหยดนี้จะดูเหมือนมีความเป็นมาที่ยิ่งใหญ่ แต่กลุ่มพันธมิตรของพวกเราไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับผลลัพธ์หรือการใช้งานของมันเลย เดิมทีหาวิธีไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่หลังจากศึกษามันแล้ว จนรู้ได้ว่าสามารถแช่เลือดหยดนี้ในน้ำสะอาดสักระยะหนึ่งจะทำให้น้ำที่แช่นั้นกลายเป็นของเหลวจิตวิญญาณที่มีอายุหมื่นปีและสามารถฟื้นฟูจิตวิญญาณได้ พลังที่มากมายของมันไม่สามารถดึงออกมาใช้ได้หมด ยิ่งไปกว่านั้นเรายังไม่รู้จักวิธีหลอมมันเลย” หูอวี้ซวงกล่าวอย่างจริงจัง

“ไม่สามารถหลอมโลหิตจิตวิญญาณหยดนี้ได้หรือ” มหาเมธีชราคนหนึ่งถามขึ้นอย่างแปลกใจ

“หึๆ ในเมื่อของชิ้นนี้อาจจะเป็นเลือดของบรรพบุรุษมังกร มันจะต้องมีประโยชน์อย่างแน่นอน หากสามารถหลอมได้อย่างง่ายๆ ล่ะก็ กลุ่มพันธมิตรของพวกเราคงจะตัดใจนำมาประมูลไม่ได้ แต่ว่าสหายทุกท่านในที่นี้ล้วนมีพลังความสามารถและดวงที่ดี เรื่องที่กลุ่มพันธมิตรของพวกเราทำไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าสหายทุกท่านจะทำไม่ได้ หากสามารถหลอมโลหิตจิตวิญญาณหยดนี้ได้แล้วล่ะก็ เรื่องที่จะขึ้นไปยังแดนเซียนคงจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป และแน่นอนว่าหากท่านไม่มั่นใจ จะไม่เข้าร่วมการประมูลก็ย่อมได้” หูอวี้ซวงรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว

“เกรงว่าโลหิตจิตวิญญาณหยดนี้มีพลังร้ายแรงมาก ต่อให้ไม่ใช่เลือดของบรรพบุรุษมังกร แต่ต้องเป็นเลือดบริสุทธิ์ของอะไรสักอย่างที่พวกเราคิดไม่ถึงอย่างแน่นอน ของวิเศษชิ้นนี้ ข้าต้องการ” เสียงของมหาเมธีดังออกมาจากห้องรับรองกลางอากาศอย่างราบเรียบ

“ฮ่าๆ…ของวิเศษชิ้นนี้ เมื่อสหายพูดว่าจะเอาก็ต้องได้หรือ มันต้องดูด้วยว่าคนอื่นเห็นด้วยหรือไม่ แม่นางหู เริ่มประมูลเลยเถอะ” มหาเมธีชราอีกคนหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและพูดออกมา

แม้ว่าจะไม่มีเสียงจากห้องรับรองกลางอากาศห้องอื่น แต่ดูจากรังสีแปลกๆ ที่แผ่ขยายออกมา เห็นได้ชัดว่ามหาเมธีเหล่านี้ต่างก็ตื่นเต้นกับโลหิตวิญญาณสีทองเหมือนกัน

สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรระดับธรรมดาที่อยู่ด้านล่างนั้น ดวงตาทั้งสองข้างที่จ้องมองโลหิตวิญญาณนั้นเบิกกว้างราวกับโคมไฟ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ

พวกเขาไม่คิดว่าจะได้เห็นของล้ำค่าขนาดนี้ในงานประมูลครั้งนี้ แม้พวกเขาจะรู้ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันได้ครอบครอง แต่ก็ยังดีใจที่ได้มาเข้าร่วมงานนี้

“โลหิตจิตวิญญาณหยดนี้ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่หนึ่งพันล้านศิลาวิญญาณ เริ่มการประมูลได้เจ้าค่ะ…”

“ช้าก่อน ท่านอาวุโส ข้ายังรู้สึกสงสัยอะไรบางอย่าง เหมือนข้าจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ข้าขอเข้าไปดูใกล้ๆ ได้หรือไม่” น้ำเสียงมืดมนของชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านหน้าเวทีพูดดังขึ้น จากนั้นก็เห็นผู้ชายหน้าตาธรรมดา สวมชุดคลุมสีดำ ลุกขึ้นยืนแล้วพูด

“สหายท่านนี้รู้จักโลหิตวิญญาณด้วยหรือ” สีหน้าของหูอวี้ซวงเปลี่ยนไปทันที ดวงตาคู่งามจ้องผู้ชายคนนั้นเขม็ง

