ตอนที่ 2,208 : คำชี้แนะของผู้เฒ่าหั่ว!
เป็นธรรมดาที่ต้วนหลิงเทียนจะคาดเดาได้ ว่าตอนนี้คนทั้งหมดกำลังคิดอะไรอยู่
และนั่นก็เป็นเป้าหมายของเขา
เขาต้องการให้คนของลัทธิอารามทมิฬรวมถึงลัทธิบูชาไฟเชื่อว่าที่เขาไม่ฆ่าเหาฉ่วงเป็นการจงใจ ยังเปิดโอกาสให้วิญญาณของเหาฉ่วงหนีไปต่อหน้าต่อตา
เพราะเขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าตอนนี้เขาเสมือนศรปลายเกาทัณฑ์ ที่สิ้นแรงส่งใกล้หล่นร่วงเต็มที…!
ถ้าเรื่องนี้เปิดเผยออกมา คนลัทธิอารามทมิฬไม่พ้นลงมือทันทีแน่! และด้วยพลังของมหาธรรมราชาทั้ง 2 ไม่พ้นพวกมันต้องเป็นฝ่ายได้ชัย! สุดท้ายเขาก็ไม่วายตกอยู่ในกำมือของพวกมัน!!
นั่นไม่ใช่อะไรที่เขาอยากจะเห็น!
วูบ!
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อใด แต่กระบี่นิลสวรรค์ได้ย้อนกลับมาสู่มือต้วนหลิงเทียนเรียบร้อย
กระบี่นิลสวรรค์ได้ผลาญพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดเขาไป 9 ใน 10 ส่วน ทำให้เขาไม่เหลือพลังจะไล่ตามวิญญาณเหาฉ่วง เปิดโอกาสให้มันหนีไปได้แบบนั้น
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
…
อย่างไรก็ตามแม้พลังในกระบี่จะอ่อนโทรมลงแทบไม่เหลือ ทว่าเมื่อต้วนหลิงเทียนยังประคองรั้งเอาไว้ กลิ่นอายพลังก็ยังคงเปล่งออกมาเหมือนตอนแรก จนเมื่อพลังในกระบี่หมดลงกลิ่นอายพลังจึงจะดับไป…
เมื่อเห็นว่ากระบี่หวนกลับเข้าสู่มือต้วนหลิงเทียนแล้ว อีกทั้งตัวกระบี่ยังเปล่งกลิ่นอายพลังทำลายล้างอันน่าพรั่นพรึง กอปรกับเห็นแวววตาเยียบเย็นไม่แยแสที่ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองมา คนของลัทธิอารามทมิฬก็ใจสั่นไปทันที
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าอย่าได้รังแกกันเกินไป!”
จ้าวลัทธิอารามทมิฬที่สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างร้ายแรง เร่งตะโกนกล่าวออกมาด้วยน่ำเสียงหวั่นๆ
“หากเจ้าคิดทำร้ายพวกเราล่ะก็ วันหน้าท่านอาวุโสสูงสุดจะตามไปทวงแค้นเจ้าถึงลัทธิบูชาไฟแน่นอน…เรื่องนี้เจ้าต้องคิดให้ดี!”
ครู่ต่อมาจ้าวลัทธิอารามทมิฬก็เร่งยกอ้างอาวุโสสูงสุดอย่างหล่างจินเชียนขึ้นมาขู่ต้วนหลิงเทียน
เพื่อให้ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความรู้สึก ‘คิดเขวี้ยงมุสิกกริ่งเกรงภาชนะเสียหาย’
(คิดเขวี้ยงมุสิกกริ่งเกรงภาชนะเสียหาย = เกิดความละล้าละลังไม่กล้าลงมือ ด้วยได้ไม่คุ้มเสีย)
ถึงแม้ว่าพญามังกรเสื้อม่วงกับจ้าวพยัคฆ์ขาวของลัทธิอารามทมิฬจะไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาของพวกมันก็มองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนไม่วางตา ยามลดลงไปมองกระบี่ที่เปล่งกลิ่นอายพลังทำลายล้างในมือ ความหวาดกลัวยังฉายชัดยากปกปิด
พวกมันก็เห็นได้ชัดเจน
เหตุผลที่การจู่โจมของต้วนหลิงเทียนทรงพลังเหนือกว่าเหาฉ่วง สมควรขึ้นอยู่กับกระบี่เล่มนี้!
