คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 1603
ตอนที่แอมโบรสอยู่ในมือของเมแกนพวกเขาได้แลกเปลี่ยนข้อตกลงกัน แอมโบรสให้สัญญาเมแกนไว้สามข้อเป็นเงื่อนไขที่ช่วยให้เขาได้โอสถเจ็ดวิจิตรบรรจงมาครอง
เมแกนยังไม่ลืมเรื่องพวกนั้น!
“ตกลง ผมจะช่วยคุณ!” แอมโบรสหายใจเข้าลึกก่อนที่จะพยักหน้ายอมตกลง
ความจริงแอมโบรสนั้นไม่พอใจกับท่าทางบังคับกดดันของเมแกนขณะที่ขอให้เขาช่วยเหลือ ตอนนี้เขาเป็นองค์ชาย ยังมีใครจะกล้าพูดกับเขาด้วยท่าทางเช่นนี้อีกได้?
แต่เขาก็จะทำตามสัญญาเพราะนี้เป็นกฎที่ย่อหย่อนไม่ได้
แอมโบรสพูดอย่างจริงจังเมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นในหัว “เสร็จเรื่องนี้แล้วผมยังติดค้างคุณอยู่อีกสองข้อ”
เมแกนเม้มปากและยิ้ม เธออดแหย่เขาไม่ได้ “ทำไมเหรอ? หนุ่มน้อยหล่อเหลาค่อย ๆ โตขึ้นแล้ว นายเลยกลัวว่าฉันจะมารบกวนนายบ่อย ๆ ในอนาคตเหรอ?”
แอมโบรสไม่ได้สะดุ้งสะเทือนอะไรกับเธอ เขอตอบอย่างไร้อารมณ์ว่า “ผมยุ่งน่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมจะได้กลับวัง”
เขาหันหลังกลับไปที่วัง
‘เด็กเอ๊ย!’
เมแกนยิ้มและยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางร้ายกาจเมื่อได้เห็นแอมโบรสจากไป
‘อีกสองข้อที่เหลือคงไม่ง่ายสำหรับนายหรอก!’
…
ที่คุกของเมืองหลวงยามเที่ยงคืน
แม้ว่าการต่อสู้อย่างรุนแรงในตอนกลางวันจะจบไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่กลิ่นคาวเลือดก็ยังคงลอยอวลอยู่ในอากาศ
ในคุกใหญ่ ปรมาจารย์ลีโอนาร์ดประมุขนิรันดร์, ต่างก็นั่งคอตกก้มหน้า… รู้สึกทั้งท้อแท้และสิ้นหวัง
ความคิดแรกที่พวกเขามีก็คือ พวกเขาจะสามารถช่วยเหลือเพื่อนและครอบครัวของแดร์ริลไปได้สำเร็จเพราะการร่วมมือกันในครั้งนี้
แต่พวกเขาไม่คิดว่าไม่เพียงแต่กองทหารของเมืองจะเข้ามาหนุนอย่างรวดเร็ว ศิษย์จากสำนักประกายแสงยังเข้ามาช่วยทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ล้มเหลวไม่เป็นท่า
“เฮ้อ!”
ตอนนั้นซูซานที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ และอดพูดไม่ได้ว่า “ปรมาจาย์ลีโอนาร์ดประมุขนิรันดร์ พวกคุณบุ่มบ่ามไปจริง ๆ น่าจะคิดแผนการให้รอบคอบก่อนที่จะเข้ามาช่วยพวกเรา”
ขณะที่พูดเธอมองโซรันที่เลือดอาบทั้งร่าง และรู้สึกราวใจสลาย
ดูเหมือนว่าจักรวาลโลกคงล่มสลายแล้วเพราะตอนนี้หลายสำนักก็ถูกจับกุมตัว
ประมุขเอนด์เลส, นาโอมิ แกรนด์ และสำนักอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกเสียหน้ามากกับคำพูดของเธอ
“ใครจะรู้ว่าเจ้าศักดินาเคนนี่จะเจ้าเล่ห์ขนาดที่ร่วมมือกับสำนักประกายแสง…”
“ใช่ พวกกองทหารยังไม่ใช่เรื่องน่ากังวล หากไม่ใช่เพราะพวกสำนักนั่น..”
