ตอนที่ 914 ความเร็วที่เพิ่มขึ้น

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ตูมมม !

ในเวลานี้ กรงเล็บของวิญญาณหมาป่าขาวฟาดร่างของเฉียนจ้วงจนกระเด็นออกไปทันที ร่างของเขาถอยหลังไปนับสิบก้าวและล้มลงพร้อมกระอักเลือดคำโตออกมา

“พี่เฉียน !”

เถียนเล่ยตะโกนออกมาอย่างเป็นกังวลขณะปรี่เข้าไปหาเฉียนจ้วงอย่างรวดเร็วและขวางการโจมตีต่อไปของหมาป่าขาวไว้

“เข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวก่อนเถอะ”

ฉินอวี้โม่กล่าวและภายใต้ความคิดเพียงแวบเดียว นางก็ส่งเฉียนจ้วงกลับเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวทันที

“เราคงจะใช้ได้เพียงวิธีนั้น”

ขณะหาทางขัดขวางการโจมตีของหมาป่าขาว ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็มองหน้ากันพร้อมกับความคิดหนึ่งที่ผุดขึ้นในใจ

ฉินอวี้โม่ไม่รอช้าและหยิบโอสถจำนวนหนึ่งออกมาจากแหวนมิติและยื่นให้กับคนอื่น ๆ ทันที

เถียนเล่ยและอวิ๋นซื่อเทียนก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อยขณะกลืนมันลงไปโดยตรง

“นี่คือโอสถทวีความเร็ว…”

หลังจากกลืนกินมันลงไป เถียนเล่ยก็อดอุทานออกมาอย่างประหลาดใจไม่ได้

ไม่น่าเชื่อเลยว่าฉินอวี้โม่จะมีของดีอย่างโอสถทวีความเร็วอยู่

‘โอสถทวีความเร็ว’ คือโอสถที่หายากอย่างยิ่งและถือว่าเป็นโอสถที่มีบทบาทที่ยิ่งใหญ่ต่อร่างกายของผู้ใช้

การกลืนกินโอสถทวีความเร็วจะสามารถเพิ่มความเร็วของจอมยุทธ์ได้หลายเท่าตัวและสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายในทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะเป็นในการต่อสู้หรือการหลบหนี

เพียงแต่วัตถุดิบสำหรับหลอมโอสถทวีความเร็วก็หายากจนเกินไป แม้ในทั่วทั้งดินแดนมหาเทพก็มีอยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้น

ตอนนี้เวลาสองก้านธูปก็ผ่านไปแล้วและทุกคนจะต้องเอาชนะวิญญาณหมาป่าขาวให้ได้ภายในเวลาอีกสองก้านธูปข้างหน้า ทว่าในช่วงเวลานี้ฉินอวี้โม่ก็ยังไม่ต้องการใช้พลังของสามพันเพลิงคำรามเป็นการชั่วคราว

ฟิ้ววว !

หมาป่าขาวปล่อยการโจมตีใส่เถียนเล่ยอีกครั้ง ทว่าเขาก็หลบหลีกออกไปด้วยความเร็วสูงสุด

วิญญาณหมาป่าขาวตกตะลึงไปเล็กน้อยทันที ไม่คิดเลยว่าความเร็วของอีกฝ่ายที่ด้อยกว่าตนมาตลอดจะกลับรวดเร็วขึ้นมาได้อย่างกะทันหันเช่นนี้

“รับกระบี่ของข้าไปซะ !”

