ตอนที่ 971: ต่อต้านตระกูลผู้พิทักษ์ (1)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 971: ต่อต้านตระกูลผู้พิทักษ์ (1)

เจี้ยนเฉินหัวเราะเยาะไป่ยี่เฟยที่พยายามทำให้เขากลัว “ไป่ยี่เฟย แม้ว่าตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบจะมารวมกันที่นี่ในวันนี้ พวกเขาก็ไม่สามารถเอาชีวิตข้าได้ ตายซะ” เจี้ยนเฉินเพิ่มความเร็วเข้าไปที่ไป่ยี่เฟย และไปถึงที่นั่นในพริบตา ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิแทงไปที่เขาเหมือนสายฟ้าสีดำ

ไป่ยี่เฟยได้รับบาดเจ็บสาหัสและมีสภาพไม่เหมือนเดิม เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงพลังของการโจมตีของเจี้ยนเฉิน หัวใจของเขาก็หล่นไปอยู่ตาตุ่ม อย่างไรก็ตาม เขาก็พยายามที่จะขยับแขนอย่างช้า ๆ ดาบใหญ่ปรากฏขึ้นมาในมือของเขาทันที และเขาก็ถือมันไว้ด้านหน้าของเขาเพื่อป้องกันการโจมตีที่กำลังพุ่งเข้ามา

อาวุธของเจี้ยนเฉินแทงเข้าไปที่ดาบใหญ่ตรงหน้าไป่ยี่เฟย เสียงโลหะขูดกัน พลังที่น่ากลัวก็กระแทกให้ไป่ยี่เฟยถอยกลับไปอีกครั้ง เขากระอักเลือดออกมาทันทีอีกสองสามครั้ง เขาหน้าซีดกว่าเดิม และไร้สีเลือดบนใบหน้าของเขา

แม้ว่าไป่ยี่เฟยจะเป็นเซียนราชาเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจี้ยนเฉิน ในขณะที่เจี้ยนเฉินสามารถแสดงความแข็งแกร่งเท่ากับเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 7 เมื่อมียุทธภัณฑ์จักรพรรดิ

“บัดซบ ทำไมความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินถึงได้มาถึงระดับที่น่ากลัวในเวลาอันสั้นแบบนี้ ? ข้าไม่มีพลังพอแม้แต่จะสู้กับเขาได้” ไป่ยี่เฟยตกตะลึงในใจ สายตาที่เขามองไปที่เจี้ยนเฉินนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

เจี้ยนเฉินจับยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเอาไว้แน่นด้วยมือขวา ในขณะที่จิตสังหารที่เย็นชาเป็นประกายอยู่ในตาของเขา เขาเคลื่อนไหวร่างกายเล็กน้อยแล้วกลายเป็นภาพติดตาที่ไล่ตามไป่ยี่เฟยไปต่อ

ท่าทางของไป่ยี่เฟยเปลี่ยนไปอีกครั้ง จากการปะทะ 2 ครั้ง ความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินได้ทำให้เขาหวาดกลัว ความคิดยอมแพ้เบ่งบานในจิตใจของเขา เขาสูญเสียความคิดในการต่อสู้เมื่อเขาเห็นเจี้ยนเฉินไล่เข้ามาอีกครั้ง เขาเตรียมที่จะเปิดประตูมิติเพื่อที่จะหนี

ในตอนนี้เอง มิติที่อยู่ห่างหลายกิโลเมตรออกไปก็เริ่มสั่นไหวและประตูมิติก็เกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเองพลังที่มหาศาลก็โผล่ออกมาจากในนั้น

ด้วยการปรากฏขึ้นของประตูมิติ ไป่ยี่เฟยก็ยินดีทันที เขายกเลิกความคิดที่จะหนีและตะโกนออกไป “หลิงหยวนซี เจี้ยนเฉินกลับมาแล้วและพยัคฆ์ปีกเทวะก็อยู่บนไหล่ของเขา ถ้าเจ้าไม่มาที่นี่เดี๋ยวนี้ เขาจะหนี”

