บทที่ 860 ตกตะลึงอย่างต่อเนื่อง

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

ในตอนนี้ฉินหวงและเจียงหวงกำลังใช้ข้ออ้างในเรื่องผลประโยชน์ต่อผู้คนบนโลก เพื่อโน้มน้าวให้เหลียนปู้ชิงและหวงอี้เฟยตีตัวออกห่างจากหลิงยี่เทียน

พวกเขาคิดว่าตราบใดที่หลิงยี่เทียนไม่มีเหลียนปู้ชิงและหวงอี้เฟยคอยสนับสนุน อาณาจักรจันทราก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคามอะไรต่อพวกเขา

แต่แล้วเมื่อตอนนี้หลิงยี่เทียนงัดเอาผู้สนับสนุนคนใหม่ขึ้นมา เพื่อไม่ให้มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีก เจียงหวงจึงพูดแทรกขึ้นก่อนที่มี่ตั้วตั้วจะทันได้พูดอะไรออกไปว่า “น้องยี่เทียน อาณาจักรของเจ้านั้นมีอาณาเขตน้อยเกินไปนี่เป็นเรื่องที่เจ้าไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้นเมื่ออาณาจักรของเจ้ามีขนาดเล็ก มันก็หมายความว่าสภาพแวดล้อมของเจ้ามันไม่ใหญ่พอจะรองรับปรมาจารย์ทั้งสองท่านได้อย่างเหมาะสม เจ้าจำเป็นต้องปล่อยปรมาจารย์ทั้งสองให้ไปมีอนาคตที่ดีกว่าอย่าเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตนของเจ้าเพียงคนเดียว เจ้ารู้ใช่ไหมว่าการที่เจ้าเห็นแก่ตัวมันทำให้เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้เป็นราชันแห่งมวลมนุษย์!”

หลิงยี่เทียนส่ายหัวพร้อมกับโบกมือและพูดว่า “ท่านอย่าเพิ่งตีโพยตีพายแบบนี้สิพี่เจียง เอาไว้ท่านรู้ก่อนว่าท่านตามี่ของข้าเป็นใคร ท่านจะเข้าใจทุกอย่างเอง ท่านตามี่โปรดเชิญท่านแนะนำตัวเองได้เลย!”

มี่ตั้วตั้วพยักหน้า จากนั้นเขาเริ่มแนะนำตัวเองทันที “ข้ามี่ตั้วตั้ว ดำรงตำแหน่งเป็นเทพแห่งความมั่งคั่งของตำหนักเทพโชคลาภ ซึ่งพวกท่านทุกคนน่าจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าตำหนักเทพโชคลาภคือส่วนหนึ่งของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ ดังนั้นหากพวกท่านกังวลว่าโอสถหรือสมบัติวิเศษต่าง ๆ ที่ปรมาจารย์ทั้งสองจะจำหน่ายไปไม่ถึงคนทั่วโลกนั้นข้าขอบอกได้เลยว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะด้วยสาขาของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ที่ครอบคลุมถึง 13,725 อาณาเขต ข้ารับประกันได้ว่าสินค้าทุกอย่างจะได้รับการจัดจำหน่ายให้กับทุกอาณาเขตอย่างทั่วถึงแน่นอน และรายได้ส่วนหนึ่งที่ได้จากการขายก็จะย้อนกลับไปหาปรมาจารย์ทั้งสอง ซึ่งทำให้พวกเขาไม่มีวันขาดทรัพยากรในการพัฒนาตัวเอง!”

เมื่อได้ยินคำพูดของมี่ตั้วตั้วเช่นนี้ แผนของฉินหวงและเจียงหวงก็พังลงไม่เป็นท่าในทันที

พวกเขาไม่อาจใช้ข้ออ้างเรื่องจำนวนอาณาเขตมากดดันหลิงยี่เทียนได้อีกแล้ว

ซ่งว่านหลุนที่เงียบมาโดยตลอด เมื่อได้ยินเช่นนี้ในที่สุดเขาจึงเอ่ยปากขึ้นบ้าง

“น้องยี่เทียน ในตอนนี้ข้าเห็นแล้วว่าอาณาจักรของเจ้ามีจุดเด่นที่เหนือกว่าพวกเรา แต่คำถามสำคัญของข้าก็คือเจ้ามีความแกร่งเพียงพอที่จะปกป้องจุดเด่นเหล่านี้ของเจ้ารึเปล่า?” ซ่งว่านหลุนถามขึ้น “หากเจ้าไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ ข้าเกรงว่าจุดเด่นที่เจ้ามีทั้งหลายมันคงจะสลายหายไปแค่เพียงถูกเป่าเบา ๆ”

ฉินหวงรีบพูดเสริมทันที “ใช่แล้วน้องยี่เทียน เจ้ามีความแข็งแกร่งเพียงพอรึเปล่า? อาณาจักรของข้าในตอนนี้มีสำนักมหาอำนาจ 17 สำนักคอยสนับสนุน แถมข้ายังมีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงอีกจำนวนมากที่ข้าสามารถเรีย…”

