ตอนที่ 2,206 : ถอดจิต!
เหาฉ่วงย่อมสังเกตเห็นรัศมีพลังทำลายล้างอันน่าพรั่นพรึงของกระบี่นิลสวรรค์ในมือต้วนหลิงเทียนเป็นธรรมดา
อย่างไรก็ตามมันไม่ทันมีเวลารับทราบว่าพลังดังกล่าวมีอานุภาพทำลายล้างขนาดไหน
นั่นเพราะกำหนดเวลา 3 ลมหายใจได้ครบแล้ว
อีกทั้งมันก็ไม่ได้มัวคิดอะไรแต่แรก เพียงแค่จดจ่ออยู่กับการปลดปล่อยพลังทั้งหมดเท่านั้น
และตอนนี้มันก็กำลังปลดปล่อยพลังกระบวนท่าออกไปสุดตัว!
เปรี๊ยงงงง!!
ซู่มมมม!!
เสียงระเบิดดังปานฟ้าร้องก้องขึ้น
เป็นเหาฉ่วงที่โจนทะยานแหวกอากาศมาพร้อมพลองธัมมะ ปะทุพลังอีกระลอกหลังจากมันโจนทะยานมาถึงครึ่งทาง ความว่างสะท้านสะเทือน!
“ฮ่าาาส์!!”
เหาฉ่วงคำรามออกเสียงดังปานสัตว์ร้าย มวลพลังเซียยนต้นกำเนิดที่ระเบิดออกเริ่มก่อปรากฏการณ์พิสดารประการหนึ่ง!
เพราะพริบตาคนที่โจนทะยานเข้ามาอยู่ดีๆ ก็แปรเปลี่ยนไปเป็นยักษ์ตัวเขื่อง!!
เหาฉ่วงที่ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นจนเป็นเหมือนยักษ์สูง 3 หมี่ สารรูปแทบไม่ต่างอะไรจากคิงคองแม้แต่น้อย! กล้ามเนื้อทั่วร่างของมันปูดโปนใหญ่ขึ้นมาจนเสื้อผ้าฉีกขาด!!
ผมขาวราวหิมะของมันยังคล้ายจะเปลี่ยนเป็นเข็มแหลมชี้ตั้งปานจะทิ่มแทงขึ้นฟ้า
ขณะเดียวกันพลองธัมมะในมือยิ่งมาก็ยิ่งเปล่งแสงสีทองสว่างเจิดจ้าขึ้นทุกที ราวกับมันกลับกลายเป็นดวงตะวัน! รังสีพลังปะทุออกมาฉาบหุ้มจนคล้ายเสาสวรรค์! เผยกลิ่นอายพลังทำลายอันน่าพรั่นพรึงออกมาสะท้านใจผู้คน!!
พลังทำลายล้างที่เพิ่มพูนขึ้นมา ยังทำให้พื้นดินเบื้องล่างไกลห่างถึงกับเริ่มแตกร้าว!
ยิ่งความว่างเปล่ารอบกายเหาฉ่วงยามนี้ แทบจะถูกพลังทำลายดังกล่าวของมันผนึกแข็ง สายลมยังคล้ายจะหยุดพัด
พลังมหาศาลจากร่างใหญ่ของเหาฉ่วงบัดนี้ ได้ถ่ายทอดลงสู่พลองธัมมะหมดสิ้น ยามฟาดออกไปมันก็ทุบทำลายอากาศดังระเบิดสนั่นไปเป็นทาง!
“ต้วนหลิงเทียน รับพลองข้าดู!!”
เหาฉ่วงที่เปลี่ยนร่างไปคล้ายคิงคองตะคอกเสียงดัง สภาวะร่างยังโถมเข้ามาทั้งตัว!
ร่างเขื่องโถมพลองทุบฟาดทำลายมาเช่นนี้ ให้กล่าวว่าอานุภาพขู่ขวัญปานเขาถล่มยังไม่เกินเลย! คลื่นพลังน่าพรั่นพรึงยังปะทุกำจายออกไปในความว่างระลอกแล้วระลอกเล่า!!