“คนที่ควรจะหนีน่าจะเป็นเจ้า ไม่ใช่ข้า แค่หลิงหยวนซีกระจอก ๆ ไม่พอที่จะทำให้ข้ากลัวหรอก” เจี้ยนเฉินพูดอย่างเย็นชา เขาไม่สนใจประตูมิติในขณะที่เขาจ้องเขม็งไปที่ไป่ยี่เฟย ในขณะที่เขาเข้าไปใกล้ไป่ยี่เฟย เขาก็แทงยุทธภัณฑ์จักรพรรดิออกไปอย่างไม่ลังเล

การโจมตีของเจี้ยนเฉินเหมือนจะผ่านข้อจำกัดของเวลาและมิติได้ และไปถึงตรงหน้าของไป่ยี่เฟยทันที

ม่านตาของไป่นี่เฟยหรี่เล็กลงเหมือนเท่ารูเข็ม เขาเห็นกระบี่ดำที่กำลังขยายขึ้นในขณะที่มันกำลังพุ่งเข้ามาได้อย่างชัดเจน ในขณะที่ม่านแห่งความตายปกคุลมหัวของเขาเอาไว้เหมือนก้อนเมฆ

ความบ้าคลั่งปรากฏขึ้นในตาของไป่ยี่เฟยในขณะที่เขาทุ่มเททุกอย่างที่เขามีเพื่อที่จะป้องกันการโจมตีด้วยอาวุธเซียนของเขา อย่างไรก็ตาม เขาได้ถูกโจมตีอย่างรุนแรงไป 2 ครั้งแล้วก่อนหน้านี้ ดังนั้นกำลังของเขาจึงลดลงไปอย่างมาก เมื่ออาวุธเซียนปะทะเข้ากับยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ มันจึงถูกกระแทกกระเด็นไป ในขณะที่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิก็พุ่งต่อไปอย่างไม่ลดกำลังลง และไปถึงที่หน้าผากของไป่ยี่เฟย

ในตอนนี้เอง ชายชราผิวเลือดฝาดก็ออกมาจากประตูมิติ เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายยิหยวน หลิงหยวนซี

หลิงหยวนซีเห็นไป่ยี่เฟยกำลังตกอยู่ในอันตรายทันทีที่เขาออกมาจากประตูมิติ ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปและเขาก็ตะโกนออกมา “หยุดนะ ! “

อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินก็ไม่สนใจคำพูดของเขา ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิแทงเข้าไปอย่างไม่ปราณีไปที่หน้าผากของไป่ยี่เฟย

ฟุ้บ !

ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิแทงเข้าไปที่หัวของไป่ยี่เฟย วิญญาณของเขานั้นอ่อนแอเมื่ออยู่ต่อหน้าความยิ่งใหญ่ของยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ เขาไม่สามารถที่จะทนได้แม้แต่การโจมตีเดียว วิญญาณของเขาถูกกำจัดไป

ประกายตาของไป่ยี่เฟยหม่นลงในขณะที่พลังชีวิตหายจากเขาไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่สามารถที่จะลอยอยู่กลางอากาศได้อีกและตกลงมาด้วยท่าทางเดินที่เขายืนอยู่

“ไป่ยี่เฟย ! ” หลิงหยวนซีร้องออกมาด้วยความเสียใจ เขาโกรธมากเมื่อได้เห็นแบบนี้และบินไปที่ศพของไป่ยี่เฟยทันทีเพื่อพยายามที่จะรับไว้

สายตาของของเจี้ยนเฉินเป็นประกายเย็นชา เขากระตุกและกระบี่ก็แทงไปที่หลิงหยวนซี เจี้ยนเฉินไม่ได้โจมตีเต็มกำลัง แต่มันก็มีความยิ่งใหญ่ของเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 6 อยู่

