เล่มที่ 33 เล่มที่ 33 ตอนที่ 974 ไม่อาจฟื้นคืนชีพ

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

“ท่านเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับทองอมฤตบ้างหรือไม่? ”

“ทองอมฤตหรือ? ”

“ใช่ ข้าและคนอื่นๆ มาแคว้นเป่ยอี้ครั้งนี้เพื่อตามหาทองอมฤต”

“พวกเจ้ากำลังตามหาอมฤตทั้งห้าอยู่หรือ? ”

ซูจิ่นซีไม่ได้พูดสิ่งใด นั้นคือการยอมรับ เป่ยถังฉินเกอขมวดคิ้วแน่นราวกับกำลังครุ่นคิดอันใดอยู่ ทว่าขณะที่ดวงตาเหลือบมองอาคมกำไลปี่อั้นบนข้อมือของซูจิ่นซี นางก็ราวกับเข้าใจอันใดบางอย่าง ดวงตาพลันทอประกาย

“ข้าเคยได้ยินเรื่องทองอมฤต ได้ยินมาว่ามันอยู่บนยอดเขาคุนหลุน ทว่ารายละเอียดเป็นอย่างไรนั้น ข้าก็ไม่ชัดเจน”

ดูเหมือนอวิ๋นจิ่นและคนอื่นๆ จะวิเคราะห์ได้ถูกต้อง

เป่ยถังฉินเกอจ้องอาคมกำไลปี่อั้นบนข้อมือของซูจิ่นซีอีกครั้ง และมองอย่างระมัดระวัง

“ฮูหยินรู้จักอาคมกำไลปี่อั้นนี้หรือ? ”

“นี่เป็นของเผ่าเม้ย ทว่ามันควรจดจำเจ้าของได้ และมีเพียงคนเผ่าเม้ยเท่านั้นที่สามารถสวมมันได้” นางพูดพลางมองไปยังใบหน้าของซูจิ่นซีด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยอย่างลึกซึ้ง

ซูจิ่นซีแย้มยิ้มเล็กน้อย “ฮูหยินคาดเดาถูกต้อง ข้าและมารดาของข้าเป็นคนเผ่าเม้ย”

นิ้วชี้และนิ้วกลางของเป่ยถังฉินเกอผสานกัน พลันเกิดแสงจ้าขึ้นระหว่างนิ้วทั้งสองข้าง นางยกมือลูบผ่านไปที่หน้าผากของซูจิ่นซี

ตำแหน่งระหว่างหน้าผากและคิ้วของซูจิ่นซีจึงปรากฏดอกปี่อั้นสีแดงสดราวกับหยดเลือด

ดูเหมือนนางจะทดสอบอันใดบางอย่าง ทันใดนั้น แววตาของนางก็แปรเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจ “ท่านคือ… เทพธิดาแห่งเผ่าเม้ยของพวกเราหรือ? ”

ซูจิ่นซีไม่ได้พูดสิ่งใด แสดงถึงการยอมรับ

ทว่าเป่ยถังฉินเกอยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ “กล่าวกันว่า หนึ่งพันปีก่อน วิญญาณของเทพธิดาได้แตกสลายไปแล้ว เป็นท่านได้อย่างไร? ”

เป่ยถังฉินเกอพูดพลางเลื่อนแสงระหว่างนิ้วไปที่หน้าอกของซูจิ่นซี ในเวลาเพียงครู่เดียว นางก็ขมวดคิ้วแน่น

“ท่านกำเนิดจากดวงวิญญาณของเผ่าเม้ย เกิดจากดวงวิญญาณของเทพธิดา และวิญญาณทั้งสามดวงนั้นยังไม่สมบูรณ์… ”

ซูจิ่นซียังคงไม่พูดสิ่งใดและไม่ปฏิเสธ ปล่อยให้เป่ยถังฉินเกอคาดเดาทุกอย่าง ความจริงแล้ว นางไม่ต้องการปกปิดเรื่องเหล่านี้กับเป่ยถังฉินเกอสองแม่ลูก

เป่ยถังหลีฟังอยู่ข้างๆ นางรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก “ท่านแม่ ท่านพูดอันใด? ท่านบอกว่า… ซูจิ่นซีก็เป็นชาวเผ่าเม้ยของพวกเราด้วยหรือ? ”

“บังอาจ พระนามของเทพธิดา เจ้าสามารถพูดออกมาตรงๆ ได้อย่างไร” นางพูดพลางรีบลุกขึ้น และลากเป่ยถังหลีให้แสดงความเคารพต่อซูจิ่นซี “ฉินเกอคำนับเทพธิดา ข้าน้อยไม่รู้สถานะที่แท้จริงของท่านเทพธิดา เสียมารยาทต่อท่านเทพธิดาท่านเทพธิดาโปรดยกโทษให้ด้วย”

