ตอนที่ 1105 แสร้งทำเป็นหนุ่มอ่อนวัย

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

แต่บางทีเขาอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ หมอปีศาจจะไม่ใช่นักปรุงยาได้อย่างไรกัน

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวต่อว่า “เฉียนซีก็คงจะไปชมการประลองด้วยใช่หรือไม่ ข้าจะจองที่นั่งตำแหน่งที่ดีที่สุดให้ เป็นเช่นไร?”

นางจะไปเข้าร่วมประลอง แต่ไม่สามารถปรากฏกายบนแท่นประลองได้

มู่เฉียนซีคือนาง และหมอปีศาจก็คือนาง ทว่า หากนางไม่ได้ปรากฏตัวอยู่บนแท่นประลอง ก็อาจจะต้องมีสักคน!

หรือว่าจะต้องหาคนมาปลอมตัวเป็นนาง แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครเหมาะสม ดวงตาของมู่เฉียนซีจับจ้องไปที่อาถิง

อาถิงกับมู่เฉียนซีเป็นพันธสัญญาต่อกัน แน่นอนว่าเขาย่อมรู้ถึงความคิดของมู่เฉียนซีดี

ชั่วครู่หนึ่งอารมณ์ของอาถิงก็แทบจะระเบิดขึ้นแล้ว หญิงอัปลักษณ์ผู้นี้คงจะไม่คิด…

อาถิงส่งคำพูดผ่านทางจิตกับมู่เฉียนซี “หญิงอัปลักษณ์ เจ้าอย่าแม้แต่จะคิดเชียวนะ”

“ข้าคิดว่า พวกเรามีความสัมพันธ์เป็นพันธสัญญาต่อกัน ข้าสามารถแปลงร่างเป็นเจ้าได้ทุกเมื่อ ในทางตรงกันข้ามก็สามารถทำได้เช่นกัน” มู่เฉียนซีตอบ

“ใช่! ทำได้ แต่เจ้าคิดว่าข้าจะยอมทำอย่างนั้นเหรอ นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะให้ข้าแปลงร่างเป็นผู้หญิง แปลงเป็นผู้หญิงไม่ว่า ยังจะให้ข้ามาแปลงร่างเป็นเจ้าอีก”

“เจ้ารังเกียจข้าถึงเพียงนี้เลยเหรอ?”

“เจ้าก็ลองย้อนมองดูตัวเองดูสิ มีส่วนใดที่ข้าชอบ”

“เจ้าตาบอดไปแล้ว!”

“ข้าปกติดี ปกติดีมากด้วย!”

“……”

ทะเลาะข้างนอกเสร็จก็มาทะเลาะกันต่อทางจิตอีก ตรงหน้ายังมีแขกอยู่ มู่เฉียนซีจึงรีบหยุด

นางกล่าวกับเฟิงอวิ๋นซิวว่า “เหล่ายอดปรมาจารย์นักปรุงยาหลายท่านล้วนแต่รีบใช้ยาต่อชะตาชีวิต ช่วงนี้ข้าจะหลอมยา เกรงว่าไม่มีเวลาไปชมการประลองแล้ว! ส่วนการหลอมยาของหมอปีศาจข้าก็เห็นมาจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว สำหรับข้ามันไม่มีอะไรให้น่าดูแล้วล่ะ”

เฟิงอวิ๋นซิวผงะไปครู่หนึ่ง เดิมทีคิดว่านางจะไปชมการประลองด้วยกันเสียอีก

เขากล่าวถามว่า “เฉียนซีไม่อยากดูการประลองของนักปรุงยาท่านอื่นเหรอ การดูนักปรุงยาท่านอื่นปรุงยา เราก็จะได้ประสบการณ์มาด้วยไม่ใช่เหรอ”

มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่จำเป็นต้องดูหรอก! เขาต้องคว้าอันดับหนึ่งมาได้แน่นอน ส่วนฝีมือการปรุงยา ตราบใดที่เคยเห็นการปรุงยาของเขามาแล้ว การปรุงยาของคนอื่นก็ไม่มีอันใดน่าดูแล้วล่ะ”

น้ำเสียงนี้มีความเหย่อหยิ่งเล็กน้อย มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจริงจังว่า “อวิ๋นซิว ข้าพูดจริง ๆ นะ”

ทว่า คนผู้นั้นที่นางกล่าวถึงไม่ใช่อาถิง และไม่ใช่ตัวนางเองแต่อย่างใด แต่เป็นนิรันดร์!