หลิงหยวนซีคำรามออกมาและอาวุธเซียนก็ปรากฏขึ้นมา เขาเหวี่ยงมันออกไปและทำให้เกิดปราณดาบออกมา

ปราณกระบี่ของเจี้ยนเฉินปะทะกับปราณดาบทำให้เกิดเสียงดังเสียดหูขึ้นมา ปราณดาบหายไปทันทีและลดลงกลายเป็นพลังธรรมชาติที่หนาแน่นที่กระจายไปรอบ ๆ ในขณะที่ปราณกระบี่ของเจี้ยนเฉินก็อ่อนกำลังลงเล็กน้อยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม มันยังคงพุ่งต่อไปที่หลิงหยวนซีราวกับสายฟ้าฟาด

ตาของหลิงหยวนซีหรี่เล็กลงและเขาก็ค่อนข้างเครียด ดาบโค้งของเขาเปล่งแสงขึ้นและแขนของเขาก็กระตุก ดาบเพิ่มขึ้นมาอีกสองใบดาบและปราณดาบรวม 3 เล่มก็พุ่งออกไปในเวลาพร้อม ๆ กัน มันบินเป็นรูปสามเหลี่ยมไปที่ปราณกระบี่

บู้ม ! การโจมตีครั้งที่ 2 ของหลิงหยวนซีทำให้ปราณกระบี่ของเจี้ยนเฉินกระจายหายไป หลิงหยวนซีไม่สนใจศพของไป่ยี่เฟยอีกต่อไปหลังจากที่ถูกโจมตี แทนที่กัน เขาเริ่มจ้องไปที่เจี้ยนเฉินกลางอากาศ เขาเคร่งเครียดอย่างมาก

“นั่นมันยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ เจี้ยนเฉิน ข้าไม่คิดว่าก่อนเลยว่าเจ้าจะได้ยุทธภัณฑ์ตักรพรรดิมาจากการที่เจ้าไปที่อาณาจักรทะเล” หลิงหยวนซีรู้ว่านั่นคือยุทธภัณฑ์จักรพรรดิทันทีเพียงแค่เขามองเพียงปราดเดียวและเขาก็เผยท่าทางหวาดกลัวออกมา

ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูล หลิงหยวนซีนั้นรอบรู้ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้เห็นยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับความยิ่งใหญ่ของมันตั้งแต่แรก

“หลิงหยวนซี ตอนที่เขาไล่ตามข้าเมื่อหลายปีก่อน ข้าเกือบต้องตายด้วยน้ำมือของเจ้า ข้าจะแก้แค้นและสังหารเจ้าด้วยยุทธภัณฑ์จักรพรรดิในวันนี้ นี่เป็นผลลัพธ์ที่เจ้าจะได้” เจี้ยนเฉินพูดอย่างเย็นชา

หลิงหยวนซีมองผ่านไปที่เสือขาวที่อยู่บนไหล่ของเจี้ยนเฉิน “เจี้ยนเฉิน เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าเจ้าจะเทียบกับตระกูลผู้พิทักษ์ได้แค่การที่เจ้ามียุทธภัณฑ์จักรพรรดิ ? เจ้าหัวรั้นเกินไปแล้ว เจ้าแข็งแกร่งกว่าข้าจริงในตอนนี้ แต่ไม่เพียงแต่เจ้าจะฆ่าข้าในวันนี้ไม่ได้เท่านั้น เจ้ายังต้องมอบพยัคฆ์ปีกเทวะให้กับนิกายยิหยวนอย่างว่าง่ายในวันนี้อีก” ในขณะที่เขาพูด ชิ้นหยกก็ปรากฏขึ้นมาบนมือของเขาอย่างเงียบ ๆ เขาบีบมันทันที และส่งข่าวให้ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ที่นิกาย

