ตอนที่ 2334 ราชาทั้งสิบของยมโลก

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

“นักพรตหานได้โปรดยั้งมือด้วย ท่านได้ผ่านการทดสอบนี้แล้ว เจ้าราชาผีทั้งแปดของแม่น้ำเหลืองยังมีประโยชน์ต่อชายชราอยู่ หวังว่าท่านจะยั้งมือเอาไว้บ้าง” พระรูปนั้นเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้เข้า แววตาปรากฏความประหลาดใจออกมา แต่ในอีกพริบตาแขนเสื้อยาวก็สั่นไหว ทันใดนั้นก็เกิดคลื่นแปลกประหลาดขึ้นด้านหน้าของกระแสน้ำวนสีทองนั้น แล้วแยกแรงดูดขนาดมหึมานี้ออกจากกัน

หลังจากที่ผีร้ายทั้งแปดตัวนี้ได้รับอิสรภาพกลับคืนมาแล้ว ก็ส่งเสียงคำรามดังออกมา จากนั้นก็ทยอยหายเข้าไปในสายลมทมิฬ

“นักพรตท่านวางใจได้ ข้าจะลงมือกับผีเหล่านี้จริงๆ ได้อย่างไรกัน เพียงแค่สงสัยเท่านั้น และอยากที่จะทดสอบพลังที่แท้จริงของพวกมันก็เท่านั้นเอง” หานลี่ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ร่างธรรมด้านหลังและกระแสน้ำวนสีทองเองก็สลายหายไปพร้อมกัน ในมือปรากฏลูกบอลสีดำสนิทราวหมึก เขาจ้องมองดูมันอย่างสนใจ

เป็นสายลมทมิฬจากแม่น้ำเหลืองที่เขาใช้กระแสน้ำวนสีทองรวบรวมเอาไว้นั่นเอง

เพียงแต่ว่าสายลมทมิฬนี้ ตอนนี้ได้ถูกพลังยุทธ์ที่แกร่งกล้าทำให้กลายเป็นลูกบอล จึงได้กลายเป็นรูปร่างที่เห็นอยู่ตรงหน้า

“พี่หานอิทธิฤทธิ์แข็งแกร่งยิ่งนัก ห่างไกลจากที่ข้าคาดคิดเอาไว้นัก ดูเหมือนว่าที่ล่ำลือกันนั้นจะเป็นเรื่องจริง ชายชราทดสอบท่านครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะเปล่าประโยชน์ ทำให้ยุ่งยากซับซ้อนไปเสียแล้ว” พระรูปนั้นเอ่ยออกมาด้วยความโล่งใจ เพียงแต่ว่าในหน้ายังคงดูว่างเปล่าไร้ซึ่งอารมณ์ผิดปกติ

“พี่ปี้ทดสอบเสร็จแล้ว จะสามารถบอกข้อเท็จจริงกับข้าได้แล้วหรือยัง” หานลี่ไม่ได้สนใจคำพูดก่อนหน้านั้นของพระรูปนั้น จึงเอ่ยถามออกไปอย่างตรงไปตรงมา

“เอาล่ะ ในเมื่อท่านมีคุณสมบัติเพียงพอแล้ว สถานะของข้านั้น คาดว่าพี่หานก็คงจะรู้แจ้งอยู่แล้ว” พระรูปนั้นเอ่ยออกมา

“หากว่าแม่สาวน้อยด้านนอกคนนั้นไม่ได้โกหกแล้ว ท่านก็คงจะเป็นผู้รับผิดชอบของกลุ่มพันธมิตรเฮ่อเหลียนในดินแดนนภาสีเลือดแห่งนี้ สถานะเองก็คงจะไม่แตกต่างจากนักพรตหมิงจุนสินะ” หานลี่เอ่ยออกมาเบาๆ

“ข้ามีสถานะเช่นนี้จริงๆ แต่ว่าท่านรู้เรื่องเกี่ยวกับกลุ่มพันธมิตรเฮ่อเหลียนของพวกเรามากน้อยเพียงใด?” พระรูปนั้นถามกลับออกมา

“ที่ข้ารู้นั้นยังไม่มากนัก เพียงแต่รู้ว่าพันธมิตรของท่านแข็งแกร่งนัก เป็นหนึ่งในมหาอำนาจที่สามารถครอบคลุมไปถึงแผ่นดินใหญ่สามแห่ง” หานลี่ขมวดคิ้วแล้วตอบกลับไป

