ทุกผู้คนต่างตกตะลึงจนไม่อาจอธิบายความรู้สึกเป็นคำพูดได้!
เทียบกับธาตุไม้หรือธาตุไฟแล้ว ธาตุสายฟ้ามันย่อมจะรุนแรงควบคุมยากกว่ามาก เหตุใดสุดท้ายแล้วมันกลับสามารถหลอมเป็นหนึ่งได้?
นี่คือความสงสัยที่ทั้งเจิ้งฉีหยวนและคนทั้งหลายมีพร้อมๆ กัน
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างไม่มีใครเข้าใจและหันมามองดูเย่หยวนด้วยความมึนงงสงสัย
“ปรมาจารย์เย่ มันสำเร็จจริงๆ! มันสำเร็จอย่างที่ท่านว่าจริง! โอสถวาโยเมฆเจ็ดสมบัตินี้เทพสวรรค์ผู้นี้ได้ใช้เวลาศึกษามันมานับแสนๆ ปี ไม่นึกไม่ฝันว่าท่านกลับสำเร็จมันได้ในเวลาแค่สองวัน! เก่งกาจราวเทพเจ้าโดยแท้!”
เทพสวรรค์เหลียวหมิงนั้นมองดูเย่หยวนด้วยใบหน้าแสนตื่นเต้นพร้อมความตื่นตะลึง
ก่อนหน้านี้เขาเองก็ไม่ได้คิดต่างจากคนอื่นๆ มากมายนัก เขานั้นยังสงสัยว่าเย่หยวนจะเก่งกาจจริงพอมีค่ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนวิชาด้วยหรือไม่
เพียงแค่ว่าเขานั้นก็รู้จักเทพสวรรค์เปียวหยูและเข้าใจว่าเทพสวรรค์เปียวหยูคงไม่ทำอะไรไร้สาระเล่นๆ เช่นนี้แน่
เขาจึงเลือกจะลองเชื่อ
แต่ก็ไม่นึกไม่ฝันว่าแท้จริงแล้วจอมเทพโอสถหกดาวผู้นี้มันจะเก่งกาจเหนือฟ้า กลับสามารถทำให้สูตรโอสถเจ็ดดาวอย่างโอสถวาโยเมฆเจ็ดสมบัตินั้นสำเร็จลงได้ในเวลาสั้นๆ เพียงเท่านี้
แค่นี้มันก็มากพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าเย่หยวนนั้นมีวิชาโอสถที่เหนือล้ำกว่าเหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายในที่นี้!
เย่หยวนยิ้มขึ้นมาก่อนจะหันไปมองดูเจิ้งฉีหยวน “พี่เจิ้ง ข้าสงสัยจริงว่าเย่ผู้นี้จะมีค่าพอแลกเปลี่ยนความรู้กับพวกท่านหรือยัง? สงสัยเหลือเกินว่าข้ามีสิทธิ์จะไม่สนใจคำท้าทายของลูกหลานท่านหรือไม่? สงสัยเหลือเกินว่าข้านั้นเหมาะสมกับตำแหน่งปรมาจารย์หรือไม่?”
คำถามทั้งสามนี้มันเป็นดั่งค้อนเหล็กทุบลงกลางหัวของเจิ้งฉีหยวน
แน่นอนว่าเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายเองก็สั่นสะท้านไปทั้งกายหลังได้ยิน
เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งหลายก็ไม่มีใครเชื่อในฝีมือของเย่หยวน
แต่ตอนนี้เย่หยวนกลับแสดงฝีมือออกมาทำให้พวกเขาทั้งหลายต้องถูกตบจนหน้าหัน
เจิ้งฉีหยวนนั้นมีใบหน้าราวคนเสียสติ
เขานั้นไม่อาจจะตอบคำถามใดๆ ของเย่หยวนได้
มีค่าพอหรือไม่?
แน่นอนว่ามี!