เจี้ยนเฉินเห็นการเคลื่อนไหวเล็กน้อยของหลิงหยวนซีและสายตาของเขาก็เป็นประกาย เขาตะโกนออกมา “หลิงหยวนซี ในเมื่อเจ้าเรียกกำลังเสริมมา ข้าก็จะฆ่าเจ้าก่อนที่พวกนั้นจะมา ! “

เจี้ยนเฉินพุ่งเข้าไปที่หลิงหยวนซีพร้อมด้วยยุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่อยู่ในมือ มันส่องแสงสีดำแสบตาในขณะที่พลังแห่งการทำลายล้างกระจายไปรอบ ๆ คลื่นพลังงานที่มหาศาลสั่นไหวพื้นที่รอบ ๆ ทำให้มิติบิดเบี้ยวและกลายเป็นภาพพร่ามัว

ในครั้งนี้ เจี้ยนเฉินโจมตีออกไปแรงที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ เขาไม่ออมแรงเลยและแสดงความแข็งแกร่งของเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 7 ออกมา เขาต้องการที่จะจบการต่อสู้ให้ไว เขาคิดที่จะฆ่าหลิงหยวนซีให้ได้ก่อนที่เขาจะต่อต้าน

ท่าทางของหลิงหยวนซีเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของเจี้ยนเฉิน เขารู้สึกถึงความกดดันจากเจี้ยนเฉินตรงหน้านี้ แต่ในตอนนี้เขาก็ยังพบอีกว่าเจี้ยนเฉินนั้นเย็นชามาก

“นี่มันเป็นไปไม่ได้ ความแข็งแกร่งของเขาน่ากลัวขนาดนี้ในเวลาแค่ไม่กี่ปีได้อย่างไร ? แม้ว่าเขาจะมียุทธภัณฑ์จักรพรรดิ แต่เขาก็ไม่น่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้ เขาฝึกแบบไหนกันนะ ? ” ความตกใจท่วมท้นหลิงหยวนซีในขณะที่ใบหน้าของเขาค่อนข้างซีด

ผมที่ยาวของเจี้ยนเฉินและเสื้อผ้าของเขาพลิ้วไหวไปกับสายลม ทุกที่ที่เขาผ่านไปกลายเป็นสีดำสนิทเพราะพลังบรรพกาล เขาใช้ทักษะมายาพริบตาและเคลื่อนที่ไปหลายกิโลเมตรในทันทีและไปถึงตรงหน้าหลิงหยวนซี เขาจับกระบี่ด้วยมือข้างหนึ่งและแทงออกไปที่หลิงหยวนซีด้วยความเร็วแสง

การโจมตีดูธรรมดา แต่มันก็ทำให้หลิงหยวนซีรู้สึกว่าหลบไม่ได้เลยแม้แต่น้อย มันเหมือนกับว่า ไม่ว่าเขาจะพยายามหลบไปที่ไหนก็ตาม การโจมตีก็ยังถึงได้

สายตาของหลิงหยวนซีเป็นประกายระเบิดออกมา เกราะที่น่าเกรงขามควบแน่นขึ้นมาที่ร่างของเขา ในเวลาเดียวกัน ดาบโค้งของเขาก็ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า เมฆและลมในท้องฟ้าเริ่มที่จะแปรเปลี่ยนและแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่ก็ลดตัวลงมาในบริเวณ มันล็อคเป้าไปที่เจี้ยนเฉิน

“ทักษะดาบเมฆวายุ ! ” หลิงหยวนซีคำรามออกมา ทันใดนั้นเอง ดาบก็หายไปในมิติ เหมือนกับว่ามันเป็นหนึ่งเดียวกับรอบ ๆ