ความรู้สึกที่กระบี่เล่มนี้แผ่ออกมา น่ากลัวว่าจะเหนือกว่ายอดศาสตราเซียนด้วยซ้ำ!
พวกมันสรุปได้ทันที
ว่านี่คือยอดศาสตราที่อยู่เหนือกว่ายอดศาสตราเซียนใดๆในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!
แน่นอนว่านี่อาจไม่ใช่ยอดศาสตราเซียน
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้สามารถรอดชีวิตอยู่ในระนาบเทียมของ 3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะได้ แถมพลังฝึกปรือยังก้าวหน้าขึ้นมาอย่างเหลือเชื่อ…เช่นนั้นกระบี่เล่มนี้สมควรได้มาจากในนั้นด้วย…”
“ไม่ว่านั่นจะเป็นกระบี่ผีสางอันใดก็ตาม แต่น่ากลัวว่ายังมีพลังเหนือกว่ายอดศาสตราเซียนของพวกเรา เผลอๆจะเป็นกระบี่จากดินแดนเนรเทศ! เป็นมรดกจากยอดฝีมือเผ่าพันธุ์ปีศาจที่ต้วนหลิงเทียนโชคดีได้มาแน่!!”
ความคิดทำนองดังกล่าวไม่เพียงเกิดขึ้นกับคนของลัทธิอารามทมิฬเท่านั้น
กระทั่งคนของลัทธิบูชาไฟบางส่วนก็คิดแบบนี้เหมือนกัน
ความรู้สึกที่แผ่ออกมาจากกระบี่ในมือของผู้พิทักษ์หลิงเทียนพวกมัน เป็นอะไรที่ทรงพลังเหนือล้ำยิ่งกว่ายอดศาสตราเซียนที่พวกมันเข้าใจอย่างสมบูรณ์
กระทั่งให้เป็นกระบี่ 9 สวรรค์ กับ กระบี่ไร้ลักษณ์ อันเป็นยอดศาสตราเซียนประเภทกระบี่นั่น ก็เกรงว่าจะมีพลังน้อยกว่านี้
“อ้อ…แล้วหากข้าขี้เกียจคิดอะไรให้มากเล่า?”
ต้วนหลิงเทียนหยีตาลงเมื่อได้ยินคำขู่ของจ้าวลัทธิอารามทมิฬ นอกจากแววตาจะเริ่มเย็นลงแล้ว ยังปรากฏจิตสังหารเอ่อล้นออกมาทั่วร่าง
สัมผัสได้ถึงจิตสังหารอำมหิต ทั้งกลิ่นอายพลังทำลายล้างอันน่าพรั่นพรึงจากกระบี่นิลสวรรค์ คนลัทธิอารามทมิฬถึงกับขวัญหนีดีฝ่อ หน้าซีดลงอย่างหนัก
พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าต้วนหลิงเทียน ผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟคนนี้จะไร้เหตุผลแบบนี้ แค่ได้ยินวาจาขู่จากจ้าวลัทธิอารามทมิฬเข้าหน่อยก็คิดฆ่าคนระบายโทสะแล้ว!
“ผู้พิทักษ์หลิงเทียน!”
รองจ้าวลัทธิบูชาไฟทั้ง 2 เร่งตะโกนออกมาอย่างเสียขวัญ พวกมันร้อนใจทั้งกังวลเหลือเกินว่าต้วนหลิงเทียนจะลงมือฆ่าเหล่าคนของลัทธิอารามทมิฬด้วยโทสะขึ้นมาจริงๆ!!
