ตอนที่ 913 วิญญาณหมาป่าขาว

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

เป็นจริงดังที่คิดไว้ ไม่นานนักหลังจากเกิดการผันผวนเล็กน้อยในอากาศ ร่างวิญญาณก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งไม่ไกลจากฉินอวี้โม่

“เฮ้ ช่างเป็นวัตถุที่ทรงพลังยิ่งนัก มันมีพลังที่รุนแรงมากทีเดียว”

ในเวลานี้ คลื่นพลังจากวิญญาณข่ายอาคมอ่อนแอลงกว่าเดิมมาก เห็นได้ชัดว่าระเบิดพลังมายาก่อนหน้านี้ทำให้มันบาดเจ็บพอสมควร

เพียงแต่ความสามารถในการฟื้นตัวของวิญญาณข่ายอาคมก็น่าทึ่งอย่างมากจนแทบไม่เห็นความผิดปกติใด ๆ

“มิติที่สองของเจ้าก็แปลกพิลึกจริง ๆ ข้าระบุตำแหน่งของมันไม่ได้เลย มันเหนือชั้นยิ่งกว่ามิติที่สองทั่ว ๆ ไปมาก”

วิญญาณบุรุษถอนหายใจออกมาอีกครั้งและจู่ ๆ ก็กล่าวออกไปในอากาศว่างเปล่า “สหายทั้งหลาย เหตุใดไม่ออกมาพูดคุยเจรจากันก่อนล่ะ ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินอวี้โม่ก็หันไปกล่าวกับจางซือถงและเหมียวเจินเจิน “พวกเจ้าอยู่ที่นี่ก่อนและอย่าเพิ่งออกไป พวกข้าจะออกไปตรวจดูสถานการณ์กันสักหน่อย”

การที่อีกฝ่ายเอ่ยเรียกพวกตนอย่างกะทันหันเช่นนี้จะต้องมีลับลมคมในบางอย่างเป็นแน่ จางซือถงและเหมียวเจินเจินยังถือว่าอ่อนแอในระดับหนึ่งและต่อให้ออกไปก็อาจจะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก

ทั้งสองพยักหน้าตอบรับและตระหนักถึงความแข็งแกร่งของตนเองดี พวกนางเพียงกำชับให้ฉินอวี้โม่ระวังตัวพร้อมรับปากว่าจะเก็บตัวอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัวอย่างเงียบ ๆ และไม่ออกไป

“เจ้าต้องการที่จะพูดคุยเจรจาเรื่องใดรึ ?”

ฉินอวี้โม่และสหายคนอื่น ๆ ปรากฏตัวตรงหน้าวิญญาณข่ายอาคมและกล่าวด้วยวาจาเย็นชา

“ข้าสามารถปล่อยพวกเจ้าไปได้ แต่ข้ามีเงื่อนไข”

บุรุษร่างวิญญาณมองตรงมาที่ฉินอวี้โม่ขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่รีบร้อนหรือเชื่องช้าจนเกินไป

“เงื่อนไขอะไร ?”

ฉินอวี้โม่ไม่อาจทราบได้เลยว่าวิญญาณตรงหน้ากำลังคิดทำสิ่งใด ทว่านางก็ให้ความร่วมมือโดยการเอ่ยถามกลับไป

“ทิ้งมิติที่สองไว้ที่นี่และข้าจะส่งพวกเจ้าออกไป มิฉะนั้น…พวกเจ้าจะต้องติดอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล !”

วิญญาณข่ายอาคมเปิดเผยจุดประสงค์ออกมาโดยตรง แท้จริงแล้วมันปรารถนาที่จะครอบครองมิติที่สองของฉินอวี้โม่นั่นเอง

“ความต้องการของเจ้ามิใช่น้อย ๆ เลย”

ฉินอวี้โม่กล่าวตอบโดยไม่ประหลาดใจ

“ข้าสงสัยนัก…ในเมื่อเจ้าเป็นเพียงวิญญาณมายา แล้วมิติที่สองจะมีประโยชน์อะไรกับเจ้า ?”

วิญญาณข่ายอาคมมิใช่มนุษย์และต่อให้มีมิติที่สองก็ไม่สามารถใช้งานมันได้ เพราะเหตุนั้น ฉินอวี้โม่จึงไม่อยากเชื่อว่านี่คือเงื่อนไขที่ทำให้อีกฝ่ายยอมปล่อยพวกตนไป

“ข้าติดอยู่ที่นี่มานานหลายพันปีและอยากออกไปเที่ยวชมโลกภายนอกมานานแล้ว สำหรับมิติที่สอง มันจะช่วยให้ข้าออกไปจากที่นี่ได้ แน่นอนว่ามันมีประโยชน์กับข้าอย่างมาก เจ้าจะปฏิเสธเงื่อนไขของข้าก็ได้…แต่การเอาชนะข้าก็ไม่ง่ายนักหรอก”