เมฆและลมบนท้องฟ้าเหมือนจะถูกขับเคลื่อนด้วยพลังบางอย่าง มันเริ่มหลอมรวมและควบแน่นเข้ากับดาบโค้งที่อยู่ตรงหน้าหลิงหยวนซี ในพริบตา กำแพงหนาของดาบโค้งก็ได้มารวมตัวอยู่ตรงหน้าเขาและดาบทุกเล่มก็มีขนาดเดียวกัน มันดูเหมือนภาพลวงตาแต่ก็เป็นสามเหลี่ยมที่ควบแน่นมากจากอากาศและเมฆ พวกมันทั้งหมดเปล่งรัศมีออกมาด้วยคลื่นพลังที่ทรงพลัง

“ไป ! ” หลิงหยวนซีชี้นิ้วไปที่เจี้ยนเฉิน กลุ่มดาบโค้งบินไปที่เจี้ยนเฉินทันที และล้อมเขาเอาไว้พร้อมทั้งหมุนไปรอบ ๆ เขา มันเหมือนเครื่องบดที่กำลังจะบดเจี้ยนเฉิน

ในเวลาเดียวกัน เมฆและลมที่อยู่เหนือหลิงหยวนซีก็ปั่นป่วนและดาบที่ใหญ่กว่าเดิมก็ควบแน่นขึ้นมา มันยาวพันเมตรและกว้างหลายสิบเมตร และยืดตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า มันเปล่งรัศมีพลังที่มหาศาลทำให้ท้องฟ้าสั่นไหว

“เจี้ยนเฉิน เตรียมตัวตาย” ปากของหลิงหยวนซียิ้มเหยียดหยาม ในขณะที่ดาบใหญ่เหนือเขาก็เริ่มฟันไปที่เจี้ยนเฉิน มิติด้านล่างแตกกระจายเมื่อมันลดตัวลงมา และกลายเป็นรอยปะสีดำ

ดาบใหญ่ตกลงมาเร็วมาก และมาถึงเหนือเจี้ยนเฉินในพริบตา หลิงหยวนซียิ้มอย่างผู้มีชัย เขาดูเหมือนจะเห็นภาพที่เจี้ยนเฉินตายไปแล้ว

ในตอนนี้เอง เสียงเย็นชาของเจี้ยนเฉินก็ดังขึ้นมา “หลิงหยวนซี พลังของทักษะการต่อสู้ของเจ้านั้นน่าประทับใจ แต่น่าเสียดายที่มันเป็นเพียงทักษะก็ต่อสู้ระดับเซียนเทียมเท่านั้นและมันไม่ใช่ของจริง” พลังแห่งการทำลายล้างได้เปล่งประกายออกมาจากศูนย์กลางของดาบ ในขณะที่เสียงดังออกมาและแสงสีดำก็ปรากฎขึ้นมา ดาบถูกทำลายและลดพลังลงกลายเป็นพายุและไอน้ำ

เจี้ยนเฉินออกมาอย่างไม่ได้รับบาดเจ็บจากอากาศ และยังคงสงบนิ่งในท่าทางเดิม เขาจ้องมองอย่างเฉยเมยไปที่ดาบใหญ่และชี้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของเขาไปบนท้องฟ้า พลังทั้งหมดของเขาพุ่งออกมาในขณะที่ปราณกระบี่ขนาดใหญ่ถูกยิงออกมาจากยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ ทันพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าเหมือนมังกรที่เกรี้ยวกราด

บู้ม !

เสียงเสียดหูดังขึ้นมาเมื่อพลังทั้งสองปะทะกัน พลังงานที่เหลืออยู่ซึ่งรุนแรงทำลายล้างไปรอบ ๆ ทำให้มิติถล่มภูเขาทลาย โลกทั้งใบดูเหมือนจะสั่นอย่างรุนแรง

ดาบใหญ่ถูกทำลายและค่อย ๆ กระจายหายไปรอบ ๆ ในขณะที่ท่าทางดีใจของหลิงหยวนซีก็หายไปเช่นกัน ใบหน้าของเขาหม่นหมองในตอนนี้