ตอนที่ 970: สู้กับไป่ยี่เฟย

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 970: สู้กับไป่ยี่เฟย

ทุกคนที่เห็นเริ่มที่จะหน้าซีด เซียนผู้คุมกฎที่ทรงพลังของพวกเขาทั้งสี่คนถูกสังหารไปอย่างง่ายดาย พวกเขาได้รับผลกระทบอย่างหนัก และวิญญาณของพวกเขาก็ติดอยู่ในความหวาดกลัว

ในตอนนี้ สมาชิกทุกคนของพันธมิตรพิชิตอัคนีรู้สึกเหมือนว่าความตายกำลังห้อมล้อมพวกเขาอยู่ แม้ว่าพวกเขาจะมีเซียนผู้คุมกฎอีก 23 คน แต่พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกปลอดภัยเลย

จากนั้น เจี้ยนเฉินก็มองไปที่เซียนผู้คุมกฎอีก 23 คนหลังจากที่ฆ่าสี่คนนั้นไปแล้ว เขายกยุทธภัณฑ์จักรพรรดิขึ้นช้า ๆ ในขณะที่เปล่งประกายไปด้วยแสงสีดำ พลังงานแห่งการทำลายล้างอบอวลไปรอบ ๆ ในขณะที่กลิ่นอายแห่งความตายกำลังครอบคลุมไปทั่วบริเวณ มันทำให้เซียนผู้คุมกฎหวาดกลัวไปถึงก้นบึ้งของหัวใจของพวกเขา

นี่เป็นพลังที่ทำให้แม้แต่พวกเขายังสั่น พลังที่ไม่ต้องคิดแม้แต่ที่จะต่อต้าน

เซียนผู้คุมกฎทั้งหมดกลัวในขณะที่พวกเขาถอยไปกลางอากาศ สายตาที่พวกเขามองไปที่เจี้ยนเฉินนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“เจี้ยนเฉิน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเรา มันไม่เกี่ยวกับพวกเราจริง ๆ เหตุผลที่พวกเราโจมตีเมืองอัคนีนั้นเป็นเพราะการล่อลวงของไป่เจี้ยน ไป่เจี้ยนเป็นตัวการหลัก” เซียนผู้คุมกฎพูดออกมาด้วยเสียงสั่น เมื่อเผชิญหน้ากับเซียนราชา ไม่มีใครที่กล้าแม้แต่จะหนีเพราะว่าเซียนราชาสามารถเปิดประตูมิติได้ ไม่มีทางที่พวกเขาจะหนีได้

“ไป่เจี้ยนอยู่ที่ไหน ? ” เสียงของเจี้ยนเฉินเย็นชาและเต็มไปด้วยจิตสังหาร

“เขาอยู่ที่เมืองหลวงของจักรวรรดิเฟยลี่” เซียนผู้คุมกฎพูดอย่างเร่งรีบ เขาภาวนาในใจ เขาหวังว่าเจี้ยนเฉินจะไปที่จักรวรรดิเฟยลี่เพื่อแก้แค้นและออกจากที่นี่ไป แบบนั้นพวกเขาจะมีเวลาเหลือพอให้หนีและไปจากความหายนะนี้ได้

“ไป่เจี้ยน ไม่ว่าเจ้าจะซ่อนอยู่ที่ไหน ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ แต่ก่อนที่ข้าจะไปที่จักรวรรดิเฟยลี่ ให้ข้าจัดการพวกเจ้าทั้งหมดเสียก่อน” เจี้ยนเฉินคำรามออกมา เขาชี้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิอย่างช้า ๆ ไปที่เซียนผู้คุมกฎ ในขณะที่จิตสังหารก็พุ่งออกมาจากเขาอย่างไม่หยุด มันทำให้เซียนผู้คุมกฎหน้าซีดด้วยความกลัว

“เจี้ยนเฉิน มันไม่เกี่ยวกับพวกเราจริง ๆ ทั้งหมดเกี่ยวกับไป่เจี้ยน เขาควบคุมทุกอย่าง พวกเราก็แค่ตัวหมากของพวกเขา” เซียนผู้คุมกฎพยายามที่จะอธิบาย พวกเขาไม่กล้าที่จะต่อต้านเจี้ยนเฉินอีกต่อไปหลังจากที่เห็นเซียนผู้คุมกฎทั้งสี่ตายกับตา แม้ว่าพวกเขาจะได้เปรียบในด้านจำนวน