เมื่อกล่าวถึงการปรุงยา ยังจะมีผู้ใดสามารถเทียบหม้อเทพนิรันดร์ได้อีกเล่า

ความมั่นใจที่นางมีให้กับคนผู้นั้นมาจากใจจริง สิ่งนี้ทำเฟิงอวิ๋นซิวตกใจผงะไป

เขารู้ดีว่าน้อยมากที่เฉียนซีจะนับถือผู้อื่น แต่ในตอนนี้กลับยกย่องคนผู้นั้นไว้ในที่สูงได้

เขามองอาถิงด้วยสายตาที่สับสน หมอปีศาจมีความแข็งแกร่งถึงขั้นทำให้มู่เฉียนซียกย่องนับถือได้ถึงเพียงนี้เลยเหรอ

ในตอนนี้อาถิงรู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง เขากล่าวเย้ยหยันว่า “เจ้าคงจะไม่ได้หลงใหลเจ้านิรันดร์นั่นไปแล้วกระมัง ต่อให้ฝีมือการปรุงยาของเจ้าหมอนั่นจะพอได้ แต่เจ้าหมอนั่นก็เป็นคนเจ้าชู้ประตูดิน เจ้าชู้ไม่เลือกหน้า อีกทั้งยัง…”

อาถิงกำลังหยิบยกนิรันดร์มาต่อว่าในทางที่ไม่ดี และในตอนนี้เอง เสียงของนิรันดร์ก็ดังขึ้น

“ศาลาน้อย ตอนนี้ข้ายังไม่ได้หลับใหลสนิทนะ เจ้ากำลังใส่ร้ายทำให้ชื่อเสียงของข้าแปดเปื้อนต่อหน้ายอดดวงใจของข้า ทำเช่นนี้ได้เหรอ?”

“ใส่ร้ายทำให้ชื่อเสียงของเจ้าแปดเปื้อนอย่างนั้นเหรอ เห็น ๆ กันอยู่ว่ามันเป็นเรื่องจริง”

“นี่เจ้าไม่เคยได้ยินคำว่ากลับตัวกลับใจหรือไง คนเราเมื่อทำผิดแล้ว กลับใจได้ มีค่ากว่าทอง”

“เจ้าเป็นคนไม่เอาถ่าน แล้วยังจะคิดกลับตัวกลับใจหรือ เจ้ากล่าววาจาตลกแล้วล่ะ”

“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่มีทางเชื่อข้า ข้าเชื่อในตัวเองก็พอแล้ว ยอดดวงใจข้ามีเสน่ห์มากถึงเพียงนี้”

มู่เฉียนซีทนสองคนนี้ไม่ไหวแล้ว “พวกเจ้าช่วยเงียบ ๆ หน่อยได้หรือไม่!”

“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ค่อยชอบนิสัยส่วนตัวของนิรันดร์ แต่ก็ต้องแยกแยะเรื่องแต่ละเรื่องนะ ความสามารถในการปรุงยาของเขา ข้านั้นนับถือ เลื่อมใสจากก้นบึ้งหัวใจอย่างแท้จริง!”

“ฮือ ๆ ๆ! ยอดดวงใจ ต่อไปข้าจะรักษาตนให้บริสุทธิ์ดุจดั่งหยกเพื่อเจ้า”

“ผีเท่านั้นที่จะเชื่อเจ้า!”

ดวงตาสีอำพันคู่นั้นของเฟิงอวิ๋นซิวมองไปที่มู่เฉียนซี เขาพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ข้าเชื่อเฉียนซี!”

“ข้าจะตั้งตารอการประลองครั้งต่อไป!”

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ตั้งตารอคอยได้เลย!”

เฟิงอวิ๋นซิวดูเหมือนจะเห็นถึงความเหนื่อยล้าของมู่เฉียนซี เขากล่าว “ข้าว่าเฉียนซีก็เหนื่อยมามากแล้ว เจ้าพักผ่อนเถอะ ข้าไม่รบกวนแล้ว!”

อาถิงทำเสียงฮึดฮัดออกจมูก ก่อนจะกล่าวว่า “ควรจะไปได้ตั้งนานแล้ว!”

ภายใต้สีหน้าท่าทางการขับไล่ของอาถิง เฟิงอวิ๋นซิวจึงได้เดินจากไป

“ข้าต้องพักผ่อนจริง ๆ แล้วล่ะ!” นางกล่าวกับอาถิง

ทันทีที่เอนหลังลงมู่เฉียนซีก็หลับไป ในช่วงเวลาที่พักผ่อนนี้มู่เฉียนซีไม่ได้รีบหลอมยาต่อชะตาชีวิตจริง ๆ แต่นางสะสมพลังความแข็งแกร่งต่างหาก

ถึงแม้ว่าจะมีนิรันดร์คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แต่นางก็ไม่อยากจะพึ่งพาอาศัยนิรันดร์มากเกินไป!

ในการประลองครั้งนี้ นางจะพยายามอย่างสุดความสามารถและให้นิรันดร์ออกแรงน้อยลง!