“เอาล่ะ ๆ ตอนนี้มาพูดอะไรไปก็สายแล้ว”
พวกเขาต่างก็พากันพูดโต้แย้ง
ตุบ ตุบ
ตอนนั้นเองยามที่เฝ้าประตูทางเข้าคุกสองคนก็ล้มลงโดยไม่รู้ตัว
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ
เงาร่างสิบกว่าร่างพุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว พวกเขาทุกคนล้วนเป็นสตรีที่ใส่ชุดยาวสีขาว พวกเขาเป็นคนของสำนักง๊อไบ๊
ผู้นำนั้นดูน่าตะลึงในชุดยาวสีม่วงเข้ม เธอคือ เมแกน
สำนักง๊อไบ๊มาเหรอ?
นั่นคือประมุขแคสเทลโล
บรรดาคนที่อยู่ในห้องขังต่างก็พากันตกใจและดีใจเมื่อได้เห็นและพากันตื่นเต้นจนพูดไม่ออก
ก่อนหน้านี้พวกเขาตกลงกันว่าทุกสำนักจะร่วมมือกันมาช่วยเพื่อนและครอบครัวของแดร์ริล
แต่พวกเขาก็รออยู่นานแต่ไม่เห็นวี่แววของสำนักง๊อไบ๊
ตอนแรกพวกเขาคิดว่าสำนักง๊อไบ๊คงจะไม่มา ไม่คาดว่าสำนักง๊อไบ๊จะโผล่มาในเวลาสำคัญเช่นนี้
แม้ว่าพวกเขาจะมาช้า แต่ก็เป็นความหวังของทั้งจักรวาลโลก
“ประมุขแคสเทลโล!”
“ประมุขแคสเทลโล คุณมาได้เวลา…”
ตอนนั้นทั้งปรมาจารย์ลีโอนาร์ด ประมุขนิรันดร์ต่างก็ตื่นเต้นอย่างมาก
ในสายตาพวกเขา ตอนนี้เมแกนเป็นเหมือนผู้ช่วยชีวิตแล้ว
ผู้บ่มเพาะของจักรวาลโลกคงถึงกาลล่มสลายถ้าหากทุกสำนักต่างก็โดนกำจัดแบบนี้
เมแกนเดินเข้ามาช้า ๆ พร้อมรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้สำนักง๊อไบ๊มีกิจสำคัญ พวกเราก็เลยมาช้า หวังว่าประมุขทุกท่านจะไม่ตำหนิ”
จากนั้นเมแกนก็โบกมือ
คนของสำนักง๊อไบ๊ที่อยู่โดยรอบต่างก็เดินเข้าไปในห้องขังและปล่อยโซ่ล่ามคนสำนักอื่น ๆ ออก ขั้นตอนทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีแต่ทหารของโลกใหม่สักคนที่รู้ว่าสำนักง๊อไบ๊มาช่วยพวกเขา นี่เป็นเพราะเมแกนและแอมโบรสได้หารือตกลงกันไว้แล้ว แอมโบรสจึงได้ส่งทหารโลกใหม่ออกไปนานแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีทหารอยู่โดยรอบคุกนี้เลยในตอนนี้ซึ่งเป็นเหตุผลที่เมแกนสามารถเข้ามาช่วยสำนักอื่น ๆ ได้อย่างราบรื่น
แต่ว่าสำนักง๊อไบ๊ไม่ได้ช่วยตระกูลคาร์เตอร์และเพื่อนของแดร์ริลหลังจากที่ปล่อยคนจากสำนักอื่น ๆ แล้ว
“กะ… เกิดอะไรขึ้น?”
ปรมาจารย์ลีโอนาร์ด ประมุขนิรันดร์รวมถึงประมุขคนอื่น ๆ ต่างก็งุนงง
ปรมาจารย์ลีโอนาร์ดมองเมแกนทันทีและอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ประมุขแคสเทลโล ทำไมคุณไม่ช่วยตระกูลคาร์เตอร์และคนอื่น ๆ ล่ะ?”
เมแกนหัวเราะเบา ๆ และตอบอย่างไม่เร่งร้อน “ทำไมฉันต้องช่วยล่ะ?”
เอ่อ…
สีหน้าปรมาจารย์ลีโอนาร์ดตึงเครียดเมื่อได้ยินเช่นนั้นแต่ก็ไม่รู้จะตอบว่าอะไร!
ใบหน้างดงามของเมแกนฉายแววรังเกียจเมื่อเธอพูดต่อ “ฉันมาที่นี่เพื่อช่วยสหายประมุขสำนักต่าง ๆ เพื่อเห็นแก่อนาคตสำนักของพวกคุณ ส่วนตระกูลคาร์เตอร์และสำนักประตูสุราลัย… ความเป็นความตายของพวกเขาเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยมิทราบ?”