ก่อนที่ฉินหวงจะทันได้พูดจบ หวงซีก็ก้าวออกมาและพูดแทรกทันที “หากพูดถึงเรื่องความแข็งแกร่งนับรวมภูเขาฟีนิกซ์ของข้าเข้ากับอาณาจักรจันทราได้เลย นับจากนี้เป็นต้นไปภูเขาฟีนิกซ์พร้อมที่จะรับคำสั่งทุกอย่างจากอาณาจักรจันทราโดยไม่มีข้อแม้! ในอดีตภูเขาฟีนิกซ์เคยยืนหยัดทำสงครามกับ 3 มหาอาณาจักร และ 13 สำนักมหาอำนาจมาแล้ว ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทุกคนก็คงน่าจะรู้เป็นอย่างดีว่าภูเขาฟีนิกซ์ทำลายล้างเหล่าศัตรูได้ทั้งหมด แต่ถ้าหากใครยังข้องใจสงสัยในเรื่องนี้ก็สามารถไปเยือนแดนกระดูกขาว ซึ่งเป็นผลงานของพวกเราได้ ฉะนั้นด้วยการรวมกันระหว่างภูเขาฟีนิกซ์และอาณาจักรจันทรา ข้าไม่เชื่อว่าพวกเราจะมีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ!”

เมื่อพูดจบ หวงซีหันไปยิ้มหวานให้กับหลิงตู้ฉิง ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์

เมื่อได้ยินเรื่องของแดนกระดูกขาว คนอื่น ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจลึก เพราะพวกเขารู้ดีว่าประวัติของสถานที่แห่งนั้นมันน่าสยดสยองแค่ไหน

ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมภูเขาฟีนิกซ์ถึงได้ทุ่มเทให้กับอาณาจักรจันทราขนาดนี้

เมื่อครู่หวงซีประกาศออกมาอย่างชัดเจนว่าภูเขาฟีนิกซ์พร้อมที่จะรับคำสั่งของอาณาจักรจันทรา ซึ่งต้องรู้เอาไว้ว่าการพร้อมรับคำสั่งกับการสนับสนุนมันไม่เหมือนกัน ถึงแม้ว่าผู้ที่มีสายเลือดของราชันแห่งมวลมนุษย์คนอื่น ๆ จะมีสำนักเป็นสิบสำนักให้การสนับสนุน แต่อย่างมากที่สุดที่พวกเขาจะร้องขอจากสำนักเหล่านั้นได้ก็เป็นเพียงร้องขอการช่วยเหลือกันตามขอบเขต ซึ่งไม่มีสำนักไหนทุ่มให้พวกเขาสุดตัว

ในระหว่างที่ทุกคนกำลังงุนงง โม่หลิงซีก็ก้าวออกมาเช่นกันและพูดว่า “ข้าโม่หลิงซี เจ้าสำนักเต๋าสวรรค์ขอประกาศ ณ ที่นี้ว่าสำนักเต๋าสวรรค์จะขอสนับสนุนอาณาจักรจันทราอย่างเต็มที่ และพร้อมที่จะรับคำสั่งจากอาณาจักรจันทราทุกเมื่อเช่นกัน!”

แทบจะในทันทีที่โม่หลิงซีประกาศจุดยืนของตนเองจบ เย่ชางคงก้าวออกมาเช่นกัน และตะโกนว่า “ข้าเย่ชางคงเจ้าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ ขอประกาศว่าข้าและสำนักของข้าจะให้การสนับสนุนอาณาจักรจันทราด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเรามี!”

“สันเขาทรราชขอสนับสนุนอาณาจักรจันทราเช่นกัน!” เทียนซ่งประกาศขึ้น

“ข้าหลงจ้านเทียนผู้นำของเผ่ามังกร ขอประกาศว่าตำหนักมังกรของข้ายินดีที่ให้การสนับสนุนอาณาจักรจันทราอย่างเต็มรูปแบบ!”

“เผ่าภูตนางฟ้าทั้งหมดได้ตกลงร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับอาณาจักรจันทราเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นนับความแข็งแกร่งของพวกเราบวกเข้าไปกับอาณาจักรจันทราได้เลย!” อี้ลั่วเอ๋อตะโกนขึ้น

“พวกเราเผ่าปีศาจสมุทรขอประกาศว่าพวกเราสนับสนุนอาณาจักรจันทราเช่นกัน และถ้าหากได้รับการร้องขอพวกเราก็ยินดีที่จะยกทัพมุ่งหน้าไปช่วยเหลือผู้ที่พวกเราสนับสนุน!” ชิวหมิงตงเอ่ยขึ้น

จากนั้นคนสุดท้ายที่เอ่ยขึ้นก็คือ ซวนหยวนตู่ “พวกข้าเผ่าภูตดินสนับสนุนอาณาจักรจันทราแน่นอน และยินดีที่จะรับคำสั่งทุกอย่าง! และถึงแม้ว่าเผ่าภูตดินของข้าจะมีสมาชิกไม่ถึง 10,000 ตน แต่ในด้านความแข็งแกร่งพวกเรามีสมาชิกที่อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิ 152 ตน ขอบเขตมหาจักรพรรดิ 103 ตน ซึ่ง 47 ตนจาก 103 ตนนั้นอยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุด!”