สูตรโอสถโบราณอันนี้เย่หยวนกลับใช้เวลาแค่สองวันแก้ไขมัน
เจิ้งฉีหยวนทำเช่นนั้นได้หรือไม่?
อย่าว่าแต่ตัวเขา แม้แต่เหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายนี้ใช้เวลารวมหัวกันคิดเป็นเดือนก็ยังไม่อาจจะแก้ไขใดๆ ได้แต่เลือกสมุนไพรผิดๆ ขึ้นมาอย่างหนึ่ง
“ข้า… ข้าไม่ยอมรับ! ธาตุสายฟ้ามันจะมาอยู่ในโอสถธาตุลมแท้ได้อย่างไร? ภายในมันจะมีผลอย่างไรกัน?” เจิ้งฉีหยวนกัดฟันร้อง
เย่หยวนหัวเราะเย้ยขึ้นก่อนจะตอบกลับไป “คุณสมบัติใดๆ ของสมุนไพรวิญญาณนั้นมันไม่เคยมีอยู่เพียงอย่างเดียว ก็จริงที่ว่าผลเซียนกลั่นเมฆฝนนั้นมันเป็นสมุนไพรวิญญาณธาตุสายฟ้า แต่ตัวมันเองก็มีธาตุลมแฝงอยู่ไม่น้อย พอดีที่จะใช้กับสมุนไพรตัวอื่นในโอสถวาโยเมฆเจ็ดสมบัติ! ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมต้องเป็นผลเซียนกลั่นเมฆฝนนั้นมันก็แสนง่าย เพราะว่าในหมู่สมุนไพรวิญญาณที่ใช้ในโอสถนั้นมันมีหลายตัวที่ถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อปรับสมดุลธาตุสายฟ้าของผลเซียนกลั่นเมฆฝน! เจ้าเข้าใจหรือยังเล่า?”
เจิ้งฉีหยวนเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตนเอง
เจ้าหมอนี่มันกลับเข้าใจถึงคุณสมบัติของสมุนไพรวิญญาณได้อย่างลึกล้ำ
สมุนไพรวิญญาณนั้นไม่ได้มีคุณสมบัติแค่อย่างเดียว สิ่งนี้เป็นที่รู้กันดีในหมู่จอมเทพโอสถ
แต่แล้วสมุนไพรทั้งหลายนั้นมันมีคุณสมบัติอื่นใดแฝงอยู่บ้าง? เรื่องนั้นมันต้องใช้ความเข้าใจที่ลึกล้ำในตัวสมุนไพรวิญญาณนั้นๆ
ที่สำคัญไปกว่านั้นแม้ว่าสมุนไพรใดๆ มันจะไม่ได้มีคุณสมบัติแค่ด้านเดียว แต่เหล่าสูตรโอสถทั้งหลายนั้นมันล้วนแล้วแต่ปรุงขึ้นตามคุณสมบัติหลักที่รุนแรงที่สุดของสมุนไพรนั้น
แต่เจ้าผลเซียนกลั่นเมฆฝนนี้มันกลับถูกนำมาใช้เพื่อเอาคุณสมบัติรอง เรื่องราวเช่นนี้มันแทบจะไม่เคยเกิดขึ้นในการหลอมโอสถ แน่นอนว่าคนทั้งหลายย่อมจะไม่มีใครคาดคิดถึง
และที่สำคัญก็คือเย่หยวนได้เลือกเอาผลเซียนกลั่นเมฆฝนนี้ขึ้นมาจากเหล่าสมุนไพรทั้งหลายนับสิบล้านชนิด มันต้องเป็นความสามารถในการอนุมานระดับใดถึงจะทำได้?