นิรันดร์ยิ้มพลางกล่าว “ยอดดวงใจ ข้าเป็นบุรุษนะ เรื่องการออกเรี่ยวออกแรงมอบให้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะ หากว่าให้เจ้าออกแรงเยอะเกินไป ข้าก็คงจะเสียหน้าแย่”

“ในระหว่างที่การประลองยังมาไม่ถึง เจ้าก็พักผ่อนเถอะนะ แล้วก็ไม่ต้องมาคุยกับข้า”

สีหน้าของมู่เฉียนซีดำคล้ำด้วยความไม่พอใจ คำพูดที่ออกมาจากปากนิรันดร์ล้วนแต่เป็นคำ…

ไม่นานนัก การประลองปรุงยาอายุไม่เกินหมื่นปีก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว

ในการประลองสนามแรกนั้นผู้ชมการประลองล้วนแต่เป็นคนชราทั้งสิ้น ทว่า ผู้ชมที่นั่งชมในการประลองครั้งนี้ ล้วนแต่เป็นเหล่าบรรดาหนุ่มสาวนักปรุงยาทั้งสิ้น

ในตอนนี้คนส่วนใหญ่ก็ได้มาถึงแล้ว ทว่า ทุกคนยังไม่เห็นหมอปีศาจหนุ่มผู้รูปงามที่ดึงดูดสายตาผู้คนผู้นั้นเลย

และมู่เฉียนซีในตอนนี้ก็ยังอยู่ที่หอหมอปีศาจ พลังวิญญาณของนางโคจรขึ้น ชั่วพริบตาเดียวก็ได้แปลงโฉมเปลี่ยนร่างแล้ว

ตรงหน้านางในตอนนี้มีชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาเหมือนกันกับนางผู้หนึ่งยืนอยู่ ทั้งสองเหมือนกันราวกับยืนส่องกระจกดูตัวเองก็มิปาน

อาถิงมองร่างตรงหน้าที่เหมือนกับตัวเอง ก่อนจะกล่าวว่า “ต่อไปข้าก็ไม่มีเรื่องอันใดที่ต้องทำแล้ว ข้าจะกลับเข้าไปฟื้นฟูตัวเองในมิติ หากไม่มีเรื่องใหญ่อันใดก็ไม่ต้องรบกวนข้าล่ะ”

มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “อืม! ข้าเข้าใจแล้ว เพียงแต่ว่าปัญหาในเรื่องอายุของข้า ประเดี๋ยวจะต้องให้เจ้าเป็นคนจัดการให้นะ”

หากตรวจสอบออกมาแล้วโดนจับได้ว่าอายุเพียงแค่สิบเจ็ดปี เช่นนั้นคงต้องซวยเป็นแน่

อาถิงกล่าว “เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ”

เวลาในการประลองเริ่มใกล้เข้ามาขึ้นทุกที และร่างที่งดงามราวกับไม่ใช่มนุษย์ร่างนั้นก็ได้ปรากฏขึ้นที่ประตูทางเข้างานประลอง

“หมอปีศาจมาแล้ว!”

“ในที่สุดเขาก็มาแล้ว”

“……”

สำหรับผู้ที่หน้าตางดงามและความแข็งแกร่งยากที่จะหยั่งรู้ได้อย่างหมอปีศาจผู้นี้ ทุกคนล้วนแต่อยากรู้อยากเห็นมาก!

เมื่อเห็นเขาปรากฏกายขึ้น ทุกคนล้วนแต่ตื่นเต้นกันเป็นอย่างยิ่ง!

“ท่านหมอปีศาจ เชิญตรวจสอบอายุสักครู่ขอรับ!” ผู้อาวุโสผู้ตรวจสอบกล่าวด้วยความเคารพ

ทุกคนก็อยากรู้อยากเห็นมากเช่นกันว่าตกลงแล้วหมอปีศาจผู้มีนี้มีอายุมากเท่าใดแล้ว พันปี สามพันปี หรือว่าแปดพันปี

อย่าว่าแต่พวกเขาเลยที่อยากรู้ แม้แต่มู่เฉียนซีเองก็อยากรู้เช่นกันว่าอาถิงจะหลอกอายุไปถึงกี่ปี

ทันทีที่มู่เฉียนซีวางมือลงบนแท่นตรวจสอบ นางก็ได้เห็นเลขเก้าปรากฏขึ้นหลายตัว!

ทุกคนต่างผงะไปด้วยความตกใจ “หนึ่ง สอง สาม สี่!”

“เก้าสี่ตัว!”

“เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าปี!”

“ขาดอีกปีเดียวก็จะครบหมื่นปีแล้ว!”

ถึงแม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าหมอปีศาจคงจะไม่ได้หนุ่มเหมือนรูปร่างหน้าตา แต่ใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มที่ดูเหมือนอายุสิบเจ็ดปีผู้นี้อีกปีเดียวอายุก็จะครบหมื่นปีแล้ว พวกเขาล้วนแต่รู้สึกประหลาดใจมาก ยอดปรมาจารย์นักปรุงยาที่อายุหลายพันปีแต่หน้าตาแก่เฒ่าไปแล้วเหล่านี้ต่างก็แอบวิจารณ์กัน “หมอปีศาจผู้นี้แสร้งทำเป็นหนุ่มเกินไปแล้วกระมัง!”