เถียนเล่ยกล่าวขึ้นเบา ๆ พร้อมจ้วงแทงกระบี่เข้าไปที่หมาป่าขาวอย่างรวดเร็ว

หมาป่าขาวก็เหวี่ยงกรงเล็บของมันเพื่อปัดป้องคมกระบี่ดังกล่าวได้อย่างทันท่วงทีและไม่เป็นอันตรายใด ๆ

อย่างไรก็ตาม ความเร็วของฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็เพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก ในตอนแรกการเคลื่อนไหวของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือช้ากว่าหมาป่าขาวมาก ทว่าตอนนี้พวกนางกลับมีความเร็วที่เหนือชั้นกว่ามันเสียอีก ความเร็วของพวกนางในตอนนี้บรรลุถึงขีดจำกัดและทิ้งไว้เพียงภาพติดตาเบื้องหลังโดยที่มันไม่สามารถโจมตีได้เลย

ยิ่งวิญญาณหมาป่าขาวต่อสู้นานเพียงใด มันก็ยิ่งรู้สึกหวาดหวั่นมากเพียงนั้น กลยุทธ์ลูกไม้ต่าง ๆ ของมันก็ถูกทำลายซ้ำแล้วซ้ำเล่าและการกัดฟันสู้ต่อไปก็มิใช่เรื่องที่ดีนัก

“เจ้ามนุษย์ ข้าจะปล่อยเจ้าไป !”

ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจและมันกล่าวออกไปทันที สำหรับคนเหล่านี้ มันจะยอมปล่อยไปก่อนชั่วคราว หลังจากอาการบาดเจ็บของมันฟื้นฟูและความแข็งแกร่งบรรลุถึงจุดสูงสุดอีกครั้ง การที่จะตามไปเอาเรื่องพวกนางในตอนนั้นก็คงจะไม่สายเกินไป

“สายไปแล้วล่ะ !”

ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากและกล่าวเพียงสั้น ๆ ในขณะเดียวกันการเคลื่อนไหวและการโจมตีของนางก็รุนแรงยิ่งกว่าเดิม เวลานี้พลังมายาของนางก็ปกคลุมไปด้วยเพลิงร้อนระอุที่ถาโถมตรงเข้าใส่วิญญาณหมาป่าขาวและอัดแน่นไปด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว

ตูมมม ! ตูมมม ! ตูมมม !

กระบวนท่าโจมตีของจอมยุทธ์หลายคนกระหน่ำตรงเข้าไปที่วิญญาณหมาป่าขาวอย่างต่อเนื่องจนมันตกอยู่ในสภาพที่น่าเห็นใจยิ่งนัก

ไม่ว่ามันจะปรากฏตัวในจุดใด ฉินอวี้โม่และสหายก็จะตามไปถึงตัวมันได้ในชั่วพริบตาและสร้างความเสียหายให้กับมันได้อย่างมาก

“เลือกมาซะ จะยอมจำนนหรือยอมตาย !”

นางเอ่ยถามเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงที่น่าเกรงขามและเผด็จการ

“อยากให้ข้าผู้นี้ยอมจำนนงั้นรึ ? ฝันไปเถอะ !”

วิญญาณหมาป่าขาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและไม่มีความคิดที่จะยอมจำนนแม้แต่น้อย ร่างของมันเคลื่อนที่ออกไปอย่างต่อเนื่องและยังคงปล่อยการโจมตีใส่ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง

“เหอะ เจ้าหมาป่าตัวน้อย การยอมจำนนต่อนายหญิงของข้านั้นถือเป็นเกียรติสำหรับเจ้ามากแล้ว กล้าดีอย่างไรที่มากล่าววาจาสามหาวเช่นนี้ !”

ทันใดนั้น น้ำเสียงเยือกเย็นก็ดังขึ้นในโสตประสาทของหมาป่าขาวและทำให้มันชะงักนิ่งไปทันที

“นี่มันกลิ่นอายของเทพอสูร !”

จู่ ๆ มันก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของซิวและตระหนักได้ว่านี่คือกลิ่นอายของเทพอสูรที่หายสาบสูญไปนานนับพันปี !

“โอ้ จดจำข้าได้สินะ…ทว่าเจ้ายังไม่คิดที่จะคุกเข่าและยอมจำนนอีกรึ ?!”