คนอื่นๆ ก็ต่างประหลาดใจ และหันไปมองชายคนนั้นพร้อมกัน

ผู้อาวุโสทั้งสี่ของกลุ่มพันธมิตรที่แต่เดิมหลับตาอยู่ ก็ยังลืมตาขึ้นมามอง

“โลหิตจิตวิญญาณหยดนี้ ทุกๆ สิบสองชั่วยามจะพ่นรุ้งห้าสีออกมาใช่หรือไม่” หลังจากที่ชายสวมชุดคลุมสีดำเงียบไปนาน เขาก็ถามขึ้นมาอย่างช้าๆ “เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?” เดิมทีหญิงสาวคนนั้นก็สงสัยในตัวชายคนนี้อยู่แล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดดังนั้นนางจึงตกใจอย่างมาก

“นี่เป็นการยืนยันได้ว่าข้ารู้ความเป็นมาของโลหิตจิตวิญญาณหยดนี้” ชายชุดดำคนนั้นไม่ได้ตอบคำถามที่ว่านั้นโดยตรง แต่กลับพูดคำพูดคลุมเครือแทน

“ผู้อาวุโสทั้งสี่ท่าน เอาอย่างไรดีเจ้าคะ” หูอวี้ซวงลังเล จึงโค้งคำนับถามผู้อาวุโสทั้งสี่ของกลุ่มพันธมิตร

“พี่หมิง เจ้าคิดว่าอย่างไร” ชายชราผอมแห้งเงยหน้าถามฟ้า

“ในเมื่อเขาพูดได้ถูกต้อง ก็ให้เขาขึ้นมาวิเคราะห์บนเวทีเถอะ หึๆ มีผู้เฒ่าอย่างพวกเรานั่งอยู่เช่นนี้ เจ้าจะกลัวว่าเจ้าคนตัวเล็กนั้นจะทำอะไรได้หรือ” เสียงของหมิงจุนดังขึ้นมาจากบนท้องฟ้า

“หากพี่หมิงคิดว่าไม่เป็นไร เช่นนั้นก็ให้เขาขึ้นมาได้ แต่ห้ามให้เขาสัมผัสโลหิตวิญญาณ” เห็นได้ชัดว่าชายชราร่างผอมรอบคอบอย่างมาก จึงสั่งการเช่นนั้น

“ผู้น้อยเข้าใจแล้ว สหายท่านนี้ เชิญเจ้าค่ะ” หูอวี้ซวงพยักหน้า

ผู้เข้าร่วมการประมูลทั้งหมดรวมถึงเหล่ามหาเมธีต่างก็จับจ้องไปที่ชายชุดดำคนนั้น

เขาเดินออกขึ้นไปบนเวทีหิน หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ยืนอยู่ข้างๆ หญิงสาวคนนั้นแล้ว เขามองดูโลหิตวิญญาณในอ่างอย่างละเอียด

“อย่างนี้นี่เอง ไม่เลวเลย แต่ว่าข้าสามารถขอตัวอย่างของมันเพียงเล็กน้อยเพื่อทำการตรวจสอบครั้งสุดท้ายได้หรือไม่” หลังจากที่ชายผู้นั้นบ่นพึมพำ จู่ๆ เขาหันหน้าไปถามหญิงสาวที่อยู่ข้างกาย

“ได้ แต่ห้ามหยิบมากเกินไป” หูอวี้ซวงขมวดคิ้วนิดหน่อย แต่ก็ยังพยักหน้าเห็นด้วย

“สหายวางใจเถอะ ข้าน้อยรู้ถึงสัดส่วนของมันดี เช่นนั้นข้าจะขอเริ่มทำการวิเคราะห์ก่อน” ชายชุดดำหัวเราะพร้อมพูดขึ้นมา

หูอวี้ซวงใช้สองมือร่ายคาถาและตีมือลงไปในอ่างน้ำ

“ตู้ม” เสียงหนึ่งดังขึ้น ด้านนอกของเป็นม่านแสง หลังจากนั้นระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นก็สลายหายไปทันที

เมื่อชายชุดดำเห็นเช่นนั้น ก็เดินขึ้นไปด้านหน้าหนึ่งก้าว ยกแขนข้างหนึ่งวางไว้เหนืออ่างน้ำใบนั้น

อ่างน้ำใบนั้นสั่นกึกๆ ทันใดนั้นของเหลวที่อยู่ในอ่างก็ม้วนเป็นคลื่น และมีของเหลวขนาดนิ้วหัวแม่มือลอยออกมา

เมื่อหูอวี้ซวงเห็นขนาดของเหลวที่เขาแบ่งไปทดสอบ ก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

หากมีขนาดเท่านี้ล่ะก็ คงไม่เป็นอะไร

ระหว่างที่หญิงสาวที่ยืนด้านข้างกำลังคิดเช่นนั้นอยู่ ชายสวมชุดคลุมสีดำก็คว้ามือจับโลหิตวิญญาณอย่างตามใจ ราวกับกำลังจับของเหลววิญญาณที่กำลังหนี