ประหนึ่งหินก้อนใหญ่ตกร่วงหล่นสระสงบ ก่อเกิดพันระลอก
เรียกว่าเหาฉ่วงที่ขยายร่างใหญ่โตปานคิงคอง ยามทุบฟาดพลองธัมมะเข้ามานี้ คนคล้ายกลายเป็นเทพเจ้าแห่งการทำลายล้าง หมายบดขยี้มนุษย์ตัวกระจ้อยร่างม่วงที่อยู่เบื้องหน้าให้ย่อยยับ…
ร่างม่วงที่ว่าแน่นอนว่าย่อมเป็นต้วนหลิงเทียน!
ซู่มมมมม!!
ครืนนน!!
…
พลองที่เหาฉ่วงทุบฟาดออกมา ไม่เพียงแต่อัดแน่นไว้ด้วยเวทย์พลังจู่โจมอันทรงพลังหนึ่ง แต่ยังมีคลื่นพลังลี้ลับอีกขุมจากวรยุทธ์เซียนที่มันฝึกปรือ แม้มองแล้วตัวพลองคล้ายเพียงเปล่งแสงแผ่ระลอกพลังออกมา แต่คลื่นพลังที่ว่านี้คือพลังชั่วชีวิตของเหาฉ่วงแล้ว!!
และไม่เพียงแค่พลองธัมมะบัดนี้จะปลดปล่อยพลังชั่วชีวิตของเหาฉ่วงออกมาเท่านั้น ยังมีพลังอานุภาพของตัวมันเอง ที่เป็นพลังพิเศษเฉพาะของยอดศาสตราเซียน ‘พลองธัมมะ’ อีกด้วย!
ยามทุบฟาดออกมาก็คล้ายจะถล่มได้ทั้งท้องฟ้า!
เรียกว่าพลองธัมมะฟาดผ่านไปที่ใด ความว่างเปล่าก็สะเทือนสะท้านไม่ต่างใดจากเยื่อกระดาษเบาบางต้องลมแรง! หมิ่นเหม่จะฉีกขาดได้ทุกเวลา!!
และพลองที่มีพลังอานุภาพประหนึ่งจะทุบทำลายได้กระทั่งแผ่นฟ้านั่น ตอนนี้ฟาดทุบเข้าใกล้ร่างต้วนหลิงเทียนไปทุกขณะ!
ด้านต้วนหลิงเทียนนที่เผชิญหน้ากับพลองอันเปี่ยมล้นไปด้วยพลังอำนาจทุบฟาดจี้เข้ามา ย่อมบังเกิดความรู้สึกกดดันบีบคั้นไม่ต่างอะไรกับเขากำลังจะโดนเขาไท่ซานถล่มทับ เพียงประมาทแค่เล็กน้อย ไม่พ้นได้กลับกลายเป็นซากเนื้อเลอะเลือนแหลกแหลวแน่!!
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
……
ฉับไวปานเส้นสายอัสนีฟาดผ่า พลองที่ฟาดแหวกความว่างเปล่ามาอย่างเกรี้ยวกราด ยังถล่มจนอากาศแตกระเบิดดังไม่ต่างใดจากฟ้าลั่นสนั่นไม่หยุด…
แต่ในช่วงเวลาดุจฟ้าแลบนั้นเอง
ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ลงมือ!
“ใจกระบี่เหิน!”
เผชิญหน้ากับพลองธัมมะที่ฟาดมาด้วยสภาวะดุร้ายทรงพลังของเหาฉ่วง กระบี่นิลสวรรค์ในมือต้วนหลิงเทียน อันผนึกไว้ด้วยพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดทั้งร่างก็ดั่งจะถูกจุดระเบิด!
ฟั่ฟฟฟฟ!!
พร้อมกันกับเสียงกระบี่แหวกอากาศฉับไวดังขึ้น ประกายกระบี่สายหนึ่งก็เรืองวาบขึ้นในอากาศ!
ในห้วงเวลาชั่วพริบตาที่ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกไปนี้ ร่างต้วนหลิงเทียนที่เหินลอยอยู่ในอากาศถึงกับเซไปวูบหนึ่ง คล้ายพลังทั่วร่างเหือดหาย พอพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดห้วงใหม่ปรากฏขึ้นแผ่วเบาจึงค่อยรั้งร่างให้หยุดนิ่งลงได้
อย่างไรก็ตามสีหน้าของเขายังคงซีดลงไม่น้อย
แต่ทว่าจังหวะนี้ไม่มีใครมัวมาสนใจสีหน้าของต้วนหลิงเทียน
เพราะสายตาของคนส่วนใหญ่นั้นเพียงจับจ้องไปยังพลองธัมมะที่ฟาดไปดั่งเส้นสายอัสนีในมือเหาฉ่วง
และพวกมันก็ทำได้แค่นี้…
นั่นเพราะพวกมันไม่อาจมองเห็นร่องรอยกระบี่ ที่เปี่ยมล้นไปดว้ยรัศมีพลังไม่ธรรมดาของต้วนหลิงเทียนได้เลย กระบี่เล่มนั้นประหนึ่งจะสาบสูญไปในอากาศว่างเปล่าก็ไม่ปาน คงเหลือเพียงเสียงกระบี่หอนดั่งขึ้นแผ่วเบาในหูเท่านั้น!