วิญญาณข่ายอาคมไม่ปิดบังและกล่าวอธิบายอย่างชัดเจน

ตราบใดที่มีมิติที่สอง ศูนย์ควบคุมใหม่ก็จะถูกสร้างขึ้นมาในข่ายอาคมนี้ได้ และเมื่อถึงตอนนั้น มันก็จะได้รับการปลดปล่อยและสามารถแยกตัวออกไปจากที่นี่

หลังจากติดอยู่ที่นี่มานานหลายพันปี เป็นธรรมดาที่วิญญาณข่ายอาคมจะรู้สึกเบื่อหน่ายและต้องการออกไปสัมผัสโลกภายนอก และมิติที่สองของฉินอวี้โม่ก็คือโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับมัน

“เรียบง่ายเช่นนั้นเลยรึ ?”

ฉินอวี้โม่ไม่สงสัยในวาจาของอีกฝ่าย ทว่ายังไม่เข้าใจว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรจึงจะสร้างศูนย์ควบคุมของข่ายอาคมขึ้นมาใหม่ได้

“ใช่ เจ้าจะตกลงรึไม่ ?”

วิญญาณบุรุษพยักศีรษะก่อนเอ่ยถาม

“ไม่”

ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะพร้อมปฏิเสธเสียงแข็งทันที ในเวลานี้ มารยาก็ปรากฏกายข้าง ๆ นางและกล่าวออกไป “หากเจ้าต้องการที่จะออกไปจากที่นี่ก็ยังมีอีกวิธี นั่นก็คือการทำพันธสัญญากับนายหญิงของข้า เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าก็จะออกไปจากที่นี่ได้เอง”

วิญญาณข่ายอาคมจัดเป็นอสูรมายาประเภทหนึ่งและสามารถทำพันธสัญญากับมนุษย์ได้

ตราบใดที่ทำพันธสัญญากับฉินอวี้โม่ มันก็จะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไม่เป็นปัญหา

“ไม่มีทาง ! ข้าไม่มีทางยอมสยบให้กับสตรีตัวเล็ก ๆ เช่นนี้หรอก !”

วิญญาณข่ายอาคมปฏิเสธทันควันและไม่ลังเลแม้แต่น้อย ใช่ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาจะไม่มีผู้ใดเข้ามาที่นี่ แม้แต่จ้าวนิกายหมื่นบุปผาก็เคยต้องการทำพันธสัญญากับมันทว่ามันก็ปฏิเสธเสียงแข็งเช่นกัน ผู้เป็นนายของวิญญาณข่ายอาคมมีเพียง ‘คนผู้นั้น’ ผู้เดียวเท่านั้นและมันไม่คิดสยบให้กับผู้ใด

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็ทำได้เพียงแค่เอาชนะเจ้า !”

ร่างของฉินอวี้โม่พุ่งตรงออกไปและปล่อยการโจมตีเข้าใส่อีกฝ่ายทันที

เห็นได้ชัดว่าวิญญาณข่ายอาคมไม่คาดคิดถึงการกระทำดังกล่าวและผงะไปทันที อย่างไรก็ตาม มันตอบสนองอย่างรวดเร็วและภายในชั่วพริบตา ร่างของมันก็หายวับไปต่อหน้าฉินอวี้โม่และทุกคน

“แม่สาวน้อย แม้เจ้าจะทรงพลังอย่างมาก เจ้าก็ฆ่าข้าไม่ได้หรอก มอบมิติที่สองนั่นมาให้ข้าเสียดี ๆ เถอะและข้าจะปล่อยเจ้าไป !”

เสียงหนึ่งดังขึ้นในหูของฉินอวี้โม่โดยที่แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม

“โอ้ งั้นรึ ?”

จู่ ๆ ฉินอวี้โม่ก็หัวเราะลั่นและกล่าวต่อ “คิดว่าซ่อนตัวแล้วพวกข้าจะหาเจ้าไม่พบงั้นสินะ…”

ทันใดนั้น ประกายพลังงานร้อนระอุก็แผ่จากปลายนิ้วมือของฉินอวี้โม่และมันคือพลังที่ใช้จุดชนวนสามพันเพลิงคำรามนั่นเอง

“ไม่ต้องทำให้ยุ่งยากถึงขั้นนั้นหรอก”

หานโม่ฉือเอื้อมมือออกไปคว้ามือบางของฉินอวี้โม่ไว้เพื่อหยุดการกระทำของนาง

“เนตรปีศาจ ถึงตาเจ้าแล้ว”

เขาออกคำสั่งในทันทีและเนตรปีศาจก็ลอยออกมาจากจิตของเขา

ร่างของเนตรปีศาจขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วและภายในเวลาอันสั้น มันก็เปลี่ยนกลายเป็นลูกบอลกลมขนาดเท่าร่างคน