“ไป่เจี้ยนจะตายไปพร้อม ๆ กับพวกเจ้าด้วย รวมถึงพันธมิตรพิชิตอัคนี ข้าจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแม้แต่คนเดียว” เจี้ยนเฉินพูดอย่างเย็นชาก่อนที่จะพุ่งเข้าไปที่เซียนผู้คุมกฏทั้งยี่สิบสามคน

แต่ในตอนนี้เอง มิติด้านหน้าของเจี้ยนเฉินก็เริ่มที่จะบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง ประตูมิติเกิดขึ้นมาทันทีและก่อนที่คนผู้หนึ่งจะออกมา ออร่าที่มหาศาลก็ปรากฎขึ้นมาก่อน

เจี้ยนเฉินหยุดและจ้องเขม็งไปที่ประตูมิติ สายตาของเขาเป็นประกายเย็นชา

เซียนผู้คุมกฎทั้งหมดถอนหายใจด้วยความโล่งอก สำหรับพวกเขาแล้ว ดูเหมือนว่าเจี้ยนเฉินจะยังมีพยัคฆ์ปีกเทวะอยู่ ดังนั้นเขาจึงเป็นเป้าหมายของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบ มีเซียนราชาอีกคนเปิดประตูมิติมาถึงที่นี่ เขาต้องจัดการกับเจี้ยนเฉินเพื่อเอาพยัคฆ์ปีกเทวะไปแน่ เขาคงจะทำให้เจี้ยนเฉินวุ่นวายอยู่บ้าง

ภายใต้สายตาของเจี้ยนเฉินและเซียนผู้คุมกฎ ชายวัยกลางคนในชุดขาวที่ดูหน้าซีดเล็กน้อยก็ก้าวออกมา

“นั่นคือผู้อาวุโสไป่ยี่เฟย เยี่ยมเลย ผู้อาวุโสไป่ยี่เฟยมาแล้ว” เซียนผู้คุมกฎอุทานออกมาอย่างยินดีเมื่อเห็นชายคนนี้ พวกเขาดีใจมาก

ตาของเจี้ยนเฉินหรี่เล็กลงอย่างไว ในขณะที่จิตสังหารของเขาพุ่งพวยขึ้นอย่างรวดเร็ว “ไป่ยี่เฟย เจ้ามาได้ถูกเวลาเสียจริง มันถึงเวลาแล้วที่ข้าจะสะสางความบาดหมางของพวกเราเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้”

ไป่ยี่เฟยจ้องอย่างเย็นชาไปที่เจี้ยนเฉินในขณะที่ความเย้ยหยันอยู่ในดวงตาของเขา เขาเหยียดหยามออกมาว่า “เจี้ยนเฉิน ข้าคาดไว้ว่าเจ้าจะต้องกลับมาสักวันหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ดังนั้นข้าจึงทิ้งตราประทับวิญญาณไว้ที่เจ้า ข้าไม่คิดเลยว่าการคาดหวังของข้าจะเป็นจริง เจ้ากลับมาจริง ๆ มันถึงเวลาที่ข้าจะแก้แค้นที่เจ้าทำให้วิญญาณของข้าบาดเจ็บแล้ว..” เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ ตาของไป่ยี่เฟยก็หรี่เล็กลงอย่างมาก ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมากด้วยในขณะที่เขาอุทานออกมาแล้วชี้ไปที่เจี้ยนเฉิน “ปะ ปะ เป็นไปได้ยังไง ! ? ทำไมพลังแห่งการมีอยู่ของเจ้าถึงได้ทรงพลังขนาดนี้ ! ? เจ้ากลายเป็นเซียนราชาได้ไงในเวลาแค่ไม่กี่ปี ! ? ” ความเหลือเชื่อท่วมท้นไปที่ใบหน้าของไป่ยี่เฟย จิตใจของเขาเริ่มที่จะปั่นป่วนด้วยความตกใจ

ต่อมา ไป่ยี่เฟยก็มองไปที่กระบี่ของเจี้ยนเฉินทันที ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอีกครั้ง ในครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความตกตะลึง เขาตะโกนออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ “นะ นั่นมันยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ เจ้ามียุทธภัณฑ์จักรพรรดิจริง ๆ ! “

เจียนเนอดไม่ได้ที่จะเหยียดหยามออกมาเมื่อเขาเห็นว่าไป่ยี่เฟยนั้นตกใจเพียงใด “ไป่ยี่เฟย มันน่าเสียดายที่ข้าพลาดที่จะสังหารเจ้าในตอนนั้น แต่ในวันนี้เจ้าจะต้องตาย ไม่มีใครช่วยเจ้าได้แล้ว”