“เร็วนัก!”
ฉากเรื่องราววความเปลี่ยนแปลงเบื้องหน้า ทำให้เซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนไม่กี่คนอย่างผู้พิทักษ์สื่อเฟิงของลัทธิบูชาไฟ กับพญามังกรเสื้อม่วงและจ้าวพยัคฆ์ขาวของลัทธิอารามทมิฬถึงกับหน้าเปลี่ยนสี พวกมันอดตื่นตระหนกกับประกายแสงหนึ่งที่เรืองวาบขึ้นมาไม่ได้! กระบี่นั่นไวจนพวกกมันมองเห็นแต่ประกายแสง!!
และถึงแม้พวกมันแทบจะจับร่องรอยกระบี่นี้ไม่ได้ แต่พวกมันก็ไม่ทันมีเวลาให้ประหลาดใจอะไร
นั่นเพราะทุกเรื่องราวมันอุบัติขึ้นรวดเร็วเกินไป และสั้นเกินไป ดุจดั่งละอองไฟวาบดับเท่านั้น!
“เป็นไปได้ยังไง!?”
กระบี่นิลสวรรค์ที่ต้วนหลิงเทียนปล่อยออกไปด้วยพลังทั้งหมดนั้น ยามประกายกระบี่กรีดฟ้าสว่างวาบในลูกตาของเหาฉ่วง สีหน้าของมันก็แปรเปลี่ยนไปทันที เผยออกถึงความตื่นตระหนกตกใจทั้งเหลือเชื่อ!
และเหตุผลเดียวที่มันเสียอากการขนาดนี้ ก็เพาะความเร็วของกระบี่นิลสวรรค์มันรวดเร็วเกินไป รวดเร็วเกินไปมาก!!
ความเร็วของกระบี่นี้ เทียบกับความเร็วในการโจมตีของมันแล้วเหนือกว่ากันอย่างทาบไม่ติด!
หากจะกล่าวว่าพลังเซียนต้นกำเนิดในร่างมันตอนนี้ แทบจะทัดเทียมกับพลังเซียนต้นกำเนิดของผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนอยู่รอมร่อล่ะก็…
เช่นนั้นความเร็วของกระบี่ที่พุ่งบินแหวกฟ้ามานี่ ก็เป็นความเร็วที่แทบจะไม่ต่างกับความเร็วในการโจมตีของผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนเลย!
และอันที่จริง กระบี่นี่ก็เทียบได้กับความเร็วในการโจมตีของเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่พึ่งทะลวงผ่าน แต่ยังไม่ทันได้ปรับพลังอะไรให้ดีจริงๆ!
‘วันนี้ข้าจะอยู่หรือตาย ก็ขึ้นอยู่กับกระบี่นี้!’
ในขณะที่ส่งกระบี่นิลสวรรค์ออกไป ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะลอบทอดถอนในใจอย่างเงียบงัน…
กระบี่เล่มนี้ เขาทุ่มเทพลังทั้งหมดลงไปแล้ว
เป็นกระบี่ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เขาจะใช้ได้
ฟั่ฟฟฟฟ!!
กระบี่นิลสวรรค์ทะยานแหวกอากาศไปฉับไวถึงขีดสุด ด้วยบรรจุไว้ซึ่งพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดทั้งหมดในร่างต้วนหลิงเทียน เช่นนั้นหลังมันหลุดออกจากมือต้วนหลิงเทียนแล้ว ก็แทบไม่ต่างอะไรจากม้าป่าห้อทะยาน ตะบึงออกไปด้วยความคึกคักถึงขีดสุด!!
ความเร็วนั้นช่างสูงจนน่ากลัว!