เพราะเดิมทีแค่คนที่รู้ถึงคุณสมบัติธาตุลมของผลเซียนกลั่นเมฆฝนมันก็มีไม่มากแล้ว คนที่จะไปคิดถึงมันได้ยิ่งจะมีน้อยกว่า
ทุกผู้คนมองดูเย่หยวนอย่างตกตะลึง ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายได้เข้าใจแล้วว่าเต๋าโอสถของเย่หยวนนั้นมันเหนือล้ำกว่าพวกเขาไปมากเท่าใด
แค่การบอกถึงจุดผิดพลาดของหญ้าธาตุใจมายาก่อนหน้านี้มันก็ทำให้คนทั้งหลายเริ่มยอมรับเย่หยวนแล้ว
แต่ตอนนี้สายตาของเหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายนี้มันกลับกลายเป็นความชื่นชมในตัวเย่หยวนอย่างสุดใจ!
เทพสวรรค์ซืออี้เบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึงพร้อมก้มหน้าลงกล่าว “ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดพี่เปียวหยูถึงได้ให้เหรียญปรมาจารย์แก่เจ้า ตอนนี้เทพสวรรค์ผู้นี้ยอมรับอย่างสุดหัวใจแล้ว!”
เทพสวรรค์เหลียวหมิงนั้นกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเปี่ยมความชื่นชม “ข้าไม่นึกเลยว่าจะได้มาเจอยอดคนอย่างปรมาจารย์เย่ในงานชุมนุมโอสถเมฆาครั้งนี้ เหลียวผู้นี้คงใช้โชคของทั้งชาติไปหมดแล้ว!”
แม้ว่าเย่หยวนนั้นจะไม่อาจหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดได้แต่ความเข้าใจในวิชาโอสถของเขามันก็เหนือล้ำกว่าเทพสวรรค์ทั้งหลายไปสิ้น
มีหรือที่เหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายนี้จะไม่ชื่นชมความเก่งกาจนั้นได้?
วิชาโอสถนั้นมันแตกต่างจากวิชายุทธ์ เพราะในวิชายุทธพลังก็คือพลัง ความแข็งแกร่งก็คือความแข็งแกร่ง ต่อให้จะเป็นเย่หยวนเขาก็ไม่อาจจะต่อสู้กับเทพสวรรค์ได้
แต่ในด้านวิชาโอสถแล้วตราบเท่าที่เขาเข้าใจได้ถึงระดับหนึ่ง แม้แต่เหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายก็ยังต้องก้มหัวยอมรับความพ่ายแพ้
เพียงแค่ว่าคนที่ทำเช่นนั้นได้มันมีน้อย น้อยจนไม่มีใครคิดว่าจะมี
แต่ความรู้ที่เย่หยวนแสดงในวันนี้มันทำให้สามัญสำนึกของพวกเขาแตกสลายลง
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นย่อมจะไม่ได้คิดว่าแท้จริงแล้วเย่หยวนนั้นมีดีมากกว่านี้อย่างเหลือล้น การสร้างสูตรโอสถเองนั้นเขาก็ยังเคยทำมาแล้วหลายครั้ง
เพราะฉะนั้นการช่วยเติมส่วนประกอบให้สูตรโอสถที่ขาดหายเช่นนี้มันจึงมิใช่เรื่องยากเย็นแก่เย่หยวนเลย
…
ตระกูลเจิ้งนั้นได้ประกาศถอนตัวออกจากงานชุมนุมโอสถเมฆาจนทำให้เรื่องราวแพร่กระจายไปทั่วเมือง
ตระกูลเจิ้งนั้นเป็นหนึ่งในยอดตระกูลนักหลอมโอสถที่มีชื่อเสียงในแดนใต้ แต่พวกเขาทั้งหลายกลับถอนตัวไปเช่นนั้น
งานชุมนุมโอสถเมฆานั้นมันเป็นยอดงานสุดยิ่งใหญ่ของวงการโอสถในแดนใต้ การถอนตัวออกจากงานนี้มันย่อมหมายความว่าพวกเขาทั้งหลายจะกลายเป็นคนนอกของวงการโอสถไป
เหตุบรรพบุรุษของตระกูลเจิ้งจึงได้ทำเรื่องโง่เง่าเช่นนั้น?
