บทที่ 908 อย่าเข้าใจผิด

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 908 อย่าเข้าใจผิด

บนหน้าจอกำลังแสดงภาพของการเดินขบวนประท้วง

“หลินเป่ยเฉิน วีรบุรุษแห่งแผ่นดิน”

“อดทน ซื่อสัตย์ ขยันขันแข็ง ผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทาน”

“หลินเป่ยเฉิน ผู้งามสง่า…”

“หลินเป่ยเฉิน เทพผู้พิทักษ์พวกเรา…”

“หลินเป่ยเฉิน ยอดอัจฉริยะผู้เสียสละแห่งจักรวรรดิเป่ยไห่”

“หลินเป่ยเฉิน ผู้ที่ถูกเลือกจากเทพเจ้า”

“หลินเป่ยเฉินคือผู้กอบกู้เมืองเจาฮุย…”

“โอสถเป่ยเฉิน โอสถเป่ยเฉิน”

การประสานเสียงดังสนั่นฟ้าดินสะเทือน

สีหน้าของผู้ร่วมชุมนุมเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

พวกเขาเดินคล้องแขนไหล่ชนไหล่ราวกับทหารกล้าในสนามรบ มุ่งหน้าตรงไปยังถนนสายหลักของตัวเมืองราวกับกระแสน้ำป่าไหลหลาก

“บุรุษผู้งดงามเป็นที่หนึ่ง หลินเป่ยเฉิน”

“เทพผู้พิทักษ์แห่งเมืองหยุนเมิ่ง”

“หลินเป่ยเฉินผู้แข็งแกร่งที่สุดแห่งจักรวรรดิเป่ยไห่”

โดยเฉพาะเด็กหนุ่มผู้ใส่หน้ากากสีเงินครึ่งซีก เขาคือคนที่ตะโกนถ้อยคำชื่นชมหลินเป่ยเฉินออกมาดังมากที่สุด จนได้ปรากฏออกมาบนหน้าจอถ่ายทอดสดมากที่สุดเช่นกัน

ในห้องน้ำชาขณะนี้

เว่ยหมิงเฟิง หวงซืออวี่และคนอื่นๆ กำลังหัวเราะเฮฮา สีหน้าประดับรอยยิ้มอำมหิต

ม่านการแสดงแห่งฉากนองเลือดได้ถูกดึงขึ้นไปแล้ว

จักรวรรดิเป่ยไห่ที่เงียบสงบมานานปี กำลังจะเกิดความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง

ไม่ต่างจากมังกรเทพตัวหนึ่งที่เมื่อแก่ชราแล้วก็ไร้เรี่ยวแรงจะบินบนท้องฟ้า ยามลงมาเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นดิน สง่าราศีที่เคยมีย่อมหมดสิ้นลง

และวันนี้ บรรดาสัตว์ชั้นต่ำที่เคยแหงนหน้ามองมังกรเทพด้วยความหวาดกลัวก็ได้เวลาคิดบัญชีแค้น แยกเขี้ยวกางกรงเล็บ พุ่งตรงเข้าไปฉีกกระชากเนื้อหนังของมังกรตัวนั้นสาดกระจาย…

ยุคสมัยใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น

นี่คือพิธีการไถ่บาปด้วยเลือดและโครงกระดูก ยอดจักรพรรดิองค์ใหม่กำลังจะถือกำเนิดเกิดขึ้นแล้ว

ทุกคนในห้องน้ำชาล้วนรู้สึกว่าตนเองเลือกรับใช้นายท่านได้ถูกคน

พวกเขาเพียงรอคอยให้เลือดหยดแรกตกลงบนพื้นถนนเท่านั้น

หน้าจอถ่ายทอดสดมีขนาดใหญ่

ขบวนผู้ประท้วงเดินไปถึงถนนที่เป็นดินโคลน

ถนนดินโคลนมีความยาวหลายลี้ สองข้างตั้งด้วยหอคอยหินสูงตระหง่านและอาคารบ้านเรือนมากมาย เดิมทีเคยเป็นบ้านพักของหน่วยองครักษ์ฟูเจี๋ย ซึ่งเป็นหน่วยองครักษ์ของสมาชิกคนหนึ่งในกลุ่ม 66 องครักษ์ แต่สถานที่นี้ถูกทิ้งร้างไปนานปี หอคอยหินและบ้านเรือนไร้คนดูแล กลายเป็นสถานที่วังเวงน่าหดหู่ใจ…

“หึหึ นี่ก็เข้ายามบ่ายแล้ว”

รอยยิ้มอำมหิตปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเว่ยหมิงเฟิง

บนหน้าจอถ่ายทอดสดขณะนี้ เขาจ้องมองพวกของเยวียนเหวินจวิ้นที่เดินอยู่แนวหน้าของขบวน บุรุษหนุ่มสามารถเห็นเหตุการณ์ได้ล่วงหน้าว่าอีกไม่กี่อึดใจต่อจากนี้ สายโลหิตจะต้องไหลทะลักออกมาจากลำคอของกลุ่มแกนนำแน่นอน