อาศัยความจริงที่ว่าต้วนหลิงเทียนลำบากเพียงใช้ 1 กระบี่ฆ่าเหาฉ่วงได้ง่ายดาย จนเหาฉ่วงต้องเร่งละทิ้งกายเนื้อ ถอดจิตลี้ร่างไปแบบนั้น พวกมันก็เห็นได้ชัดถนัดตาว่า…
ผู้พิทักษ์หลิงเทียนคนนี้มีพลังมากพอจะเข่นฆ่าสังหารคนของลัทธิอารามทมิฬทั้งหมดตรงหน้า!
กระทั่งผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ของลัทธิบูชาไฟคิดจะห้าม ยังไม่มีปัญญาจะห้ามด้วยซ้ำ!
“ผู้พิทักษ์หลิงเทียนข้ารู้ดีวว่าตอนนี้ท่านมีโมโหนัก…แต่คนของลัทธิอารามทมิฬเหล่านี้ฆ่าไม่ได้! หากท่านฆ่าพวกมันทิ้งไป นับว่าเพาะสร้างความแค้นกับอาวุโสสูงสุดลัทธิอารามทมิฬถึงขั้นไม่ตายไม่เลิกราแล้ว! ถึงตอนนั้นมันได้บุกมาฆ่าล้างถึงลัทธิบูชาไฟเราอย่างมิมีอะไรจะเสียแน่!!”
“ผู้พิทักษ์หลิงเทียนอย่างไรหล่างเชียนจินนั่นมันก็เป็นเซียนสววรรค์ 9 เปลี่ยน…หากมันบุกมาลัทธิบูชาไฟของพวกเราจริง แม้ท่านจ้าวลัทธิเราจะร้ายกาจรับมือมันได้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะปกป้องพวกเราทุกคน”
“ใช่แล้วผู้พิทักษ์หลิงเทียน ถึงตอนนั้นจริงกระทั่งตัวท่านยังต้องตกอยู่ในอันตรายด้วย”
…
ได้ยินคำกลาวห้ามจาก 4 ผู้พิทักษ์ที่เร่งกันกล่าวออกมาอย่างร้อนใจ ต้วนหลิงเทียนแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหว ขณะเดียวกันยังลอบชมเชยการแสดงของตัวเองไม่ได้
‘เดี๋ยวนี้ทักษะการแสดงของข้านับว่าไม่เบาแล้วจริงๆ…หากไปอยู่บนโลกเก่าไม่รู้พอมีหวังคว้ารางวัลตุ๊กตาทองคำอะไรนั่นได้รึยัง’
หลังลอบคิดอย่างสนุกสนานในใจพักหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองพวกลัทธิอารามทมิฬด้วยสายตาเยียบเย็น กล่าวออกด้วยน้ำเสียงชวนให้หนาวเหน็บว่า “วันนี้ข้าไม่ฆ่าพวกเจ้าก็ได้…แต่พวกเจ้าต้องชดใช้ในการกระทำครั้งนี้!”
“ข้าก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย…ให้จ้าวลัทธิอารามทมิฬทิ้งแขนไว้สักข้างเถอะ! จากนั้นพวกเจ้าจะไปไหนก็ไป!!”
เสียงกล่าวของต้วนหลิงเทียนยิ่งมายิ่งเยียบเย็นนัก ชวนให้ผู้ฟังเสมือนตกอยู่ท่ามกลางฤดูหนาว
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน สีหน้าจ้าวลัทธิอารามทมิฬก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
ฉัวะ!!
อย่างไรก็ตามมันคือจ้าวลัทธิอารามทมิฬ เพื่อเห็นแก่ภาพรวมมันไม่ลังเลใดๆ เอื้อมมือขวาไปกระชากแขนซ้ายออก ก่อนจะใช้พลังป่นทำลายแขนซ้ายทิ้ง!
ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่มีโอกาสต่อแขนซ้ายได้อีกต่อไป!
“จ้าวลัทธิ!”