ไป่ยี่เฟยเก็บความตกใจอย่างรวดเร็วจากคำพูดเหยียดหยามของเจี้ยนเฉิน สายตาของเขาเป็นประกายในขณะที่เขาสงบลงอย่างรวดเร็วและตะโกนออกมา “เจี้ยนเฉิน พลังแห่งการมีอยู่ของเจ้าที่เป็นถึงเซียนราชาอาจจะเนื่องมาจากยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ เจ้ายังเป็นเซียนผู้คุมกฎอยู่ในตอนนี้ เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าจะเอาชนะข้าได้เพียงแค่มียุทธภัณฑ์จักรพรรดิ ? เจ้ากำลังหลอกตัวเองอยู่ เซียนราชานั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการได้ ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของเซียนราชาในวันนี้ เมื่อข้าฆ่าเจ้าแล้ว ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของเจ้าจะเป็นของข้า และข้าจะส่งพยัคฆ์ปีกเทวะให้นิกายยิหยวนของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบเพื่อที่จะแลกกับยาที่จะช่วยรักษาวิญญาณของข้าได้”

ตาของไป่ยี่เฟยลุกไหม้ไปด้วยความโลภในขณะที่เขามองไปที่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ เขาไม่รู้เกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงดูถูกเจี้ยนเฉินอย่างมาก เขามองยุทธภัณฑ์จักรพรรดิว่าเป็นของเขาไปเรียบร้อยแล้ว

เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างเหยียดหยามแล้วพูดออกมา “เจ้ายังไม่มีความสามารถที่จะเอายุทธภัณฑ์จักรพรรดิไปจากมือของข้าได้”

“เดี๋ยวเราจะได้รู้กัน” ไป่ยี่เฟยเต็มไปด้วยความมั่นใจ เขาปฏิเสธที่จะเชื่อว่าเจี้ยนเฉินนั้นจะเป็นเซียนราชาแล้วในเวลาอันสั้นไม่กี่ปีนี้ ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงคิดว่ากลิ่นอายที่ทรงพลังของเจี้ยนเฉินนั้นเป็นผลมาจากยุทธภัณฑ์จักรพรรดิทั้งหมด

พลังเซียนที่มหาศาลพุ่งออกมาจากไป่ยี่เฟย นี่เป็นพลังของเซียนราชา มันสุดยอดมากและทำให้มิติรอบ ๆ สั่นไหวอย่างรุนแรง ในเวลาเดียวกัน พลังธรรมชาติที่มองไม่เห็นก็มารวมตัวรอบ ๆ เขาอย่างรวดเร็ว และหมุนไปรอบ ๆ ไป่ยี่เฟย

“เจี้ยนเฉิน ข้าจะแสดงให้เจ้าดูถึงความแข็งแกร่งของข้า” ท่าทางของไป่ยี่เฟยดุร้ายและเขาก็ตะโกนออกมาทันที พลังเซียนและพลังธรรมชาติรอบ ๆ เขาหลอมรวมเข้าด้วยกันในตอนนี้ และเปลี่ยนเป็นนิ้วขนาดใหญ่ที่พุ่งไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความเร็วดุจสายฟ้า

นิ้วยาว 10 เมตรและกว้างครึ่งเมตร มันพุ่งผ่านอากาศในขณะที่เปล่งรัศมีไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง และตัดผ่านมิติไป

รอยยิ้มเย็นเย็นชาที่มุมปากของเจี้ยนเฉินสูงขึ้นเรื่อย ๆ เขามองไปที่นิ้วอย่างไม่สนใจก่อนที่จะเหวี่ยงยุทธภัณฑ์จักรพรรดิออกไป ปราณกระบี่สีดำยาวพุ่งออกไป

ปราณกระบี่เปล่งรัศมีไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้างในขณะที่มันพุ่งไปที่นิ้วใหญ่ รอยแยกขนาดใหญ่เกิดขึ้นในที่ซึ่งปราณกระบี่ผ่านไป และทำให้เกิดสีดำ

บู้ม !