เพียงเสี้ยวพริบตา กระบี่นิลสวรรค์ก็พุ่งไปเจียนกระทบกับพลองธัมมะ ที่เหาฉ่วงทุบฟาดออกมา…
แม้จะเห็นประกายกระบี่สว่างวาบด้วยความเร็วสุดคาดคิด แต่สภาวะทุบฟาดอันเกรี้ยวกราดก็ไม่ได้ถดถอยแม้แต่น้อย
ฟั่ฟฟฟ!
กระบี่นิลสวรรค์เพียงทะลวงทะลุความว่างมาเสียงเบา ไม่ได้สร้างผลกระทบอันใดให้ความว่างเปล่ามากมายนัก
แต่อันที่จริงที่เป็นแพราะกระบี่นิลสวรรค์ทะยานแหวกอากาศมารวดเร็วเกินไป ยังรวดเร็วเสียจนความว่างเปล่าไม่อาจตอบสนองใดได้ทัน!
ปง! ปง! ปง! ปง!
……
เสียงระเบิดดังพลันกึกก้องขึ้นมาถี่รัว เป็นรังสีพลังที่ฉาบหุ้มตัวกระบี่ปะทะทำลายเข้ากับรังสีพลังที่ฉาบหุ้มตัวพลอง แม้สองวัตถุยังไม่กระทบกัน แต่รังสีพลังที่ฉาบหุ้มได้แผลงฤทธิ์ต่อยตีกันแล้ว!!
และการเผชิญหน้ากันระหว่างรังสีพลังสองสายนี้ ก็เปรียบได้กับความสงบสุดท้ายก่อนพายุจะเข้า!
ทว่ารังสีพลังกระบี่ที่ฉาบไว้ทั่วกระบี่นิลสวรรค์…คล้ายไม่พบพานกับแรงต้านทานอันใด มันบดขยี้ข่มทำลายรังสีพลังของพลองธัมมะได้ราวกับเหยียบย่ำใบไม้แห้งกรอบ! ก่อนซัดเข้าตัวพลองธัมมะโดยตรง!!
ทันใดนั้นเอง
เปรี๊ยงงง! เคร๊งงงง!!
ฉัวะ!!
พร้อมๆกันกับเสียงโลหะกระทบกันที่ดังสนั่นปานจะสะท้านโลกดังขึ้น ก็แว่วเสียงเลือดเนื้อฉีกขาดขึ้นมาแผ่วเบา!
เป็นวินาทีที่กระบี่นิลสวรรค์กระทบลงพลองธัมมะ มันก็ระเบิดพลังมหาศาลปายจะทำลายล้างโลกหล้าออกมา!
ทำให้พลองธัมมะไม่เพียงสิ้นพลังสภาวะทั้งมวล ยังถูกซัดกระแทกอย่างแรง กระเด็นหลุดมือเหาฉ่วงไป! ง่ามมือที่จับพลองของเหาฉ่วงยังฉีดขาดสาหัส โลหิตแดงฉานทะลักออกเป็นสาย!!
ขวับๆๆ!!!
หลังพลองธัมมะปลิวกระเด้นหลุดมือ มันก็หมุนติ้วๆปลิดปลิวไปราวลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศร! ความเร็วในการกระเด็นปลิวยังทำให้ทุกคนที่ชมดูตื่นตระหนกตกใจนัก!!
เพราะความเร็วยามมันปลิวไป ให้เทียบกับความเร็วที่กระบี่นิลสวรรค์พุ่งแหวกฟ้ามา แทบจะไม่แตกต่างกันเลย!
กระบี่นิลสวรรค์นั่นหลังพุ่งแหวกฟ้ามาด้วยความเร็วอันน่ากลัว ไม่เพียงระเบิดพลังทำลายอันร้ายกาจบดขยี้พลังที่ฉาบคลุมพลองธัมมะ ยังซัดพลองธัมมะจนปลิดปลิวแถมทำให้ง่ามมือเหาฉ่วงฉีกขาด!
ทุกเรื่องราวบังเกิดขึ้นในชั่วพริบตาเท่านั้น
แต่ทว่าหลังเกิดเรื่องราวทั้งหมดแล้ว กระบี่นิลสวรรค์ก็ไม่ได้สิ้นพลังสภาวะอะไรไปมากมาย มันยังมีพลังอำนาจหลงเหลือ และยังคงพุ่งทะยานเข่นฆ่าไปยังเหาฉ่วงไม่ลดละ!
