หลังจากเห็นว่าหลิงยี่เทียนทะลวงระดับได้ขนาดนี้ จี้กงซวนก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อในทันที
ในเวลาเดียวกัน บรรดาผู้คนที่ยังไม่ได้ติดสินใจต่างก็รีบประกาศสนับสนุนหลิงยี่เทียนในทันที จนฉินหวง และคนอื่น ๆ ต่างรู้ตัวแล้วว่าพวกเขานั้นหมดหวังที่จะเป็นราชันแห่งมวลมนุษย์ของยุคนี้ไปเรียบร้อย
“น้องยี่เทียน ข้านับถือเจ้าจากใจจริง ๆ!” ฉินหวงตะโกนขึ้น “เห็นได้ชัดว่าอาณาจักรจันทราของเจ้ามีอนาคตที่ไร้จำกัด แถมยังมีความแข็งแกร่งที่น่าเหลือเชื่อ แม้แต่ตัวเจ้าเองก็มีพรสวรรค์ที่เยี่ยมยอด”
“แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นข้าก็ยังไม่อาจยอมรับได้อยู่ดี น้องยี่เทียนถึงแม้ว่าความหวังของข้าจะริบหรี่เหลือเกิน แต่ข้าคงต้องขอลองประมือกับเจ้าสักครั้ง ข้าหวังว่าเจ้าจะแสดงฝีมือให้ข้าได้ยอมรับอย่างหมดใจ!”
หลิงยี่เทียนยิ้มและตอบกลับ “พี่ฉิน ท่านเองก็เห็นว่าข้าเพิ่งจะทะลวงระดับมาอยู่ระดับเหนือล้ำ ซึ่งข้าเข้าใจว่าตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของท่านอยู่ในระดับนักบุญขั้นสูงสุดแล้วใช่ไหม? ดังนั้นถ้าจะให้ข้าวัดความแข็งแกร่งกับท่านตอนนี้ ข้าคิดว่าข้าคงไม่อาจสู้ท่านได้หรอก”
ฉินหวงส่ายหัว “น้องยี่เทียนเจ้าเข้าใจผิดแล้ว สิ่งที่ข้าหมายถึงนั้นพวกเราไม่จำเป็นที่จะต้องประลองกันด้วยกำลังก็ได้ มีการประลองมากมายที่พวกเราสามารถวัดกันได้ ยกตัวอย่างเช่นเชาว์ปัญญา วิสัยทัศน์ หรืออะไรก็ตามแต่ที่เป็นคุณสมบัติที่ราชันแห่งมวลมนุษย์พึงมี ซึ่งข้าตั้งใจอยากจะประลองกับเจ้าในรูปแบบนั้น”
หลิงตู้ฉิงมองสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา และเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่ฉินหวงเอ่ยขึ้น เขาจึงส่งเสียงบอกกับหลิงยี่เทียนทางดวงวิญญาณว่า “ยี่เทียน เหตุผลที่พ่อแทบจะไม่สอนอะไรเจ้าเลยที่ผ่านมาเพราะเจ้าไม่เคยเจอกับคู่ต่อกรที่สมน้ำสมเนื้อมาก่อน ซึ่งต่อให้พ่อสอนอะไรเจ้าไป เจ้าก็จะไม่เข้าใจอยู่ดี แต่ตอนนี้เจ้าได้เจอคู่ต่อกรที่เหมาะสมแล้ว ดังนั้นพ่อจะถ่ายทอดเต๋าแห่งดวงดาวและเต๋าแห่งสวรรค์ให้กับเจ้า เจ้าจงฟังพ่อให้ดี ๆ แล้วนำคำที่พ่อบอกใช้พวกมันร่วมกับอำนาจของผลึกดวงใจสวรรค์ และจากนั้นเจ้าจงแสดงให้ทุกคนได้เห็นอำนาจที่แท้จริงของเจ้าซะ”
หลิงยี่เทียนพยักหน้าให้กับหลิงตู้ฉิง เพื่อแสดงว่าเขาเข้าใจแล้ว และจากนั้นเขาก็หันไปพยักหน้ากับฉินหวง และพูดว่า “พี่ฉิน งั้นพวกเรามาเล่นหมากล้อมกัน!”
ฉินหวงหัวเราะทันที “นี่แหละที่ข้าหมายถึง! น้องยี่เทียนเจ้าเริ่มก่อนได้เลย”
หลิงยี่เทียนเริ่มก่อนทันทีหลังจากที่ฉินหวงพูดขึ้น
หลิงยี่เทียนควบแน่นพลังวิญญาณของเขาเพื่อสร้างกระดานหมากล้อมขึ้นบนอากาศกลางท้องพระโรง จากนั้นเขาใช้ความเข้าใจในเต๋าดวงดาวสร้างดวงดาวขึ้นมาแทนตัวหมากและวางดาวดวงนั้นลงไปบนช่องทิศใต้ของกระดาน
“สร้างดวงดาวมาแทนตัวหมากงั้นเหรอ? ความคิดของน้องยี่เทียนนี่ช่างสร้างสรรค์ดีจริง ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า งั้นข้าคงต้องขอลองทำตามบ้างแล้ว!” ฉินหวงหัวเราะ
เมื่อพูดจบ ฉินหวงควบแน่นพลังของเขาสร้างดาวดวงหนึ่งขึ้นมา และวางมันลงไปยังทิศตะวันออกของกระดาน
หลิงยี่เทียน เมื่อเห็นเช่นนี้เขารีบวางดาวดวงใหม่ไปประกบดาวของฉินหวงที่อยู่ทิศตะวันออกของกระดานทันที
“น้องยี่เทียนช่างดุดันซะจริง ๆ!” ฉินหวงหัวเราะ จากนั้นเขาเลือกที่จะวางหมากต่อไปที่จุดอื่นของกระดานโดยไม่สนใจการประกบของหลิงยี่เทียนแม้แต่น้อย
ในเวลาเดียวกัน บรรดาผู้คนที่อยู่ในท้องพระโรงต่างก็มองไปที่กระดานหมากล้อมด้วยสีหน้าหดหู่
พวกเขาทุกคนต่างคิดคล้าย ๆ กันว่า ฉินหวงและหลิงยี่เทียนนั้นมีความสามารถที่เหนือล้ำมากกว่าคนทั่วไปอย่างเทียบไม่ติด แต่น่าเสียดายที่จะมีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเป็นราชันแห่งมวลมนุษย์ได้
หากพวกเขาทั้งคู่สามารถเป็นราชันแห่งมวลมนุษย์ได้พร้อม ๆ กัน และช่วยดูแลเหล่ามนุษย์ร่วมกันมันจะดีแค่ไหนกัน?