เป่ยถังหลีถูกมารดาตำหนิ จึงรีบทำตามมารดาของนางและคำนับซูจิ่นซีอย่างเรียบร้อย

ในอาณาจักรเทียนเหอ แคว้นอื่นๆ อาจมีแนวคิดความเข้าใจที่ไม่ชัดเจนมากนักเกี่ยวกับเทพธิดาเผ่าเม้ย ทว่าแคว้นเป่ยอี้ซึ่งเป็นตัวแทนของเขาคุนหลุน เป็นผู้คุมกฎดูแลวิหารเทพของเทพซีหวังมู่ ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับชาวเผ่าเม้ยแล้ว เทพธิดาคือผู้มีอำนาจสูงสุดและไม่อาจก้าวล่วงได้

เป่ยถังฉินเกอจึงมีความเคารพต่อซูจิ่นซีอย่างมาก

ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปากและแย้มยิ้ม จากนั้นจึงจับไหล่ของเป่ยถังฉินเกอ พยุงให้ลุกขึ้น “นั่นเป็นเรื่องเมื่อหลายปีก่อน หากไม่ใช่เพราะความเมตตาของสวรรค์ ข้าคงมีชีวิตอยู่ไม่ถึงตอนนี้ อย่าทำให้หลีเอ๋อร์ตกใจกลัว”

เป่ยถังฉินเกอลุกขึ้นตามแรงประคองของซูจิ่นซี “หลายปีมานี้ เทพธิดาต้องผ่านเรื่องราวที่พลิกผันมาไม่น้อย”

“ว่าไปแล้วเรื่องมันยาว อย่าพูดถึงเลยดีกว่า! ”

“เทพธิดากำลังตามหาธาตุอมฤตทั้งห้าเพื่อรวมพลังวิญญาณทั้งสามดวงใช่หรือไม่? ”

“ใช่แล้ว! ”

“ตอนนี้ท่านพบธาตุอมฤตทั้งห้าไปเท่าใดแล้ว? ”

“ยังขาดแค่ทองอมฤต”

“เทพธิดา ฉินเกอสามารถเห็นแสงอาทิตย์ได้อีกครั้ง ทั้งหมดเป็นเพราะเทพธิดาที่ช่วยเหลือ ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ ฉินเกอก็จะต้องช่วยเทพธิดาหาทองอมฤตให้ได้อย่างแน่นอน”

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมเป็นเรื่องที่ดีมาก

เป่ยถังฉินเกอคงคุ้นเคยกับเขาคุนหลุนนี้มาก มีคนที่คุ้นเคยนำทาง พวกเขาก็สามารถตัดปัญหาต่างๆ ออกไปได้มาก

“ถ้าเช่นนั้น ต้องรบกวนเจ้าแล้ว! ”

“เทพธิดาไม่ต้องเกรงใจฉินเกอเช่นนี้ นับเป็นโชคดีของฉินเกอที่สามารถช่วยเหลือเทพธิดา”

“คราวหน้าไม่ต้องเรียกข้าว่าเทพธิดา เรียกชื่อของข้าก็ได้”

เป่ยถังฉินเกอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และรู้สึกว่าเรียกเทพธิดาไม่สะดวกจริงๆ ทว่าเป็นการไม่เหมาะสมที่จะเรียกชื่อของเทพธิดาโดยตรง ดังนั้นจึงกล่าวว่า “ฉินเกอจะเรียกท่านว่าพระชายาโยวอ๋อง! ”

“ตกลง! ” ได้ยินผู้อื่นเรียกจนเคยชินแล้ว ซูจิ่นซีจึงไม่รู้สึกว่ามีอันใดไม่เหมาะสม

เป่ยถังฉินเกอพูดพลางขมวดคิ้วอีกครั้ง และมองอาคมกำไลปี่อั้นที่ข้อมือของซูจิ่นซี

“พระชายาโยวอ๋อง อาคมกำไลปี่อั้นนี้มีข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือมีเพียงชาวเผ่าเม้ยเท่านั้นที่สวมมันได้ ทั้งยังช่วยให้ท่านฝึกฝนบำเพ็ญเพียรได้อีกด้วย ทว่าข้อเสียคือเมื่อท่านสวมใส่อาคมกำไลปี่อั้นไว้ที่ข้อมือ อาคมกำไลปี่อั้นจะเชื่อมโยงกับเส้นชีวิตของท่านและไม่อาจถอดออกได้ หากถอดมันออกโดยไม่ได้ตั้งใจ อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต”