“กลุ่มพันธมิตรของข้าจริงๆ แล้วค่อนข้างที่จะผ่อนปรน นอกจากมีสาขาย่อยอยู่บนแผ่นดินใหญ่ทั้งสามเพื่อแลกเปลี่ยนทรัพยากรและข้อมูลแล้ว โดยทั่วไปแล้วก็ไม่มีข้อบังคับหรือกฎอะไรผูกมัด และเมื่อพบเข้ากับข้อพิพาทแล้ว ก็จะมีผู้อาวุโสที่อยู่ขั้นมหายานของกลุ่มพันธมิตรหารือตัดสินใจร่วมกัน ชายชราเองก็ได้รับเลือกมาจากผู้อาวุโสทั้งหลายของดินแดนนภาสีเลือด จึงได้รับผิดชอบงานของแผ่นดินใหญ่นี้ชั่วคราว นักพรตท่านเองก็อยู่ในขั้นมหายานเช่นกันถ้าหากว่ายินดีที่จะเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรของพวกเราแล้ว โดยทั่วไปแล้วก็จะทำหน้าที่ของผู้อาวุโสของเค่อชิง และจะไม่กระทบต่อการฝึกฝนในแต่ละวันหรือว่าสถานะในเผ่าของท่าน และยังได้รับความสะดวกสบายอีกมากมายที่ท่านเองก็คาดไม่ถึง มีเพียงหน้าที่เดียว ก็คือให้ความช่วยเหลือในตอนที่กลุ่มพันธมิตรของพวกเราเผชิญเข้ากับเหตุการณ์ร้ายแรงนั้น” พระรูปนั้นเอ่ยออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน

“ที่นักพรตเอ่ยออกมานั้นหมายความว่าอย่างไรกัน?” หานลี่จ้องมองไปยังพระรูปนั้น เอ่ยถามออกมาเบาๆ

“ข้าอยากเชิญท่านนักพรตเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรของพวกเราอย่างเป็นทางการ ไม่ทราบว่านักพรตหานสนใจหรือไม่” พระรูปนั้นเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มเป็นครั้งแรก

“ที่ท่านเชิญข้ามาทดสอบที่นี่ ก็เพื่อเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ?” ท่าทางของหานลี่ดูสงบผิดปกติ

“แน่นอนว่าไม่ใช่ เพียงแต่หากว่านักพรตสามารถเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรของพวกเราแล้ว ภายหน้าเรื่องที่ชายชราและนักพรตพูดคุยกันนั้น ก็จะเข้มงวดน้อยลง” พระรูปนั้นเอ่ยตอบออกมาอย่างใจเย็น

“ถึงแม้ว่าข้าจะสนใจในกลุ่มพันธมิตรเฮ่อเหลียนอยู่บ้าง แต่ว่าตอนนี้ข้ายังอยากได้ยินเรื่องสำคัญจากปากของท่าน แล้วค่อยตัดสินใจในเรื่องอื่น” หานลี่เอ่ยออกมาน้ำเสียงไม่สั่นไหว

“เอาล่ะ ในเมื่อท่านยังคงยืนยันอยู่เช่นนี้ ผู้แซ่ปี้ก็จะไม่บีบบังคับท่าน ไม่ทราบว่าท่านรู้เรื่องของอินซือแดน

ยมโลกมากน้อยเพียงใดกัน?” หลังจากที่พระรูปนั้นพยักหน้าลง ก็เอ่ยถามออกมาทันที

“แดนยมโลก? ถึงแม้ว่าจะเคยได้ยินผู้อื่นเอ่ยถึง แต่เหมือนว่าจะไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ใดที่ได้พบเห็นมันเข้าจริงๆ กระทั่งแม้แต่การมีอยู่ของอินซือ ของที่เล่าลือกันว่าควรจะมี ก็ไม่แน่ว่าจะมีอยู่จริง และไม่มีทางที่จะล่วงรู้ได้เลย อย่างน้อยข้าก็ไม่อาจจะแน่ใจได้ อย่างไรหรือ เรื่องที่ท่านต้องการจะพูดถึงนั้นเกี่ยวข้องกับทั้งสองอย่างนี้หรือ?” หานลี่รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา

“แน่นอนว่าเกี่ยวข้องกัน ประมาณหนึ่งร้อยปีก่อนหน้านั้น ในตอนที่สาขาย่อยของกลุ่มพันธมิตรพวกเรากำลังสำรวจพื้นที่ว่างในแผ่นดินใหญ่นภาสีเลือดแห่งนี้ ก็บังเอิญพบเข้ากับทางเข้าของดินแดนเล็กๆ ที่เพิ่งจะเกิดใหม่นี้”

“ดินแดนเล็กๆ ที่เพิ่งเกิดใหม่! นี่เป็นเรื่องจริงหรือ” หานลี่ตกตะลึงขึ้นมา

“แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน และถึงแม้ว่าจะเป็นดินแดนที่เพิ่งจะเกิดขึ้นใหม่ แต่จริงๆ แล้วมันก็ควรที่จะมีมาหลายปีแล้ว เพียงแต่ด้านในนั้นไม่เคยมีสิ่งมีชีวิตระดับสูงเกิดขึ้น และก็ไม่เคยถูกดินแดนภายนอกค้นพบเข้าก็เท่านั้น ดินแดนเล็กๆ นี้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่ทรัพยากรด้านในนั้นอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก กลุ่มพันธมิตรสาขาย่อยของพวกเรายินดียิ่งนักที่ลงทุนกำลังแรงและทรัพยากรคนเข้าไป แล้วพัฒนาอย่างเต็มที่แล้ว แต่กลับถูกดินแดนอื่นค้นพบเข้า แล้วคิดที่จะบุกเบิกเข้าไปเช่นกัน” พระรูปนั้นเมื่อเอ่ยออกมาจนถึงช่วงนี้ ก็หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง แววตาปรากฏร่องรอยของความทรงจำวาบเข้ามา

“ดินแดนอื่น หรือว่าจะเป็น…” หานลี่ครุ่นคิดขึ้นมา

“ไม่ผิดแล้ว หากว่าต้องต่อสู้กับศัตรูที่เพิ่งพบเจอเข้า คนของพันธมิตรพวกเราคงจะพากันหวาดกลัวตกใจ พวกมันเป็นผีพวกนั้นที่นักพรตเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ พลังของพวกมันก็จะมีทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแอ ที่อ่อนแอก็จะอ่อนแอจนเกินไป เทียบเท่ากับคนในดินแดนของพวกเราที่อยู่ในขั้นของระดับฝึกปราณ แต่ว่าที่แข็งแกร่งนั้น กลับเทียบเท่าผู้ที่อยู่ในขั้นผสานอินทรีย์มหายานของแดนวิญญาณพวกเรา สายลมทมิฬของแม่น้ำเหลืองนั้นก็คือการต่อสู้ของข้ากับผู้แข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้าม จึงได้รวบรวมมาด้วย ผีทั้งแปดเองก็ดึงลมหายใจของผีเหล่านี้มา เป็นแค่เพียงภาพลวงตาเท่านั้น และแน่นอนว่าพวกมันทำได้เพียงแค่รูปลักษณ์เท่านั้น ไม่อาจเทียบกับพลังของราชาผีที่แท้จริงได้ ราชาผีแม่น้ำเหลืองตัวจริงน่าสะพรึงกลัวพอๆ กับข้า และตามคำกล่าวเรียกของผีพวกนี้แล้วนั้น ดินแดนของพวกมันเรียกว่า ‘ดินแดนยมโลก’ เจ้าของขุมพลังของพวกมันกลับเป็นราชาผีทั้งสิบ กลุ่มพันธมิตรของพวกเราและพวกผีเหล่านั้นต่อสู้เพื่อแย่งชิงดินแดนนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ว่าผลลัพธ์ยังไม่อาจแยกแยะได้ ต่างฝ่ายต่างก็สูญเสียกำลังคนกันไปมากมาย และเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ทั้งสองฝ่ายสูญเสียไปมากกว่านี้ ในที่สุดแล้ว กลุ่มพันธมิตรของพวกเราและผีพวกนี้จึงได้ทำการตกลงกันเอาไว้ แล้วใช้การต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดมาตัดสินว่าทรัพยากรของดินแดนนี้ผู้ใดจะได้ครอบครองมากน้อย ที่ชายชรามาพบกับท่านนักพรตนั้น ก็เพื่อจะเชิญนักพรตหานมาเป็นหนึ่งในตัวแทนของกลุ่มพันธมิตรพวกเรา เพื่อเข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้ ถ้าหากว่าพี่หานสามารถเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรของพวกเราแล้ว แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ดูสมเหตุสมผล การต่อสู้ในครั้งนี้ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ ขอเพียงนักพรตท่านลงมือแล้ว กลุ่มพันธมิตรของพวกเราจะต้องขอบคุณนักพรตอย่างแน่นอน” หลังจากที่พระรูปนั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เอ่ยทุกอย่างออกมา