พญามังกรเสื้อม่วงกับจ้าวพยัคฆ์ขาวหน้าเปลี่ยนสีไปทันที
อย่างไรก็ตามแม้พวกมันจะทั้งมีโมโหทั้งรู้สึกอัปยศนัก แต่พวกมันก็ไร้ซึ่งความกล้าจะหืออืออะไรต่อหน้าต้วนหลิงเทียน
ฉากที่ต้วนหลิงเทียนสยบเหาฉ่วงในกระบี่เดียวนั้น ยังตราตรึงอยู่ในใจของพวกมัน
ตัวตนที่ทรงพลังระดับนี้ ไม่ใช่อะไรที่พวกมันตอแยด้วยได้
“ท่านจ้าวลัทธิ!!”
รองจ้าวลัทธิอารามทมิฬทั้ง 2 ร่ำร้องออกมาด้วยน้ำเสียงโศกศัลย์ พวกมันรู้สึกละอายทั้งคับแค้นใจนัก แต่พวกมันก็ไม่กล้าลงมือทำอะไร
“ผู้พิทักษ์หลิงเทียน…ท่านพอใจแล้วหรือไม่?”
จ้าวลัทธิอารามทมิฬมองถามต้วนหลิงเทียนเสียงเข้ม ใบหน้าจริงจัง แววตาฉายชัดถึงโทสะยากปกปิด
“ไสหัวไป!”
“แล้วก็รีบไปให้พ้นหน้าข้า…ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ!”
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่จะยกมือขึ้นโบกไล่ส่งๆ
ทันใดนั้นเหล่าคนของลัทธิอารามทมิฬก็โล่งอก และรีบเร่งจากไปทันที
มหาธรรมราชา จ้าวลัทธิไม่เว้นรองจ้าวลัทธิอารามทมิฬ ทั้งหมดรีบรุดเหินร่างจากไปด้วยความเร็วสุดตัว!
พวกมันทั้งหมดกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะเปลี่ยนใจขึ้นมาจริงๆ!
เพียงเวลาชั่วพริบตาเหล่าคนของลัทธิอารามทมิฬก็เหินร่างจากไปกันหมด
เห็นแบบนี้เหล่าคนของลัทธิบูชาไฟก็เผยสีหน้าโล่งใจออกมา
ก่อนหน้านี้พวกมันก็กังวลเหลือเกินว่าผู้พิทักษ์หลิงเทียนของพวกมันจะโมโหร้ายฆ่าคนของลัทธิอารามทมิฬด้วยโทสะ
“ผู้พิทักษ์หลิงเทียน ถึงแม้ข้าจะรู้ว่าพลังฝีมือของท่านสมควรเหนือกว่าข้าตั้งแต่แรก…แต่ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะเหนือกว่าข้ามากมายขนาดนี้ เจ้าเหาฉ่วงนั่นไม่เพียงเป็นยอดฝีมืออันดับ 5 ในรายนามยอดเซียน แต่ยังได้รับการกล่าวขานว่าเป็นอันดับ 1 ใต้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน…แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะรับไม่ได้แม้แต่กระบี่เดียวของท่าน!”
ผู้พิทักษ์สื่อเฟิงมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนพลางถอนหายใจ
“ผู้พิทักษ์หลิงเทียน…ท่านไม่ซุกซ่อนผู้อื่นไว้มิดชิดเกินไปหน่อยหรือ”
ผู้พิทักษ์ชิงหั่วมองกล่าวกกับต้วนหลิงเทียนด้วยใบหน้าขมขื่น
พอคิดถึงเรื่องที่มันเคยคิดจะรับต้นหลิงเทียนมาก่อน มันรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวจนแทบอยากขุดหลุมหลบให้รู้แล้วรู้รอด
“ผู้พิทักษ์หลิงเทียน แต่ก่อนแม้ท่านจะเหนือกว่าแต่เหลิ่งอิงไม่เคยยอมรับ…วันนี้ข้าไม่อาจไม่ยอมรับท่านแล้ว”
ผู้พิทักษ์เหลิ่งอิงมองกล่าวออกมาด้วยความเคารพเลื่อมไส
“พอรายนามยอดเซียนฉบับใหม่ออกมา ทุกคนต้องตกใจแน่เมื่อได้เห็นว่าผู้พิทักษ์หลิงเทียนของเราแทนที่เหาฉ่วง กลายเป็นอันดับ 5 ในรายนามยอดเซียน…เพราะไม่เพียงบอกให้รู้ว่าผู้พิทักษ์หลิงเทียนเราเหนือกว่า แต่ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นอันดับ 1 ใต้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนแทนมัน!”