เมื่อหูอวี้ซวงเห็นดังนั้น ลำแสงวิญญาณตรงกลางฝ่ามือของนางก็สว่างขึ้น เตรียมพร้อมปิดการใช้งานมันอีกครั้งในเหมือนเช่นตอนแรก

ในตอนนั้นเอง ชายชราร่างผอมหน้าเปลี่ยนสี ตวาดออกมาอย่างโมโหว่า

“หยุดนะ นั่นเจ้าจะทำอะไรน่ะ”

สิ้นเสียงนั้น มหาเมธีของกลุ่มพันธมิตรท่านนี้ก็สะบัดแขนเสื้อ ฝ่ามือที่เหมือนจะธรรมดาปรากฏออกมา ครู่เดียวก็กลายเป็นฝ่ามือสีฟ้าขนาดใหญ่พอที่ปกคลุมท้องฟ้า ตรงเข้ามาทางชายสวมชุดคลุมสีดำผู้นั้น

เมื่อหูอวี้ซวงเห็นดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนสีทันที ลำแสงสีทองที่ปลายนิ้วสว่างขึ้น และพุ่งตรงไปที่อ่างน้ำทันที

แต่ว่ามันสายไปเสียแล้ว

ชายสวมชุดคลุมสีดำส่งเสียงหัวเราะแปลกๆ เขาไม่สนใจฝ่ามือขนาดยักษ์ที่อยู่เหนือศีรษะของเขา ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ระเบิดม่านแสงสีเงิน และมุ่งหน้าไปด้านหน้าทันที

ฉากที่น่าอันตรายก็ปรากฏขึ้น

หลังจากแสงสีเงินสว่างวาบ ขนาดของในอ่างน้ำก็ยังดูเลือนราง และหายไปจากที่เดิมของมัน

แต่ว่าในตอนนั้นเอง ฝ่ามือยักษ์สีฟ้าก็กดมันลงมาอย่างแรง ด้วยพละกำลังมหาศาลขนาดนี้ ยากนักที่ชายผู้นี้จะหลบหนีออกมาได้…

เสียงกระแทกดังขึ้น “ตู้ม”

เหนือศีรษะของชายสวมชุดคลุมสีดำมีระลอกคลื่นเกิดขึ้น เงาสีเทาสายหนึ่งโผล่ขึ้น พริบตาเดียวก็มีฝ่ามือสีแดงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น เขาซัดฝ่ามือพุ่งขึ้นไปด้านบนอย่างไม่ลังเล

เสียงดังสนั่นราวกับแผ่นดินไหว

ฝ่ามือขนาดยักษ์ทั้งสองฝ่ายประสานกันอย่างพอดี ระลอกคลื่นที่เกิดจากการปะทะก็แผ่ขยายออกไป ผู้หญิงทั้งสามคนที่สวมชุดนางใน รวมถึงหูอวี้ซวงก็ปลิวออกจากเวทีไป

คาดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าลงมือกลางงานประมูล เงาสีเทาร่วมมือกับชายชุดดำคนนั้นขโมยโลหิตจิตวิญญาณ

หานลี่ที่อยู่ในห้องรับรองกลางอากาศตกตะลึงเล็กน้อย

ใบหน้าของชายชราร่างผอมเต็มไปด้วยความโกรธ เขาร่ายคาถาด้วยมือข้างหนึ่ง ลูกบอลคริสตัลสีเขียวและค้อนสีเงินขนาดเล็กพุ่งออกมาร่างกายของเขา

หลังจากลูกคริสตัลสีเขียวลอยขึ้นไปบนฟ้าแล้ว ม่านแสงสีเขียวก็แผ่ขยายปกคลุมทั่วทั้งเวทีหินนั้น

ส่วนค้อนสีเงิน หลังจากที่มันแกว่งไปมา เจ้าของก็คว้ามันและเหวี่ยงไปมาในอากาศ มันก็ขยายใหญ่ขึ้น พร้อมส่งเสียงคำรามและประจุสายฟ้าสีเงินที่ปรากฏออกมา

“เจ้าสองคนเป็นใครกันแน่ คาดไม่ถึงว่าจะกล้ามาเล่นหัวข้าเช่นนี้” ชายชราร่างผอมถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ แม้ว่าเขาจะถูกขโมยโลหิตวิญญาณ แต่เขากลับไม่ตกใจเลยสักนิด

ไม่ว่าจะเป็นชายชุดคลุมสีดำหรือเงาสีเทา ระดับของเขาอยู่ระดับมหาเมธีขั้นไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคนไม่มีชื่อเสียง