และคราวนี้เป้าหมายของกระบี่นิลสวรรค์ก็คือหว่างคิ้วของเหาฉ่วง!
ยังพุ่งีจ้เข้าไปเร็วรี่ราวกับหากไม่ได้ทะลวงหว่างคิ้วมันไม่เลิกรา!
ในวินาทีที่พลองธัมมะถูกซัดกระเด็นหลุดมือจนง่ามมือฉีกแขนสะบัด เหาฉ่วงก็เสมือนมีน้ำเย็นราดรดศรีษะให้สติถูกปลุกขึ้นมาสมบูรณ์
“แย่แล้ว!”
เมื่อเห็นประกายกระบี่ยังพุ่งมาไม่หยุดยั้ง แถมยังเล็งจึ้มาที่หว่างคิ้วด้วยสภาวะอำมหิต ราวกับหากไม่ฆ่ามันให้ตายไม่ยอมเลิกรา สีหน้าเหาฉ่วงก็แปรเปลี่ยนไปมหันต์ ได้แต่ร่ำร้องออกมาเสียงหลงอย่างไม่รู้ตัว…
และช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่กระบี่นิลสวรรค์ จะเจาะชำแรกหว่างคิ้วเหาฉ่วงนั้น…
ซู่ววว!
พลันปรากกฏร่างเงาหนึ่งพุ่งทะยานออกมาจากร่างใหญ่โตของเหาฉ่วง! หากมองให้ชัดเป็นร่างเหาฉ่วงที่ผอมบางเหมือนตอนแรกสุด!!
ทว่าร่างผอมบางก่อนหน้าของเหาฉ่วงนี้ มองไปคล้ายจะโปร่งแสงพิกล เมื่อปรากฏออกมาแล้วก็ไม่รอช้าอะไร มันกลายเป็นเส้นแสงพุ่งวาบตัดฟ้าไปด้วยความเร็วสูง ยังมิวายทิ้งวาจาไว้ก่อนจะหายลับไป…
“ลัทธิอารามทมิฬ! ลัทธิบูชาไฟ! แค้นนี้ข้า เหาฉ่วง จะจดจำไว้ไม่มีวันลืม! ฝากพวกเจ้าไว้ก่อนเถอะ!!”
สิ้นเสียงคำตะโกนด้วยโทสะ ร่างบางทั้งคล้ายโปร่งแสงของเหาฉ่วงก็หายลับตาผู้คนไปแล้ว
สึบบบ!!
และนั่นเป็นเวลาเดียวกันกับที่กระบี่นิลสวรรค์ของต้วนหลิงเทียนเจาะทะลวงหว่างคิ้วเหาฉ่วง โลหิตสาดกระเซ็นออกมาเป็นปรกายกลางหาว
“ถอดจิตลี้ร่าง?”
ถึงแม้กระบี่นิลสวรรค์คล้ายจะฆ่าเหาฉ่วงได้
แต่ต้วนหลิงเทียนรู้ดี ว่าจิตวิญญาณของเหาฉ่วงสามารถหลบหนีออกจากร่างได้ทันเวลา ก่อนที่กระบีนิลสวรรค์จะทะลวงสังหารมันทิ้ง แถมยังหนีไปไกลจนไร้ร่องรอยแล้วด้วย…
สิ่งที่กระบี่นิลสวรรค์ฆ่าไปเมื่อครู่ เป็นเพียงกายเนื้อของเหาฉ่วงเท่านั้น เป็นกายเนื้อที่ไร้จิตวิญญาณอะไรสืบไป ไม่ต่างอะไรจากเปลือกๆหนึ่ง
เปลี่ยนที่ 8 ของขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนนั้น เรียกว่าเปลี่ยนถอดวิญญาณลี้ร่าง
ตราบใดที่ผู้ฝึกตนบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนเต็มใจ พวกมันสามารถถอดจิตออกจากร่าง ทำให้ร่างกายกับวิญญาณแยกออกจากกันอย่างสมบูรณ์ และจิตวิญญาณนั้นยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้เป็นอิสระแม้ร่างกายจะถูกทำลายไปแล้วก็ตามที…
และที่สำคัญต่อให้ร่างกายจะถูกทำลายไปแล้ว แต่จิตวิญญาณก็สามารถสร้างร่างกายใหม่ขึ้นมาได้ หลังจากผ่านไประยะเวลาหนึ่ง…