พอหงอวิ๋นกล่าวชื่นชมออกมา เหล่าอาวุโสทั้งหลายก็มองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตายกย่องนับถือ
ถึงแม้จะเป็นจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวกับจ้าวแท่นบูชมังกรครามที่เคยมีเรื่องบาดหมางกับต้วนหลิงเทียนมาก่อน แต่วันนี้ในสายตาของพวกมันก็เต็มไปด้วยความเคารพนับถือจากกใจ
อีกทั้งพลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกมายังทำให้พวกมันหวาดกลัวจับใจ
‘อันดับ 5 ในรายนามยอดเซียน?’
‘อันดับ 1 ใต้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน’
ได้ยินคำของหงอวิ๋น แม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่นำพาลาภยศสรรเสริญ แต่ใจที่เคยสงบดั่งน้ำนิ่งก็กลายเป็นหวั่นไหวเล็กน้อย
“ผู้พิทักษ์หลิงเทียนกระบี่ของท่าน…”
ไม่นานสายตาของผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ก็เบนไปตกยังกระบี่นิลสวรรค์ในมือต้วนหลิงเทียน เป็นสื่อเฟิงที่อดถามออกมาไม่ได้
ทว่าทันใดนั้นเองไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะได้ตอบอะไร เสียงหนึ่งพลันดังเข้าหูเขา
และเป็นเสียงของผู้เฒ่าหั่ว!
“เจ้ารีบไปพาภรรยากับลูกสาวเจ้าหนีก่อนที่จ้าวลัทธิบูชาไฟจะกลับมาเถอะ!”
เป็นผู้เฒ่าหั่วกล่าวกระตุ้นเตือนทั้งชี้แนะต้วนหลิงเทียนออกมา!
ใช่!
ตอนนี้ถังซวนสมควรปะทะติดพันกับหล่างเชียนจินของลัทธิอารามทมิฬ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะกลับมาในช่วงเวลาสั้นๆ ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่เขาจะช่วยเหลือแม่ลูกเค่อเอ๋อ
“ผู้เฒ่าหั่วขอบคุณท่าน!”
หลังส่งเสียงผ่านพลังขอบคุณผู้เฒ่าหั่วแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าตอนนี้ทุกสายตากำลังจับจ้องมาที่กระบี่นิลสวรรค์ของเขา ทันใดนั้นก็มีแรงบันดาลใจหนึ่งสว่างวาบขึ้นมา เขาคิดหาวิธีเบี่ยงเบนความสนใจทุกคนได้แล้ว
“ผู้พิทักษ์ทั้ง 4 รวมถึงรองจ้าวลัทธิแล้วก็อาวุโสเพลิงทองทั้งหลาย…”
ต้วนหลิงเทียนหันมองไปยังระดับสูงของลัทธิบูชาไฟ พลางกล่าวออกมาว่า “พวกท่านคงเห็นแล้วว่ายอดศาสตราเซียนอย่างพลองธัมมะของเหาฉ่วงได้ปลิวกระเด็นหลุดมือมันไปก่อนหน้า…แถมทิศทางที่มันถอดวิญญาณหนีไปยังไม่ใช่ทิศทางเดียวกับที่พลองธัมมะกกระเด็นไป…”
“กล่าวไปวันนี้ข้าค่อนข้างมีความสุขกับฐานะใหม่ไม่น้อย เช่นนั้นให้ข้าเล่นเกมอะไรสนุกๆกับพวกท่านสักครา…”
“ข้าจะให้เวลาพวกท่าน 10 ลมหายใจ เพื่อแข่งกันไปค้นหาพลองธัมมะ…และไม่ว่าผู้ใดพบพลองธัมมะก่อน ข้าจะให้มันเป็นรางวัลแก่ผู้ที่พบเจอเป็นอย่างไร?”