ผู้อาวุโสกลุ่มการค้าพันธมิตรอีกสามคนที่อยู่ตามมุมเวที ก็ยืนขึ้นพร้อมสีหน้าไร้อารมณ์ ผิวของพวกเขามีลำแสงวิญญาณส่องสว่างขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง พวกเขาล้อมรอบชายชุดดำและเงาสีเทาเอาไว้ทุกทิศแล้ว

เสียงดนตรีที่อยู่กลางอากาศที่หยุดลง เมฆห้าสีกระจายตัวออกมา ทหารสวมชุดเกราะไอสังหารแรงกล้ากลุ่มหนึ่งปรากฏตัวออกมา ครู่หนึ่งก็อยู่เต็มงานประลองไปหมด

ในขณะเดียวกันวงแหวนที่คล้ายจะมีคล้ายไม่มีก็เกิดขึ้นเต็มพื้นที่เวที คล้ายว่าตรงนั้นได้กลายเป็นพื้นที่ต้องห้ามไปแล้ว

ตอนนั้นเอง เงาสีเทาก็ค่อยจางหายไป บางทีในที่สุดมันจะปรากฏร่างที่แท้จริงแล้ว กลับเป็นชายชราผู้หนึ่งตัวเตี้ย สวมชุดสีเทา และไว้เครายาว

“ได้ของมาจริงๆ หรือ อย่าให้พวกมันหลอกเอาของปลอมมาให้ล่ะ” ชายชราเครายาวถามชายชุดดำเสียงเรียบ

“หึๆ ข้าเป็นคนลงมือ เจ้ายังไม่วางใจอีกหรือ เลือดบรรพบุรุษมังกรนี่เป็นของแท้แน่นอน ไม่เช่นนั้นข้าไม่ลงมือง่ายๆ แบบนี้หรอก” ชายชุดดำหัวเราะเสียงต่ำ

“เช่นนั้นก็ดี ให้คุ้มกับที่เราออกจากเผ่ามาหน่อย เช่นนี้ต้องวุ่นวายอีกนานแน่นอน” ชายชราเครายาวแสดงสีหน้าพอใจ

ทั้งสองคนพูดคุยกันโดยที่เมินผู้อาวุโสทั้งสี่ของกลุ่มพันธมิตรอย่างสมบูรณ์แบบ

เมื่อผู้อาวุโสร่างผอมเห็นดังนั้นก็รู้สึกโกรธอย่างมาก สีหน้าของเขากลับไม่มีความประหลาดใจ แต่เขากลับถามออกมาอย่างเย็นชาว่า

“สหายทั้งสอง ต่อให้ตอนนี้เจ้าบินได้ก็เกรงว่าจะหนีไม่พ้น หากเจ้าคืนโลหิตวิญญาณมาให้ข้าในตอนนี้ กลุ่มพันธมิตรจะลดโทษให้พวกเจ้า ว่าพวกท่านกระทำการอย่างหุนหันพลันแล่นเท่านั้น แต่ถ้าหากท่านต้องการจะขโมยมันไปจริงๆ ก็อย่าหาว่ากลุ่มพันธมิตรของข้าลงมือกับเจ้าอย่างโหดเหี้ยมเลยนะ”

“ฮ่าๆ ฝันไปเถอะ พวกเจ้าคิดว่าพวกเราสองคนใช้เวลามานานขนาดนี้เพื่ออะไรกันเล่า อย่าคิดถึงเรื่องอื่นเลย” ชายชุดดำหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สีหน้าของเขายังมีการเยาะเย้ยอยู่เลย

“จะไปพูดพล่ามกับพวกเขาทำไม รีบไปกันเถอะ” ชายชราเครายาวกลับพูดอย่างไม่อดทน

“วางใจเถอะ หากพวกเราสองคนคิดจะหนีแล้วล่ะก็ พวกเขาคิดจะขวางอย่างไรก็ขวางไม่อยู่หรอก” สีหน้าของชายชุดดำดูคล้ายไม่สนใจอะไร แต่เขากลับพลิกมือข้างหนึ่งขึ้นมา ทันใดนั้นจานแปดเหลี่ยมสีเขียวก็ปรากฏขึ้นมา จากนั้นเขาก็โยนมาขึ้นไปบนท้องฟ้า

บางสิ่งที่คาดไม่ถึงก็ปรากฏขึ้น

จานแปดเหลี่ยมมีลำแสงวิญญาณส่องออกมา ต้นกล้าสีเขียวโผล่ออกมาจากกลางอากาศ พริบตาเดียวเท่านั้น มันก็กลายเป็นต้นไม้สีเขียวดำขนาดยักษ์

เมื่อหานลี่มองต้นไม้ยักษ์ต้นนั้นอย่างชัดเจน ลูกตาดำของเขาก็หดเล็กลง