น้ำเสียงที่เผด็จการของซิวดังขึ้นในหูของหมาป่าขาวอีกครั้งและแรงกดดันทรงพลังที่แผ่ครอบงำมันส่งผลให้การเคลื่อนไหวของหมาป่าขาวช้าลงทันที

“แม่สาวน้อย เหตุใดเจ้าจึงมีกลิ่นอายของเทพอสูรอยู่กับตัวได้ ?”

หมาป่าขาวไม่รีบร้อนยอมจำนน ทว่าหยุดการเคลื่อนไหวลงชั่วคราวและเอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้

“เจ้าหมายถึงซิวรึ ?”

ฉินอวี้โม่ไม่ทราบเลยว่าซิวกำลังสื่อสารผ่านทางกระแสจิตกับวิญญาณหมาป่าขาวตรงหน้า เพราะเหตุนั้นนางจึงรู้สึกงุนงงเล็กน้อยว่าอีกฝ่ายสัมผัสถึงซิวได้อย่างไร

ในตอนนี้ซิวยังคงอยู่ในสภาวะจำศีลและจะต้องใช้เวลาอีกพอสมควรจึงจะออกมาได้

“ใช่จริง ๆ ด้วย ท่านซิว !”

คลื่นพลังของหมาป่าขาวสงบลงทันทีก่อนที่จะจำแลงร่างมนุษย์และยืนนิ่งอยู่กับที่

แน่นอนว่ามันรู้จักอสูรชื่อซิวเป็นอย่างดี เพราะนั่นคือชื่อของเทพอสูรที่หายสาบสูญไปนานกว่าพันปีก่อน

ผู้เป็นนายของซิวมีเพียงคนเดียวเท่านั้นและคนที่ซิวยอมรับเป็นนายก็คือคนเดียวกับที่มันเฝ้ารอมานานแสนนาน…

“นายหญิง ในที่สุดท่านก็กลับมา”

จู่ ๆ วิญญาณหมาป่าขาวที่กลับเป็นร่างมนุษย์อีกครั้งก็กล่าวพร้อมเอื้อมมือออกมาหาฉินอวี้โม่ทว่าถูกหานโม่ฉือขวางไว้เสียก่อน

“ยโสโอหังมาตั้งนาน ทว่าจู่ ๆ ก็เลือกยอมจำนนเสียง่าย ๆ เช่นนี้”

อวิ๋นซื่อเทียนกล่าวพร้อมกับกลอกตาไปมาอย่างเอือมระอา

“นี่มิใช่ว่าข้าเลือกยอมจำนน ทว่านางคือนายหญิงที่แท้จริงของข้า”

หมาป่าขาวไม่สนใจวาจาของอวิ๋นซื่อเทียนแม้แต่น้อย และกล่าวในสิ่งที่ทำให้ทุกคนสับสนงุนงงไปตาม ๆ กัน

“นายหญิง ข้ารอท่านอยู่ที่นี่มานานแล้ว ในอดีตท่านทิ้งข้าไว้ที่นี่”

วิญญาณหมาป่าขาวกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด มันเฝ้ารออยู่ที่นี่มานานนับพันปีและในที่สุดก็ได้พบกับผู้เป็นนายอีกครั้ง ตลอดเวลาที่อยู่ในข่ายอาคมมายาแห่งนี้ ความแข็งแกร่งของมันก็ลดน้อยลงเรื่อย ๆ และความอดทนก็เริ่มที่จะถึงขีดจำกัด

มันก็เกือบคิดไปว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรอผู้เป็นนายอีกต่อไป คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบกันในตอนนี้

“เจ้าหมายความว่าอะไร ?”

ฉินอวี้โม่รู้สึกสับสนและเอ่ยถามพร้อมขมวดคิ้วมุ่น

“ท่านซิวยังไม่ได้บอกนายหญิงงั้นรึ ?”