เรื่องนี้ ตอนที่ซูจิ่นซีได้รับอาคมกำไลปี่อั้นมานั้น นางรับรู้ทั้งหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม “อาคมกำไลปี่อั้นสวมอยู่ในมือของข้า ตอนนั้นข้าพยายามอย่างที่สุดเพื่อถอดมันออก ทว่าไม่สามารถทำได้ ผู้อื่นจะถอดออกได้อย่างไร? ”

“ทุกอย่างล้วนไม่แน่นอน พระชายาควรระวังไว้ดีที่สุด! ”

ซูจิ่นซีพยักหน้า

จากนั้น ซูจิ่นซียังครุ่นคิดถึงเรื่องของท่านพ่อท่านแม่ มู่หรงอวิ๋นไห่ จงซีจือ และพี่ชายของนาง มู่หรงฉี

นางจึงถามเป่ยถังฉินเกอว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่า เพลิงอัคคีจิ่วโยวสามารถทำให้คนกลับมามีชีวิตอีกครั้งได้อย่างไร? ”

“เพลิงอัคคีจิ่วโยวสามารถทำให้คนฟื้นคืนชีพได้หรือ? ” สีหน้าของเป่ยถังฉินเกอแสดงถึงความประหลาดใจเป็นพิเศษ “พระชายาได้ยินมาจากที่ใดว่าเพลิงอัคคีจิ่วโยวสามารถทำให้คนฟื้นคืนชีพได้? ”

“ทำไม่ได้หรือ? ” ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว

เป่ยถังฉินเกอค่อยๆ ส่ายศีรษะ “ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน พระชายา เพลิงอัคคีจิ่วโยวเป็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นเป่ยอี้ สาเหตุที่อยู่บนแท่นจิ่วโยวเป็นเวลาหลายปีก็เพื่อกักขังผู้กระทำความผิดไว้ใต้แท่นจิ่วโยว ตั้งแต่เล็กจนโต ฉินเกอเติบโตที่แคว้นเป่ยอี้ ไม่เคยได้ยินว่าเพลิงอัคคีจิ่วโยวสามารถทำให้คนฟื้นคืนชีพได้”

หรือว่า… ข้อมูลที่อู๋จุนสอบถามมานั้นผิดพลาด?

“พระชายาโยวอ๋อง เกรงว่าจะเป็นการเข้าใจผิด ความจริงแล้ว แคว้นเป่ยอี้มีวิธีทำให้คนฟื้นคืนชีพได้จริง ทว่าการทำให้คนตายฟื้นคืนชีพได้ จะเป็นเรื่องทำกันง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร? ”

เป่ยถังหลียังแปลกใจเล็กน้อย “ท่านแม่ แต่ตอนแรกพี่เย่ยังบอกหลีเอ๋อร์ว่าเพลิงอัคคีจิ่วโยวปกคลุมแท่นจิ่วโยว เพียงเพื่อยืดอายุสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใต้แท่นจิ่วโยว! หากวันหนึ่งไม่มีเพลิงอัคคีจิ่วโยวแล้ว สิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านล่างก็จะจบสิ้นชีวิตลง! ในอีกแง่หนึ่ง นี่แสดงว่าเพลิงอัคคีจิ่วโยวมีความเป็นไปได้ที่จะชุบชีวิตคนให้ฟื้นขึ้นได้ไม่ใช่หรือ? ”

แววตาของเป่ยถังฉินเกอเปล่งประกายอย่างน่าประหลาด จากนั้นจึงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง นางลูบไล้เส้นผมของเป่ยถังหลีและพูดว่า “นั่นคือสิ่งที่พี่เย่ของเจ้าใช้เกลี้ยกล่อมเจ้า”

เป่ยถังหลีคิดอย่างรอบคอบ ก็อาจเป็นเช่นนั้น

ตอนนั้น หากบอกนางถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของเพลิงอัคคีจิ่วโยวที่อยู่บนแท่นจิ่วโยวแล้ว นางคงไม่มีวันเห็นด้วย และจะต้องพยายามหาทางอย่างแน่นอน แม้ต้องแลกด้วยชีวิตของตนเอง ก็จะต้องช่วยมารดาขึ้นมาจากด้านล่างให้ได้ ไม่มีทางรอเป็นเวลานานเช่นนี้?

ซูจิ่นซีนิ่งเงียบ

ดูเหมือนการที่พวกเขาพยายามเก็บเพลิงอัคคีจิ่วโยวจะทำให้เสียเวลาไปมากมาย เป็นการกระทำที่สูญเปล่าหรือ

ทว่าการทำให้คนฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ยังมีวิธีใดอีกหรือ?