“เจิ้งปู้ฉุนนั้นมีฝีมือเหนือล้ำติดอันดับหนึ่งในสิบงานชุมนุมโอสถเมฆาครั้งนี้ได้ง่ายๆ ถอนตัวไปเช่นนี้เสียดายแย่”
“หึ เจ้าไม่รู้หรือ? ข้าได้ยินมาว่าที่ตระกูลเจิ้งนั้นถอนตัวไปก็เพราะว่าบรรพบุรุษตระกูลเจิ้งได้ไปแพ้เดิมพันจนไม่มีทางเลือกต้องถอนตัวไป”
“โอ้? ใครกันที่เก่งกาจสามารถทำให้ทั้งตระกูลเจิ้งต้องถอนตัวจากงานชุมนุมโอสถเมฆาเช่นนี้ได้?”
“ใครกันอีกเล่า? ก็ต้องเป็นปรมาจารย์เย่ เทพถ่องแท้ผู้นั้น! ข้าได้ยินมาว่าปรมาจารย์เย่นั้นได้เติมสูตรโอสถโบราณจนสำเร็จครบถ้วนจนทำให้เหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายต้องพ่ายแพ้ บรรพบุรุษตระกูลเจิ้งนั้นไม่เชื่อว่าปรมาจารย์เย่จะทำสูตรนี้ให้สำเร็จได้จึงไปวางเดิมพันกันไว้ สุดท้ายก็แพ้พ่าย!”
“ห๊ะ?! ปรมาจารย์เย่นั้นเก่งกาจปานนั้น? ก้าวข้ามชนะจอมเทพโอสถเจ็ดดาวไปได้? พระเจ้าช่วย!”
…
ในเมืองตอนนี้มันเต็มไปด้วยข่าวลือต่างๆ นานา
เพราะไม่ว่าอย่างไรหน้าต่างมันก็มีหูประตูมันก็มีช่อง เรื่องราวที่เกิดขึ้นในศาลาโอสถแห้งวันนั้นมันก็ได้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตกระจายไปทั่วทั้งเมืองทันที
แต่ทว่าเหล่าคนทั้งหลายนั้นย่อมไม่คิดอยากจะเชื่อ เพราะไม่ว่าอย่างไรข่าวลือนี้มันก็เหลือเชื่อจนไม่อาจทำใจยอมรับลง
จอมเทพโอสถหกดาวกลับชนะจอมเทพโอสถเจ็ดดาวลงได้ ข่าวลือเช่นนี้ใครได้ฟังแล้วจะไปเชื่อ?
แต่แม้คนอื่นจะไม่เชื่อ หยุนยี่นั้นกลับกำลังรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งใจ
เพราะคนที่เสนอเรื่องราวนี้ไปมันก็คือเขา เรื่องที่ว่าเหตุใดบรรพบุรุษตระกูลเจิ้งถึงไปท้าทายเช่นนั้นมันย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจตัว
เขานั้นไม่เคยนึกเคยฝันว่าเย่หยวนจะเก่งกาจได้ปานนั้น ทำให้ตระกูลเจิ้งต้องถอนตัวออกจากวงการโอสถในแดนใต้ทันที!
ชายหนุ่มสกุลต้วนกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าเหยเก “พี่หยุนยี่ ตอนที่เจิ้งปู้ฉุนจากไปเขานั้นไม่มีเวลาแม้แต่จะมาพูดคุยกับเรา เรื่องนี้มันเป็นฝีมือของเย่หยวนผู้นั้นจริงๆ หรือ?”
หยุนยี่ยิ้มออกมา “ข่าวที่ลือกันว่าน่าเหลือเชื่อแล้ว แต่… เรื่องจริงนั้นมันยิ่งเสียกว่าข่าวลือ!”
…………..