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ไม่ทราบว่า ‘แดนยมโลก’ แห่งนี้ ใช่ ‘แดนยมโลก’ ที่เล่าลือกันหรือไม่ ที่เรียกว่าราชาผีทั้งสิบมีลักษณะอย่างไรกัน และจะเข้าร่วมการต่อสู้ที่แข็งแกร่งครั้งนี้หรือไม่” หานลี่หลังจากที่ได้ยินแล้ว ก็แสดงท่าทีออกมาเล็กน้อย

“แน่นอนว่ากลุ่มพันธมิตรของเราได้ทำการตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่มีหลักฐานมากนัก แต่ข้าเชื่อว่าดินแดนนี้ คงจะไม่ใช่ดินแดนยมโลกลึกลับที่เล่าลือกัน คงจะเป็นเพียงดินแดนที่มีผีทรงพลังที่รอดพ้นมาจากแม่น้ำเหลือง ส่วนที่เรียกว่าราชาอินซือที่สิบนั้น ก็เป็นเพียงแค่ผีทั้งสิบที่แข็งแกร่งกว่าราชาผีทั่วไป ไม่เช่นนั้นกลุ่มพันธมิตรของเราที่มีพลังอยู่ไม่น้อย ก็คงจะไม่อาจต่อสู้ต้านทานอีกฝ่ายมาได้นานถึงเพียงนี้ ส่วนการต่อสู้ที่แข็งแกร่งครั้งนี้ ราชาทั้งสิบของยมโลกกว่าครึ่งจะต้องเข้าร่วมด้วย” พระรูปนั้นหลังจากที่ครุ่นคิดแล้วก็เอ่ยตอบกลับมา

“ไม่ใช่แดนยมโลกที่แท้จริงอย่างนั้นเหรอ น่าเสียดายจริง ข้ายังคิดว่าในที่สุดก็ได้ล่วงรู้ความลับของการกลับชาติมาเกิดเสียแล้ว” หานลี่ลูบไล้คาง แววตาเปล่งประกาย มีความเสียใจอยู่หลายส่วน

“ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่แดนยมโลกที่แท้จริง แต่ว่าอิทธิฤทธิ์ที่ผีเหล่านี้ฝึกฝนมานั้นแตกต่างจากวรยุทธ์ของพวกเรา ดูเหมือนว่ากฎเกณฑ์ที่แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นทั่วไป นักพรตหากว่าท่านได้ประมือกับพวกมันสักเล็กน้อย ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถล่วงรู้ความลับของการกลับชาติมาเกิดนี้ได้โดยบังเอิญ” พระรูปนั้นหัวเราะออกมา

หานลี่เมื่อได้ฟังแล้ว ก็จมอยู่ในความคิดไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก

ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาถึงได้เงยหน้าขึ้น แล้วเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

“กลุ่มพันธมิตรของพวกท่านกับภูตผีเหล่านี้จะต่อสู้กันเมื่อไหร่ ที่ไหน แล้วมีกี่ครั้ง? ในกลุ่มพันธมิตรของท่านนอกจากข้าแล้ว ยังมีนักพรตท่านใดอีกที่เตรียมพร้อมจะเข้าร่วมต่อสู้?”

เมื่อเห็นว่าหานลี่เอ่ยถามออกมาอย่างระมัดระวังเช่นนี้ พระรูปนั้นไม่เพียงแต่จะไม่แสดงความไม่พอใจออกมา แต่กลับรีบเอ่ยตอบกลับไป

“ระยะเวลาคือหลังจากนี้อีกสามปี สถานที่ก็คือดินแดนเล็กๆ ที่เพิ่งถูกค้นพบใหม่นั่นเอง การต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งในครั้งนี้ มีทั้งหมดห้าครั้ง นอกจากชายชราที่ร่วมต่อสู้แล้ว ยังมีนักพรตท่านหนึ่งและผู้อาวุโส

