“เอาชุดเกราะของผมมา!” หงเวยพูดเสียงทุ้มต่ำ

……

……

ณ รัฐสภา ท่านพูดคุยเรื่องการทหารกับเจียงเหอซานหงุดหงิดใจอย่างมาก ชงชาหอมกรุ่นหนึ่งแก้วเพื่อพักผ่อน

ทันใดนั้นก็มีเสียงรบกวนดังขึ้นมา

“จอมพล ห้ามเข้าไป ห้ามเข้าไปขอรับ! ท่านกำลังพักผ่อนอยู่……”

“ไสหัวไป!”

จากนั้นก็เห็นจอมพลหงสวมชุดเกราะ ถือกาบเล่มใหญ่บุกเข้ามา ข้างหลังมีคนกลุ่มหนึ่งเกลี้ยกล่อมให้หงเวย อย่าเข้ามารบกวนตน

หงเวยทั้งสามชั่วอายุคนมีความจงรักภักดี ขณะที่ตระกูลท่านยังไม่มีอำนาจของตนเองก็ติดตามบรรพบุรุษไปทำสงครามทิศเหนือใต้ ส่วนหงเวยคือจอมพลผู้ก่อตั้งเมือง สร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์ ได้รับการเคารพยกย่องจากพลทหาร ตัวเขาเองก็เชื่อฟังและจงรักภักดีมาก ไฉนวันนี้กลับมีกิริยาที่ก้าวร้าวเช่นนี้ได้?

ในใจของท่านมีลางสังหรณ์บ้างเกิดขึ้น เกรงว่าเรื่องนั้นจะจบลงได้ยาก

ท่านโบกมือเพื่อให้ลูกน้องออกไป มองไปที่นัยน์ตาของหงเวย ความน่าเกรงขามก็แผ่ซ่านออกมาทันที ทำให้ต้องเงยหน้ามองขึ้นไป

หงเวยโยนกาบที่อยู่ในมือไปข้าง ๆ ถอดชุดเกราะออกต่อหน้าท่าน ถอดชุดคลุมจอมพลที่เกรียงไกรทิ้งไปโดยไม่รู้สึกเสียดาย

“ท่าน!” ผลงานของพลเอกอาวุโสหงยิ่งใหญ่เกรียงไกร เขาคุกเข่าลงไปแสดงความเคารพต่อท่าน ทันใดนั้นทำให้ท่านรู้สึกตกตะลึง ความน่าเกรงขามก็หายไป

“ผู้อาวุโสหงนี่หมายความอย่างไร?” ท่านรีบเข้าไปพยุงหงเวยขึ้นมา แต่ทำอย่างไรก็พยุงขึ้นมาไม่ได้

“ผมอายุมากแล้ว เกรงว่าจะไม่มีกำลังคุมกองทหารได้แล้ว ขอให้ท่านอนุญาตผมปลดชุดเกราะออกกลับสู่บ้านไร่ทุ่งนา!” หงเวยไม่ยอมลุกขึ้น พูดด้วยความดื้อรั้น

เจียงเหอซานเห็นหงเวยกระทำเช่นนี้ ขมวดคิ้วเข้าด้วยกัน เมื่อครู่นี้เขาเพิ่งจะปรึกษากับท่านว่าควรจัดการความโกรธแค้นระหว่างเฉินโม่กับตระกูลหงอย่างไรดี แต่คิดไม่ถึงว่าจอมพลหงอาวุโสกลับทำการตัดสินใจในแบบที่พวกเขากังวลมากที่สุด

