คำพูดของหงเวยมีหลักเหตุผล ทำให้ท่านเกิดความรู้สึกที่ไม่อาจปฏิเสธได้
หงซิงกั๋วเป็นถึงหลานของจอมพลเผ่ามังกร ต้องเสียชีวิตไปเพียงเพราะหญิงสาวคนเดียวที่อยู่ในโลก เฉินโม่ทำเกินเหตุไปหรือเปล่า?
แต่ปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างทำสงครามกับนักบู๊โบราณ เฉินโม่เป็นนักสู้ชั้นยอดอันดับหนึ่งของรายชื่อเทพ เป็นสัญลักษณ์ผู้ทรงอำนาจของเผ่ามังกร และมีชื่อเสียงโด่งดังในโลกฝึกบู๊ สู้จนได้รับฉายานามเฉินไต้ซือ ไม่ต้องพูดถึงว่าได้รับโทษหรือไม่ แม้จะได้รับโทษเกรงว่ากว่าจะจับเขาได้ก็ยากพอสมควร
ท่านรู้สึกเพียงสมองตื้อ มองไปที่เจียงเหอซาน อยากจะถามเขาว่ามีวิธีการอะไรบ้าง
เจียงเหอซานรู้และเข้าใจว่าตอนนี้ท่านตัดสินใจยาก จึงพูดกับหงเวยว่า : “จอมพล พวกเรายอมรับคำร้องขอนี้ของจอมพล!”
“ว่าไงนะ!” ท่านตกตะลึงงัน จ้องมองไปที่เจียงเหอซาน กลับพบว่าเจียงเหอซานส่งแววตาที่สบายใจได้ไปให้เขา
“เช่นนี้ ผมขอขอบพระคุณท่านอย่างยิ่ง” หงเวยคุกเข่ากล่าวคำขอบคุณ จากนั้นลุกขึ้นยืนภายใต้การช่วยเหลือของท่าน นั่งลงเพื่อปรึกษากับท่านว่าจะฆ่าเฉินโม่เยี่ยงไร
“ยินดีกับจอมพลด้วย ยินดีกับจอมพลด้วย ความปรารถนาของจอมพลเป็นจริงแล้ว บันทึกลงในหนังสือประวัติศาสตร์ ชื่อเสียงฉาวโฉ่ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ชั่วอายุคน จอมพลก็ยังต้องโดนคนอื่นด่าทอ ตราตรึงอยู่ในใจของผู้คน เหมือนดั่งวีรบุรุษเหล่านั้น” เจียงเหอซานลุกขึ้นและโค้งคำนับกล่าวคำยินดีต่อหงเวย อย่างฉับพลัน
สีหน้าหงเวยเปลี่ยนไปมาก ยืนขึ้นมาในทันที มองเจียงเหอซานด้วยความโกรธเคือง พูดเสียงทุ้มต่ำว่า : “เจียงเหอซาน! นายหมายความว่าอย่างไร? ผมเป็นทหารมาทั้งชีวิต จงรักภักดีต่อท่าน ทำสงครามเป็นที่ประจักษ์……”
“จอมพล!” เจียงเหอซานพูดขัดจังหวะหงเวยขึ้นมา ตะคอกว่า : “ไม่ว่าจอมพลจะมีผลงานที่เกรียงไกรเช่นไร จะยิ่งใหญ่ไปกว่าการทำลายล้างเผ่ามังกรให้สิ้นงั้นหรือ!”
“เจียงเหอซาน!” หงเวยมองตาขวาง ชี้ไปที่เจียงเหอซานแล้วตะโกนว่า : “นายอย่าใส่ร้ายป้ายสีผม! ผมเคยทำให้เผ่ามังกรถูกทำลายล้างได้เยี่ยงไร! ผมกับเผ่ามังกร……”
“หงเวย!” เจียงเหอซานโกรธเคืองอย่างมาก ขัดจังหวะการพูดของหงเวยอีกครั้ง ชี้ไปที่เขาและตะโกนว่า : “จอมพลสู้เพื่อเผ่ามังกรมาทั้งชีวิตก็จริง แต่วันนี้จอมพลกลับร้องขอให้ฆ่าทำร้ายเฉินโม่ที่เป็นดาวกอบกู้เผ่ามังกรไว้ เพียงเพราะความต้องการส่วนตัว นี่ยังไม่เพียงพอต่อการทำลายล้างเผ่ามังกรหรือ! แค่หงเวยอย่างนายสามารถสู้รบปรบมือกับนักบู๊โบราณหรือ!”
คำพูดของเจียงเหอซานเหมือนสายฟ้าที่ฟาดลงมาจากฟากฟ้าทำให้หงเวยตะลึงงัน มีความล่องลอย
ถูกต้อง เพียงหงเวยอย่างเขา……จะสู้รับมือกับนักบู๊โบราณได้หรือ?
หงเวยนึกถึงความพ่ายแพ้จากการทำสงครามกับนักบู๊โบราณนับครั้งไม่ถ้วนของตน และนึกขึ้นได้ว่าหลังจากที่เฉินโม่ปรากฏตัวใช้ความสามารถของเขาคนเดียวก็พลิกสถานการณ์ให้ดีขึ้นมาได้โดยสิ้นเชิง จึงทำให้เผ่ามังกรในปัจจุบันเทียบเท่ากับนักบู๊โบราณ รู้สึกขมขื่นอยู่ในใจ
“จอมพลสร้างผลงานที่โดดเด่นให้กับเผ่ามังกร แผ่นดินครึ่งหนึ่งของเผ่ามังกรได้มาเพราะจอมพล!” เจียงเหอซานโค้งคำนับและพูดกับท่านด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า : “ขอให้ท่านนำเผ่ามังกรทั้งหมด มาตบรางวัลผลงานการทำสงครามให้กับจอมพล!”
ท่านมองไปที่เจียงเหอซานด้วยความชื่นชม แกล้งทำสีหน้าตกใจ และพูดด้วยความเศร้าใจว่า : “ทำได้เพียงสงสารบรรพบุรุษที่สร้างมากับมือ สุดท้ายแล้วหลานอกตัญญูคนนี้ก็ไม่อาจรวมแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่นเดียวกันได้! เฮ้อ~~”
หงเวยคุกเข่าลงอย่างลนลาน ความเศร้าโศกเกิดขึ้นอย่างห้ามไว้ไม่อยู่ พูดทั้งน้ำตาว่า : “ท่าน ผมหงเวยไม่ได้หมายความเช่นนี้ ผม……ผม……ผมเพียงแค่เจ็บปวดใจเพราะหลานชายที่ไม่รู้จักโตของผมเท่านั้น!”
ท่านพยุงตัวหงเวยขึ้นมาอีกครั้ง พูดด้วยเสียงที่นุ่มนวลว่า : “ขอแสดงความเสียใจต่อจอมพลด้วย ขอให้จอมพลคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวมเป็นหลักสำคัญ จักรพรรดิบรรพบุรุษของผมจะต้องรู้สึกทราบซึ้งในพระคุณของจอมพลอย่างแน่นอน!”
“ผมมิบังอาจ!” หงเวยรีบพูดโดยเร็ว : “ขอท่านอย่าพูดเช่นนี้ ผมละอายใจที่จะน้อมรับไว้แล้ว”