“นายท่าน อีกประเดี๋ยวข้าจะครอบคลุมทุกอย่างรอบตัวด้วยลำแสงของข้าและไม่เหลือพื้นที่ให้วิญญาณนั่นซ่อนตัวได้อีก ทว่าข้าจะปลดปล่อยพลังนี้ออกมาได้เพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น ท่านต้องชนะมันให้ได้ในเวลานั้น”

ความสามารถพิเศษของเนตรปีศาจคือการเปิดเผยสิ่งล่องหนทุกอย่างที่อยู่รอบตัว แม้แต่มิติที่สองก็มิใช่ข้อยกเว้น

ถึงแม้ว่าภายในข่ายอาคมมายานี้ วิญญาณข่ายอาคมจะเปรียบเสมือนตัวตนที่ไร้เทียมทาน ทว่ามันก็ไม่สามารถต้านทานแสงรัศมีของเนตรปีศาจได้

“เข้าใจแล้ว”

หานโม่ฉือพยักศีรษะก่อนที่ลำแสงสว่างจ้าส่องออกจากดวงตาของเนตรปีศาจและเปิดเผยสภาพแวดล้อมรอบตัวอย่างชัดเจน

“นั่นมัน…เนตรปีศาจ !”

ร่างของวิญญาณข่ายอาคมปรากฏตรงหน้าทุกคนและส่งเสียงด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นเนตรปีศาจลอยอยู่ตรงหน้า

“ว่าอย่างไร…คิดว่าพวกข้าเอาชนะเจ้าได้รึไม่ ?”

ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มและพุ่งตรงเข้าไปโจมตีร่างวิญญาณตรงหน้า

อวิ๋นซื่อเทียนเองก็พุ่งเข้าไปใกล้และปล่อยการโจมตีใส่มันเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม วิญญาณข่ายอาคมก็เป็นศัตรูที่เอาชนะได้ยากอย่างยิ่งเนื่องจากมันอาศัยความสามารถในการเคลื่อนย้ายและการล่องหนภายในข่ายอาคม

ในเวลานี้ ถึงแม้การเคลื่อนไหวของมันจะยังคงรวดเร็วเช่นเดิม ทว่าการที่จะคาดเดาการเคลื่อนไหวของมันก็ถือว่าง่ายขึ้นมาก

ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ปลดปล่อยพลังอำนาจออกมาจนถึงระดับสูงสุดและแม้แต่กองทัพอสูรมายาของนางก็ถูกเรียกออกมาอย่างพร้อมหน้า

เมื่อเห็นกองทัพอสูรมายาของฉินอวี้โม่ เฉียนจ้วงและเถียนเล่ยก็ตกตะลึงทันที ตราบใดที่มีกองทัพอสูรมายาทรงพลังเช่นนี้ แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสของนิกายหมื่นบุปผาก็อาจจะมิใช่คู่มือของฉินอวี้โม่ด้วยซ้ำ

ด้วยกองทัพอสูรมายา มิติที่สอง กอปรกับการที่มีหานโม่ฉืออยู่ข้างกาย ไม่แปลกใจเลยที่ฉินอวี้โม่จะกล้ารับภารกิจที่อันตรายนี้

หลังจากเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง วิญญาณข่ายอาคมก็อ่อนกำลังลงอย่างเห็นได้ชัด

แม้ในขณะที่หลบหลีกการโจมตีของฉินอวี้โม่และทุกคน มันก็ต้องป้องกันตัวจากลำแสงของเนตรปีศาจส่งผลให้ไม่สามารถใช้พลังได้อย่างเต็มที่

“บัดซบ !”

วิญญาณดังกล่าวสบถเสียงดังและกลับคืนร่างเดิมอย่างกะทันหันซึ่งเป็นร่างหมาป่าสีขาวโพลน

‘หมาป่าขาว’ คือหนึ่งในอสูรทรงพลังอันดับต้น ๆ และเป็นอสูรมายาโบราณในตำนานที่เกือบจะสูญพันธุ์ไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าในดินแดนต้องห้ามของนิกายหมื่นบุปผาจะมีอสูรหายากชนิดนี้อยู่

เดิมทีหมาป่าขาวก็เป็นอสูรที่เคลื่อนที่ได้รวดเร็วอย่างยิ่ง ในตอนนี้เมื่อมันกลับคืนร่างเดิม ความเร็วของมันจึงเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุด

ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ไม่สามารถมองเห็นร่างของมันได้อย่างชัดเจนด้วยซ้ำและสัมผัสได้เพียงการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วบางอย่างตรงหน้า พวกนางจึงทำได้เพียงแค่ป้องกันตัวเองโดยที่ตอบโต้กลับไปไม่ได้

ภายในเวลาเพียงไม่นาน หมาป่าขาวก็กลายเป็นฝ่ายได้เปรียบในขณะที่ฉินอวี้โม่และทุกคนแทบจะรับมือกับมันไม่ไหว

“เราจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ !”

ฉินอวี้โม่สบตาหานโม่ฉือและตระหนักได้ทันทีว่าต้องคิดหาทางรับมือโดยเร็ว