ปราณกระบี่ของเจี้ยนเฉินปะทะเข้ากับนิ้วใหญ่ของไป่ยี่เฟยกลางอากาศ ในขณะที่พลังงานรุนแรงที่เหลืออยู่ก็เริ่มกวาดไปรอบ ๆ ทันที มันทำให้มิติรอบ ๆ สั่นไหวอย่างรุนแรง แม้แต่พื้นดินยังดูเหมือนจะสั่นไหว และทำให้ภูเขาถล่มลงมา

ไป่ยี่เฟยเคร่งเครียดในขณะที่เขาคำรามออกมา “ข้าไม่คิดเลยว่ายุทธภัณฑ์จักรพรรดิจะทรงพลังถึงขนาดที่ทำให้เซียนผู้คุมกฎแสดงความยิ่งใหญ่ออกมาได้ขนาดนี้ ถ้ายุทธภัณฑ์จักรพรรดิมาอยู่ในมือของข้า ความแข็งแกร่งของข้าต้องเพิ่มขึ้นเหนือจินตนาการแน่” ในตอนสุดท้าย ความโลภในตาของไป่ยี่เฟยก็หนาแน่นขึ้น”

ในตอนนี้เอง แสงสีดำก็ได้พุ่งออกมา ปราณกระบี่ไม่ได้กระจายหายไปหลังจากที่ปะทะกับนิ้วของไป่ยี่เฟยและแทนที่กันมันกลับพุ่งออกมาจากคลื่นพลังในอากาศ มันพุ่งต่อไปอย่างไม่ลดกำลังลงเลย

ตาของไป่ยี่เฟยหรี่เล็กลงทันที และเขาก็ตะโกนออกมา “บัดซบ ! ” ทันใดนั้นเอง พลังงานก็เริ่มที่จะพุ่งมาที่ตรงหน้าของเขา ก่อนที่จะควบแน่นเป็นโล่กลมกว้าง 3 เมตรเพื่อป้องกันปราณกระบี่เอาไว้

ปรารกระบี่ล็อคเป้าไปที่ไป่ยี่เฟย ดังนั้นเขาจึงต้องรับมันตรงตรง

บู้ม !

ปราณกระบี่สีดำปะทะเข้ากับโล่กลมของไป่ยี่เฟยและทำให้เกิดเสียงดังน่ากลัวออกมา ปราณกระบี่ทรงพลังเกินกว่าที่ไป่ยี่เฟยจินตนาการเอาไว้ ดังนั้นโล่ที่ควบแน่นมาจากพลังเซียนและพลังธรรมชาติจึงไม่สามารถทนมันได้ มันแตกกระจายออกเสียงดัง ในขณะที่ปราณกระบี่ก็เสียพลังไปหลังจากที่ปะทะกับสิ่งกีดขวางทั้งสอง มันกระจายไปในอากาศ

แม้ว่าจะเป็นแบบนั้น แต่ไป่ยี่เฟยก็กระเด็นกลับไปอย่างรุนแรงโดยพลังนี้ เลือดกระจายออกมาอย่างควบคุมไม่ได้จากปากของเขา และตกลงไปที่พื้นเหมือนหมอกเลือด

ไป่ยี่เฟยลอยถอยกลับไปหลายสิบกิโลเมตรก่อนที่จะตั้งหลักได้ เขาจ้องไปที่เจี้ยนเฉินอย่างตกตะลึงในขณะที่ความเหลือเชื่อถาโถมอยู่ในดวงตาของเขา เขาพูดออกมาอย่างยากลำบาก “เป็นไปได้ยังไง ? ทำไมเจ้าถึงแข็งแกร่งขนาดนี้ ? จะ จะ เจ้าเป็นเซียนราชาจริง ๆ หรือ ? “

แม้แต่ในตอนนี้ ไป่ยี่เฟยก็ยากที่จะยอมรับเรื่องนี้ได้ ความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินได้เพิ่มระดับจากจนถึงขั้นที่สามารถทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ นี่ทำให้มันน่าตกใจมาก

จิตสังหารที่หนาแน่นไหลออกมาจากเจี้ยนเฉินในขณะที่เขาตะโกนออกไปอย่างเย็นชา “ไป่ยี่เฟย ข้าจะเอาชีวิตของเจ้าในวันนี้” ในขณะที่เขาพูดแบบนั้น เจี้ยนเฉินก็พึ่งไปที่เขาอย่างมุ่งร้ายด้วยยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ

ไป่ยี่เฟยเผยท่าทางกลัวออกมา ชิ้นหยกได้ปรากฏขึ้นในมือของเขาและเขาก็บีบมันไป ก่อนที่จะยกมือขึ้นอย่างช้า ๆ เขาปล่อยให้สายลมพัดฝุ่นผงหยกไปในขณะที่เขาเหยียดออกมา “เจี้ยนเฉิน ความแข็งแกร่งของเจ้าเหนือเกินจินตนาการของข้าจริง ๆ แต่ข้าได้เรียกตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบไปแล้ว ต่อหน้าตระกูลผู้พิทักษ์ มีแต่ความตายเท่านั้นไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม ถ้าเจ้าไม่หนีตอนนี้ มันคงจะสายเกินไปแน่”