ทางด้านของซ่งว่านหลุนและเจียงหวงต่างก็มองขึ้นไปบนกระดานหมากล้อมด้วยแววตาเป็นประกายเหมือนกัน จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ต่างก็วางหมากของตนเองลงไปบนกระดานเพื่อทำการตะลุมบอนกับหลิงยี่เทียนและฉินหวง
เหตุผลที่พวกเขามาที่นี่ก็เพราะพวกเขาต้องการจะมาชิงตำแหน่งราชันแห่งมวลมนุษย์ ดังนั้นเมื่อมีการแข่งขันแบบนี้เกิดขึ้นพวกเขาย่อมไม่พลาดที่จะเข้าร่วมด้วย
การเล่นหมากล้อมกระดานนี้ดำเนินนานถึงสามเดือน ซึ่งหลิงยี่เทียนได้ใช้ความเข้าใจในเต๋าทุกอย่างที่หลิงตู้ฉิงถ่ายทอดให้เขาเข้าใจบวกกับใช้ผลึกดวงใจสวรรค์ในการเกื้อหนุนแนวคิด และทัศนคติของเขาสร้างเป็นแผนการเล่นจนสามารถเอาชนะฉินหวง และคนอื่น ๆ ได้ทั้งหมด
เมื่อรู้ผลแพ้ชนะเรียบร้อย หลิงยี่เทียนยิ้มและพูดกับทั้งสามคนว่า “เส้นทางที่ข้าบ่มเพาะอยู่ในตอนนี้นั้นไม่ใช่เต๋าดวงใจจักรพรรดิ แก่นแท้ของเส้นทางที่ข้าเลือกเดินนั้นคือการปกป้องมวลมนุษย์ทั้งหมดและข้าจำเป็นต้องใช้พลังแห่งความศรัทธาของผู้คนทั้งหลายในการบ่มเพาะ ดังนั้นข้าหวังว่าพี่ ๆ ทั้งสามจะยอมข้าอย่างหมดใจและช่วยสนับสนุนเป้าหมายของข้าอีกแรง!”
ฉินหวงถอนหายใจ “ข้าไม่นึกเลยว่าน้องยี่เทียนจะมีเป้าหมายที่สูงส่งเหนือกว่าข้ามากขนาดนี้ โดยเฉพาะที่ข้าเห็นมันผ่านหมากที่เจ้าวางแล้วข้าขอยอมรับจริง ๆ ว่าข้าไม่อาจเทียบเจ้าได้เลย หากข้ายังขืนดื้อดึงดันอยู่มันก็เท่ากับว่าข้าฉุดอนาคตอันสดใสของเผ่ามนุษย์เอาไว้ ดังนั้นข้าจะปฏิเสธเจ้าได้ยังไง? น้องยี่เทียน ข้ายินดีที่จะสนับสนุนเจ้าอีกแรง!”
เจียงหวงพยักหน้าเช่นกันและพูดว่า “อันที่จริงพวกเราเองก็เป็นพวกเดียวกันอยู่แล้ว ดังนั้นข้าเองก็ไม่มีปัญหาที่จะสนับสนุนเจ้าหรอกน้องยี่เทียน!”
ซ่งว่านหลุนถอนหายใจ “ช่างเถอะ ๆ ข้าเองก็ขี้เกียจที่จะดึงดันต่อไปแล้วเหมือนกัน แถมข้าเองก็ไม่ได้บ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรดิด้วย ว่าแต่น้องยี่เทียนถ้าเจ้าสนใจเจ้าสามารถมาปกครองอาณาเขตที่ข้าเพิ่งยึดมาได้เพื่อที่เจ้าจะได้รับพลังแห่งความศรัทธาไป แต่มีเงื่อนไขที่เจ้าต้องทำตามคือทรัพยากรทั้งหมดของอาณาเขตเหล่านั้นเจ้าจะต้องส่งพวกมันมาให้ข้าทั้งหมด เพื่อที่ข้าจะได้ใช้มันพัฒนาอาณาจักรของข้า”
“ขอบคุณมากพี่ซ่ง!” หลิงยี่เทียนหัวเราะ
หมากล้อมกระดานเมื่อครู่นั้นเปรียบได้กับการที่ทั้งสี่คนได้ถกเถียงกันว่าแนวความคิดของใครเหนือล้ำกว่ากัน ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมานั้นหลิงยี่เทียนชนะไปได้อย่างขาดลอย ดังนั้นทั้งสามคนจึงยินดีที่จะหนุนหลังหลิงยี่เทียนโดยไม่ตะขิดตะขวงใจอีกต่อไป