“จอมพล!” ท่านกลืนไม่เข้าคายไม่ออก กล่าวว่า : “เกิดเหตุอันใดขึ้นหรือ จอมพลพูดออกมาผมจะได้ช่วยเหลือจอมพลบ้าง! จอมพลถอนตัวออกจากกองทัพไปเช่นนี้ ไม่กลัวว่าทหารผู้แข็งแกร่งจะใจหายหรือ? อีกทั้งเผ่ามังกรของเราก็ยังต้องการจอมพล แม้ว่าจอมพลจะมีอายุที่มาก แต่อายุมากก็ยิ่งมีความแข็งแกร่งหนักแน่นมากนะ! จอมพลลุกขึ้นมาก่อน เกิดเหตุอันใดขึ้นกันแน่ จอมพลพูดออกมา ผมกับเหอซานจะร่วมด้วยช่วยกันแก้ไขให้จอมพล”

หงเวยยังคงไม่ลุกขึ้นมา พูดอย่างโศกเศร้าว่า : “ผมจงรักภักดีทั้งสามชั่วอายุคน สร้างผลงานที่ประจักษ์แก่เผ่ามังกร ไม่เคยร้องขออะไรจากท่านเลย วันนี้ขอให้ท่านรับปากกับผมเพียงเรื่องเดียว”

ทันใดนั้นท่านตกตะลึง ปล่อยมือที่พยุงตัวหงเวยออก ถามว่า : “ขอร้องเรื่องอะไร?”

“ท่าน!” หงเวยก้มหัวลงบนพื้นอย่างรุนแรงและพูดว่า : “ทายาททางสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวของผม กระทั่งตอนนี้ซิงกั๋วหลานชายเพียงคนเดียวที่ผมมี แต่คิดไม่ถึงว่าเฉินไต้ซือที่ได้รับความเคารพยกย่องจากคนนับหมื่น กลับฆ่าซิงกั๋วอย่างอนาถเหตุเพราะหญิงสาวเพียงคนเดียว ขอให้ท่านเป็นผู้ตัดสินแทนผม ฆ่าเฉินโม่ผู้นี้ที่ไม่เคารพตามกฎ ฆ่าผู้ที่บริสุทธิ์!”

“จอมพล!” เจียงเหอซานลุกขึ้นพร้อมพูดว่า : “เหตุการณ์นี้พวกเราต่างก็รู้แล้ว อาจจะเกิดความเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง เรื่องนี้แม้ว่าเฉินไต้ซือจะผิด แต่เกรงว่าสาเหตุทั้งหมดนี้จะเกิดจากหลานของจอมพล! หากไม่ใช่เพราะเขาทำร้ายมู่หรงยานเอ๋อร์ เฉินไต้ซือก็ไม่ทำเรื่องแบบนี้ขึ้นอย่างแน่นอน”

“ทำร้าย?” หงเวยเงยหน้าขึ้นมองไปที่เจียงเหอซานด้วยความโกรธเคือง พูดเสียงทุ้มต่ำว่า : “หลานชายของผมชื่นชอบมู่หรงยานเอ๋อร์ แม้ว่าวิธีการจะต่ำทรามไปหน่อย แต่มู่หรงยานเอ๋อร์ก็ไม่ถูกทำร้ายไม่ใช่หรือ? อย่ามาบอกว่าโดนหลานชายของผมชิงสุกก่อนหามเลย แม้แต่เส้นผมก็ยังไม่หลุดแม้แต่เส้นเดียว! และตระกูลหงของผมจงรักภักดีทุกชั่วอายุคน หรือว่าเป็นเพียงเพราะหญิงสาวคนเดียวก็จะทำตัดการสืบทอดทายาทของตระกูลหงของผมได้เลยงั้นหรือ!”

“อย่าว่าแต่ซิงกั๋วไม่ได้ทำอะไรกับมู่หรงยานเอ๋อร์เลย ถึงแม้จะลงมือทำแล้วเยี่ยงไร! ตระกูลหงของผมสู่ขอมู่หรงยานเอ๋อร์เป็นภรรยาแล้ว จะทำให้เธอขายหน้างั้นหรือ!”

“ท่าน! ผมมิบังอาจ! ขอให้ท่านช่วยตัดสินแทนผม!” น้ำตาอันเศร้าโศกและเสียใจของหงเวย ก็ไหลรินออกมา