“สิบ เก้า แปด…”

หวงซืออวี่ยิ้มกริ่ม

เริ่มต้นนับถอยหลัง รอเวลาที่ยมทูตจะมาเก็บเกี่ยวชีวิตผู้คน

ผู้ที่อยู่ในห้องน้ำชาคนอื่นๆ วางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะ กลั้นหายใจและรอคอยให้ฉากแห่งการนองเลือดเปิดฉากขึ้น

บนหน้าจอถ่ายทอดสดขณะนี้

ขบวนผู้ประท้วงเดินไปบนถนนดินโคลน

เดินกันไปอย่างปลอดภัย

รอยยิ้มบนใบหน้าเว่ยหมิงเฟิงหายไปแล้ว

แววตาที่อำมหิตเปลี่ยนแปลงเป็นความมึนงงสงสัย หัวคิ้วเลิกขึ้นสูง

“สาม สอง หนึ่ง… หนึ่ง… หนึ่ง… หนึ่ง?”

สิ้นสุดการนับถอยหลัง ไม่มีใครจะตกตะลึงมากไปกว่าหวงซืออวี่อีกแล้ว เขานับคำว่าหนึ่งทวนซ้ำหลายสิบรอบ สุดท้ายก็ต้องอุทานออกมาว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

เขามองนาฬิกาทรายที่ตั้งอยู่ข้างตัว

ใช่แล้ว!

เลยกำหนดการลงมือมาแล้ว

ทำไมถึงยังไม่มีการฆ่าคนเกิดขึ้นอีก?

หนี่ซานเหยียน ชินอวี้หมิน และคนอื่นๆ พบเห็นทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ถนนดินโคลนสายนี้คือจุดโจมตีจุดแรก

เป้าหมายการสังหารคือกลุ่มแกนนำที่เดินอยู่หน้าขบวน

แผนสังหารนั้นเรียบง่าย ต่อให้ไม่สามารถฆ่าได้ครบหมดทุกคน แต่ขอแค่สังหารได้สักหลายคน ความโกรธแค้นของกลุ่มเด็กหนุ่มเด็กสาวกว่า 40,000 ชีวิตก็จะยิ่งทำให้เรื่องราวแย่ลงแน่นอน

แต่ตอนนี้เล่า?

ขบวนผู้ประท้วงกลับเดินผ่านถนนดินโคลนได้อย่างปลอดภัย

ไร้ภัยอันตรายคุกคาม

ทุกอย่างราบรื่น

หวงซืออวี่มีสีหน้าเคร่งเครียด

เขาลุกขึ้น พูดว่า “ข้าน้อยจะออกไปตรวจสอบ”

ชายชราเดินออกไปนอกห้องน้ำชา

ผ่านไปชั่วต้มน้ำเดือด หวงซืออวี่ก็เดินกลับเข้ามาอย่างเร็วรี่

ใบหน้าอ้วนขาวบ่งบอกถึงความสยดสยอง

หวงซืออวี่เดินกลับเข้ามาในห้องน้ำชาภายใต้การจ้องมองด้วยความร้อนรนของทุกผู้คน เขาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าเว่ยหมิงเฟิงและประสานมือ รายงานว่า “กราบเรียนใต้เท้าเว่ย สถานการณ์ไม่ถูกต้องขอรับ ผู้คนที่เราจัดเตรียมเอาไว้ได้หายตัวไปหมดสิ้นแล้ว”

ความเงียบปกคลุมห้องน้ำชาทันที

พวกเขารู้เกี่ยวกับแผนการสังหารครั้งนี้เพียงเล็กน้อย

แต่ก็รู้ดีว่ามือสังหารที่ถูกส่งตัวไปนั้นล้วนแต่เป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น

มือสังหารมีอยู่ด้วยกันถึงหกคน

หนึ่งในนั้นมีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ระดับหก อีกทั้งยังถือกำเนิดเกิดมาจากเมืองเจี้ยนหยวน เก่งกาจเรื่องการลอบสังหารมากที่สุด

แต่มือสังหารเหล่านี้กลับหายตัวไปได้อย่างไร?

เมื่อคิดทบทวนดูอย่างละเอียด ผู้คนในห้องน้ำชาก็เริ่มเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว

พวกเขาพยายามปฏิเสธความคิดที่ผุดขึ้นในใจ

หัวคิ้วของเว่ยหมิงเฟิงขมวดมุ่นราวกับกระบี่สองเล่มที่กำลังพัวพันกัน

“เฝ้าดูต่อไป”

เขากัดฟันพูดแช่มช้า

ครั้งนี้ บุรุษหนุ่มไม่ได้ขว้างปาถ้วยน้ำชาใส่หน้าผากหวงซืออวี่เพื่อระบายอารมณ์โกรธแค้นอีกแล้ว

เนื่องจากการที่มือสังหารเหล่านี้หายตัวไปอย่างลึกลับนั้น อยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของหวงซืออวี่และมันก็ไม่ใช่ความผิดพลาดของฝ่ายพวกเขา