คำประกาศของซวนหยวนตู่สร้างความฮือฮาไปทุกหนทุกแห่งในท้องพระโรงทันที

ทุกคนที่อยู่ในท้องพระโรงต่างตกตะลึงจนอ้าปากค้างพลางคิดในใจ

นี่มันเผ่าบ้าอะไรกัน? มันเป็นไปได้ยังที่เผ่า ๆ เดียวจะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดถึง 47 ชีวิต?

ความแข็งแกร่งระดับนี้อย่าว่าแต่ปกป้องตัวเองเลย ต่อให้สำนักมหาอำนาจมารุมสัก 10 สำนักก็ทำอะไรอาณาจักรจันทราไม่ได้!

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทุกคนได้ยินถัดมามันยิ่งทำให้พวกเขายิ่งพูดไม่ออก

เย่ชางคงมองไปรอบ ๆ แล้วพูดว่า “ในตอนนี้สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ได้จัดตั้งกำลังรบของพวกเราแล้ว และได้ดำเนินการส่งคนของเราทำการเข้ายึดอาณาเขตได้ 2 อาณาเขตเรียบร้อย ซึ่งพวกเราคาดการณ์ไว้ว่าภายในร้อยปีพวกเราน่าจะยึดอาณาเขตได้ไม่ต่ำกว่า 40 อาณาเขต ซึ่งอาณาเขตทั้งหมดพวกเราตั้งใจว่าจะให้อยู่ใต้การปกครองของอาณาจักรจันทรา!”

หลงจ้านเทียนเอ่ยขึ้นเช่นกัน “เผ่ามังกรของข้าเริ่มเดินทัพแล้วเช่นกัน และตอนนี้พวกข้าก็ยึดได้ 2 อาณาเขตแล้ว และแน่นอนว่าพวกข้าจะไม่หยุดแค่นี้!”

“สำนักเต๋าสวรรค์ถึงแม้ว่าจะไม่จัดตั้งทัพของเราเอง แต่พวกเราก็ส่งศิษย์ของสำนักเรามากมายเข้าร่วมกับกองทัพของอาณาจักรจันทรา!”

“……”

เมื่อเห็นว่ากองกำลังที่สนับสนุนหลิงยี่เทียนนั้นทุ่มเทกันขนาดไหน ฉินหวง เจียงหวง และ ซ่งว่านหลุน ต่างก็แสดงสีหน้าย่ำแย่ไปตาม ๆ กัน

อันที่จริงตัวแปรหลักที่ทำให้พวกเขาแทบจะเข่าอ่อนก็คือ มี่ตั้วตั้ว

ด้วยการสนับสนุนทางด้านการเงินและทรัพยากรจากหอการค้าเชื่อมสวรรค์ มันจะยังมีอาณาจักรไหนที่สามารถต้านทานอาณาจักรจันทราได้อีก?

ในเวลาเดียวกัน มี่ตั้วตั้วก็ก้าวออกมาเช่นกันและพูดว่า “ข้าขอเวลาทุกท่านสักครู่ บังเอิญว่ามีผู้อาวุโสของข้าผู้หนึ่งที่อยากจะประกาศอะไรบางอย่างเช่นกัน!”

เมื่อพูดจบ มี่ตั้วตั้วก็เปิดใช้งานเจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์ทันที ส่งผลให้ทุกคนที่อยู่ในท้องพระโรงรู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังถูกจับจ้องโดยดวงตาที่มีแต่ความอำมหิตโหดเหี้ยม

“คารวะผู้อาวุโสอสูรทมิฬสงคราม!” มี่ตั้วตั้วโค้งตัวเล็กน้อยเพื่อคารวะ

เนื่องจากผู้นำของเผ่าอสูรทมิฬสงครามไม่สามารถมาปรากฏกายได้ เขาจึงทำได้แต่ส่งกลิ่นอายและเสียงของเขาผ่านเจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์

“นับจากนี้ไปเผ่าอสูรทมิฬสงครามจะไม่รับสัญญาจ้างจากผู้ใดอีกแล้ว พวกเราจะสู้เพื่ออาณาจักรจันทราแค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น!”

เมื่อสิ้นเสียงประกาศ ประตูของเจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์ก็ปิดลงทันที ซึ่งบรรดาผู้คนที่ได้ยินเช่นนี้แน่นอนว่าพวกเขาก็ยิ่งตกตะลึงมากขึ้นไปใหญ่

แต่ในขณะที่คนอื่น ๆ ยังคงอยู่ในอาการตกตะลึง เสี่ยหนานเทียนกลับประกาศขึ้นเช่นกันว่า “ข้าขอประกาศเช่นกันว่านับจากนี้สำนักเบญจธาตุจะขอสนับสนุนอาณาจักรจันทราอย่างเป็นทางการ!”