หมาป่าขาวกล่าวด้วยสีหน้าฉงนสงสัย ทว่าหลังจากไตร่ตรองดู มันก็เข้าใจได้ หากความทรงจำในภพอดีตของผู้เป็นนายกลับคืนมาก็คงไม่มีทางที่นางจะจดจำตนไม่ได้ และไม่มีทางที่นางจะไม่ทราบวิธีการฝ่าทำลายข่ายอาคมมายานี้

คาดการณ์ได้ว่าความทรงจำของฉินอวี้โม่ยังไม่ย้อนกลับคืนมาด้วยเหตุผลบางประการ

“ความทรงจำของข้ายังไม่กลับคืนมาทั้งหมดและยังมีอีกหลายสิ่งที่ซับซ้อนเกินเข้าใจ นายหญิง…ด้วยความแข็งแกร่งของท่านในตอนนี้ บางสิ่งบางอย่างก็ยังไม่ถึงเวลาที่ควรจะรับรู้”

เสียงของซิวดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่และพิสูจน์ให้เห็นว่ามันยังปิดบังเรื่องราวบางอย่างจากฉินอวี้โม่ไว้

“มันเกี่ยวข้องกับพลังลึกลับในตัวข้าใช่รึไม่ ?”

ฉินอวี้โม่หาใช่คนโง่เขลาและนางคาดเดาได้ในทันที เพียงแต่ยังไม่มั่นใจนัก

“ถูกต้อง มันเกี่ยวข้องกับพลังลึกลับของนายหญิง พลังนั้นเป็นของท่านตั้งแต่แรก เพียงแต่ท่านยังไม่สามารถใช้มันได้ในตอนนี้”

หมาป่าขาวพยักศีรษะ ในเมื่อทราบแล้วว่าฉินอวี้โม่คือนายหญิงของตน มันจึงทราบดีว่า ‘พลังลึกลับ’ นั้นหมายถึงสิ่งใด

ตอนนี้ความแข็งแกร่งของนายหญิงของมันยังห่างไกลจากระดับสูงสุดที่เคยเป็นอีกมากนักและยังมีหลายสิ่งหลายอย่างจากในอดีตที่ยังไม่ถึงเวลาที่นางควรจะทราบ

“เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะไม่ถามให้มากความ”

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะเบา ๆ นางเข้าใจความหมายของซิวและหมาป่าขาวดีจึงไม่คิดถามสิ่งใดต่อในตอนนี้

“นายหญิง ท่านทำพันธสัญญากับข้าก่อนเถอะ”

หมาป่าขาวยิ้มและกล่าวบอกให้ฉินอวี้โม่ทำพันธสัญญากับตน

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและวางมือลงบนศีรษะของอีกฝ่ายทันที ไม่นานนัก การทำพันธสัญญาก็เสร็จสมบูรณ์

หลังจากนั้น สภาพแวดล้อมรอบตัวก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป เพราะถึงอย่างไรการทำพันธสัญญากับหมาป่าขาวก็หมายความว่าข่ายอาคมมายานี้ตกอยู่ในการควบคุมของนางแล้ว

“ดินแดนต้องห้ามของนิกายหมื่นบุปผาคือสถานที่ใดแน่ ?”

ฉินอวี้โม่เอ่ยถามด้วยความสงสัย หากนางเป็นนายของหมาป่าขาว นั่นก็หมายความว่านางเป็นผู้ที่จัดวางข่ายอาคมนี้มิใช่หรือ ? แล้วเหตุใดนางจึงวางข่ายอาคมไว้ที่นี่ตั้งแต่ต้น ? หรือว่านางจะเคยมาที่นิกายหมื่นบุปผามาก่อน ?

“ท่านคิดถูกแล้ว นายหญิง ในอดีตท่านเคยมาที่นิกายหมื่นบุปผาและเคยช่วยเหลือจ้าวนิกายรุ่นแรกของนิกายหมื่นบุปผาไว้มากทีเดียว”

หมาป่าขาวพยักหน้าและยืนยันว่าข้อสันนิษฐานของฉินอวี้โม่นั้นถูกต้องแล้ว