บรรยากาศในห้องน้ำชาเริ่มแปลกประหลาดมากขึ้น

เสียงพูดคุยหัวเราะเฮฮาก่อนหน้านี้จากกลุ่มคนตระกูลเว่ยพลันเงียบงันจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นตึกๆ

หลายครั้งสถานการณ์ก็เกินการควบคุมด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้เอง

กลุ่มผู้ประท้วงบนหน้าจอถ่ายทอดสดยังเดินขบวนกันต่อไป

พวกเขาผ่านจุดที่สมควรเป็นจุดสังหาร แต่กลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

สีหน้าของทุกคนในห้องน้ำชายิ่งมายิ่งเคร่งเครียด

สุดท้าย ดวงตาของหลายคนก็เป็นประกายวาววูบ

มีปัญหาเกิดขึ้นแล้ว!

เป็นปัญหาใหญ่เสียด้วย!!

หากเกิดเหตุการณ์ชุลมุนในจุดสังหารและกลุ่มผู้ประท้วงมีคนคอยอารักขาอยู่ นั่นยังพอเป็นเหตุผลที่รับฟังได้บ้าง แต่กลุ่มผู้ประท้วงกลับสามารถเดินผ่านจุดสังหารได้อย่างราบรื่นปลอดภัย ไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นเลยสักครั้ง…

นั่นหมายความว่าการลอบสังหารของพวกเขาล้มเหลวไม่เป็นท่า

หัวคิ้วของเว่ยหมิงเฟิงยิ่งขมวดพันกันมากกว่าเดิม

เขายกมือขึ้นนวดขมับตนเอง

มีเพียงเว่ยหมิงเฟิงเท่านั้นที่รู้ว่าตนเองวางมือสังหารไว้ตรงบริเวณใดบ้าง แต่นี่ก็ผ่านมาได้หลายสิบจุดแล้ว เหตุไฉนการสังหารถึงยังไม่เกิดขึ้น?

นี่เป็นฝีมือของผู้ใดกัน?

“พวกท่านเชิญกลับไปก่อน”

เว่ยหมิงเฟิงยกมือโบกสะบัด

ยามเกิดปัญหาใหญ่ เขาก็ยังคงเป็นคนที่เยือกเย็นมากที่สุด

ทุกคนลุกขึ้นประสานมือคำนับเตรียมตัวเดินออกจากห้อง

ทันใดนั้น…

ก๊อกก๊อกก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง

หวงซืออวี่ขมวดคิ้วและเดินไปเปิดประตู

แต่ชายชรากลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่าผู้ที่ยืนอยู่หน้าประตูไม่ใช่พ่อบ้านหวงจง

บัดนี้ ผู้ที่ยืนอยู่หน้าประตูเป็นเด็กหนุ่มร่างอ้วนดวงตาสุกใส แต่งกายชุดขาว มือข้างหนึ่งยกน่องไก่ต้มขึ้นรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย

สองข้างของเด็กหนุ่มคนนี้ขนาบด้วยเด็กสาวหน้าตางดงามฝั่งละคน

หนึ่งในเด็กสาวพับแขนเสื้อขึ้นมามีสีหน้าดุดัน ไม่เพียงแต่จะไม่ทำให้ความงดงามลดน้อยลงแล้ว กลับยิ่งช่วยเพิ่มเสน่ห์เสริมสร้างให้นางดูสวยงามมากขึ้นอีกด้วย

ส่วนเด็กสาวอีกคนหนึ่งนั้นมีรูปโฉมสวยหวาน ให้ความรู้สึกนุ่มนวลอ่อนโยน แต่นางก็กำลังพับแขนเสื้อขึ้นมา คล้ายกับว่าเตรียมตัวพร้อมสำหรับมีเรื่องต่อยตีแล้วเช่นกัน

“พวกเจ้าเป็นใคร?”

หวงซืออวี่ถามด้วยสีหน้าถมึงทึง

เกิดอะไรขึ้นกับหวงจง เหตุไฉนถึงปล่อยให้คนแปลกหน้ามาบุกรุกจวนของพวกเขาได้?

หวงจงยังคงไม่ปรากฏตัว

ในทางกลับกัน เด็กหนุ่มร่างอ้วนที่กำลังรับประทานน่องไก่พลันเงยหน้าขึ้นยิ้มแย้มตอบว่า “ใต้เท้าหวง ท่านอย่าได้เข้าใจผิด ท่านไม่ต้องร้องไห้ ท่านไม่ต้องเป็นกังวล พวกเรามาที่นี่ไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยง ไม่ได้มารับประทานอาหารของท่าน และไม่ได้มาที่นี่เพื่อก่อปัญหาใดๆ…”

พูดมาถึงตรงนี้ เด็กหนุ่มร่างอ้วนก็หยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนจะโยนน่องไก่ที่เหลือเพียงกระดูกทิ้งไปบนพื้น เช็ดมือกับชายเสื้อของตัวเองและกล่าวเน้นย้ำทีละคำว่า “แต่เรามาที่นี่เพื่อฆ่าคน!!!”