เค่อชิงจากแผ่นดินใหญ่อัสนีเองร่วมต่อสู้ด้วย นอกจากนั้นแล้ว ข้ายังเชิญผู้แข็งแกร่งสูงสุดของแผ่นดินใหญ่นภาสีเลือดอย่างท่านเซี่ยซามาด้วย หากรวมกับนักพรตแล้ว ก็รวมกันได้ห้าคนเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้ได้พอดิบพอดี นักพรตหานวางใจได้ ครั้งนี้เป็นการต่อสู้กันแบบตัวต่อตัว และต่อให้จะพ่ายแพ้ต่อคู่ต่อสู้ ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถึงแก่ชีวิต และถ้าหากว่านักพรตสามารถชนะในครั้งนี้ได้ นอกจากรางวัลที่ตกลงกันเอาไว้ในตอนต้นแล้ว ชายชรายังสามารถจะให้นักพรตเข้าร่วมเติงเทียนเก๋อของกลุ่มพันธมิตรเรา สามารถลือกเคล็ดวิชาลับที่ลืบทอดมาจากแดนเซียนได้อีกด้วย”

“เคล็ดวิชาลับของแดนเซียน? ข้าไม่ได้ฟังผิดไปใช่หรือไม่” หานลี่เมื่อได้ยินประโยคนี้เข้า ก็รู้สึกอึ้งตะลึงไปเล็กน้อย

“ที่ชายชราเอ่ยออกมานั้นเป็นเคล็ดวิชาลับของแดนเซียนแน่นอน จริงๆ แล้วกลุ่มพันธมิตรของเรานั้นมีเคล็ดวิชาลับของแดนเซียนอยู่มากมาย ถึงแม้ว่าจะมีคนรู้ไม่มากนัก แต่ก็ไม่ใช่ความลับอะไร เป็นเพราะว่าผู้อาวุโสหลายท่านที่ร่วมกันก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรการค้านั้น เดิมเป็นทายาทของเทพเซียนจากแดนเซียนที่หลงเหลืออยู่ในแดนวิญญาณ ตัวตนของกลุ่มพันธมิตรการค้าเดิมก็คือองค์กรลับคอยตรวจสอบเรื่องต่างๆ ที่แดนเซียนจัดตั้งขึ้นในแดนวิญญาณ เพียงแต่คนที่ใช้นั้นล้วนแต่เป็นทายาทสายตรงของเทพเซียน ดังนั้นถ้าหากจะรู้เคล็ดวิชาของแดนเซียนบ้างก็เป็นเรื่องปกติ แต่ว่าภายหลังโลกเปลี่ยนไปครั้งใหญ่ ทำให้ดินแดนต่างๆ พากันสูญเสียการติดต่อกับแดนเซียน ผู้อาวุโสเมื่อไม่มีทางเลือกแล้ว จึงได้ดึงเอาผู้มีอำนาจคนอื่นๆ เข้าร่วมกลุ่ม และหลังจากที่พัฒนาเช่นนี้มาหลายปี จึงได้เป็นกลุ่มพันธมิตรดั่งเช่นในทุกวันนี้ และในฐานะที่กลุ่มพันธมิตรของเรานั้นเป็นหนึ่งในมหาอำนาจไม่กี่แห่งที่ครอบคลุมไปถึงสามดินแดน นอกจากการค้าที่ทำอยู่นั้น ยังใช้ความสามารถของตนแอบปกป้องความมั่นคงของดินแดนนี้อีกด้วย อีกทั้งยังคอยกำจัดการแทรกแซงจากกองกำลังภายนอก เหมือนกับเรื่องของหนอนเพลี้ยตัวแม่ในคราวที่แล้ว กลุ่มพันธมิตรของเราก็ส่งนักพรตในขั้นมหายานบางส่วนเข้าไปยังแดนมาร เพียงแต่น่าเสียดาย พวกเขายังไม่ทันได้ทำอะไร ก็ถูกกังขังอยู่ในพื้นที่ต้องห้ามของจุดเริ่มต้นแดนมาร และต้องขอบคุณนักพรตและคนอื่นๆ ที่คอยช่วยเหลือ จึงหลบหนีออกมาได้อีกครั้ง เพราะฉะนั้นเมื่อเอ่ยถึงแล้ว นักพรตหานเองมีบุญคุณต่อผู้อาวุโสของกลุ่มพันธมิตรเราอยู่ไม่น้อย” พระรูปนั้นอธิบายออกมาด้วยรอยยิ้ม

หานลี่เมื่อได้ยินประโยคนี้แล้ว แววตาเปล่งประกายออกมา แล้วจึงเผยท่าทีครุ่นคิดออกมา