หลังจากก้าวเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้าย ฉินอวี้โม่และคณะก็ปรากฏตัวบนที่ราบแห่งหนึ่ง
ที่นี่มีทุ่งหญ้าที่กว้างไกลไร้ที่สิ้นสุด ต้นหญ้าสีเขียวขจีและบุปผานานาพรรณปรากฏอยู่ในทุกหนแห่ง เรียกได้ว่าที่แห่งนี้มีบรรยากาศที่สดชื่นและผ่อนคลายอย่างแท้จริง
“นี่คือดินแดนต้องห้ามของนิกายหมื่นบุปผาอย่างนั้นรึ ?”
เฉียนจ้วงเอ่ยถามทันที เขาเคยคิดว่าดินแดนต้องห้ามคงจะเป็นสถานที่ที่มืดหม่นซึ่งเต็มไปด้วยอสูรชั่วร้ายและวิกฤตอันตรายมากมาย ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นดินแดนที่งดงามเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังไม่มีกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตใดรอบตัวซึ่งดูจะปลอดภัยอย่างมาก
“มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ข้าคิดไว้เลย”
เหมียวเจินเจินมองไปรอบ ๆ ครู่หนึ่งและไม่สัมผัสถึงอันตรายใดเช่นกัน เมื่อเห็นกระต่ายน้อยตัวหนึ่งวิ่งผ่านมาตรงหน้านาง สตรีสาวก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือออกไปและหมายจะจับมัน
“อย่าจับมันนะ !”
ฉินอวี้โม่รีบคว้ามือเหมียวเจินเจินไว้และห้ามมิให้นางแตะต้องมันในทันที
แม้ภายนอกมันจะเป็นเพียงกระต่ายสีขาวตัวน้อยที่ดูไร้พิษสง ทว่าแท้จริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้นแม้แต่น้อย
“โฮกกก !”
เป็นจริงดังที่คิดไว้ อึดใจต่อมา เสียงคำรามก็ดังสนั่นขึ้นมาพร้อมกับร่างของกระต่ายน้อยสีขาวที่พองโตขึ้นอย่างรวดเร็วและกลายเป็นหมาป่าตัวใหญ่ที่อ้าปากกว้างและเตรียมพุ่งเข้าไปกัดเหมียวเจินเจิน
ฉึก !
ทว่าคมกระบี่ของหานโม่ฉือก็บั่นคออสูรหมาป่าจนขาดสะบั้นทันทีก่อนมันกลายเป็นเถ้าถ่านสลายหายไปในอากาศ
“แม่เจ้า ! น่ากลัวชะมัด ไม่แปลกใจเลยที่จะกล่าวกันว่าดินแดนต้องห้ามแห่งนี้เต็มไปด้วยวิกฤตอันตราย”
เหมียวเจินเจินยกมือทาบอกของตนเองด้วยท่าทางหวาดกลัว หากเมื่อครู่นี้นางสัมผัสถึงตัวกระต่ายน้อยจริง ๆ นางก็คงตอบสนองได้ไม่ทันและกลายเป็นอาหารของหมาป่าไปแล้ว
“นี่คือข่ายอาคมมายา และอสูรเมื่อครู่ก็เป็นร่างมายาเช่นกัน”
ฉินอวี้โม่อธิบายกับทุกคน ในฐานะผู้ใช้ข่ายอาคม นางย่อมทราบเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างดี
สิ่งที่เผชิญตอนนี้คาดว่าน่าจะเป็นข่ายอาคมระดับสูงซึ่งสามารถควบแน่นสิ่งชีวิตมายาออกมาได้ อสูรเมื่อครู่นี้ก็ก่อตัวจากกลุ่มพลังมายาและสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นอสูรตัวเล็กตัวน้อยหรืออสูรดุร้ายก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างอิสระ หากไม่มีความสามารถในการป้องกันที่มากพอ พวกนางก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสได้โดยง่าย
“ทุกคนระวังตัวด้วยล่ะ ข่ายอาคมนี้มิใช่สิ่งที่จะทำลายได้ง่าย ๆ เลย”
ฉินอวี้โม่กล่าวก่อนเรียกมารยาออกมาเพื่อสั่งให้มันออกไปสำรวจข่ายอาคมรอบตัว
มารยาพยักศีรษะและเดินตรงไปในทิศทางตรงข้าม
อวิ๋นซื่อเทียนไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับข่ายอาคมมากนักจึงไม่สามารถช่วยอะไรได้ นางและคนอื่น ๆ ทำได้เพียงแต่ยืนนิ่งและจับตาดูสถานการณ์รอบตัวโดยไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับฉินอวี้โม่
หานโม่ฉือก็จับมือฉินอวี้โม่ไว้แน่นและอยู่ข้างกายไม่ห่าง
พลังวิญญาณของพวกนางก็แผ่ออกไปเพื่อตามหาศูนย์ควบคุมของข่ายอาคมนี้
ข่ายอาคมมายานี้เป็นข่ายอาคมระดับสูงซึ่งเป็นระดับที่ฉินอวี้โม่ยังไม่สามารถวางได้ในตอนนี้ มันสามารถสร้างสิ่งมีชีวิตที่เปลี่ยนรูปร่างเป็นหลากหลายชนิดได้อย่างต่อเนื่องและมีสติสัมปชัญญะเป็นของมันเองซึ่งยากที่จะรับมือได้
โดยทั่วไปแล้วศูนย์ควบคุมของข่ายอาคมประเภทนี้จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังอย่างยิ่ง และเมื่อจัดการกับสิ่งมีชีวิตดังกล่าวก็จะทำลายข่ายอาคมได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ข่ายอาคมตรงหน้าทุกคนในตอนนี้ สิ่งมีชีวิตที่เป็นศูนย์ควบคุมคือผู้ที่มีอำนาจสูงสุด มันไม่เพียงแต่สามารถซ่อนกลิ่นอายและรูปร่างของตนเองเท่านั้น ทว่ามันยังสามารถเคลื่อนย้ายตนเองได้อย่างกะทันหันซึ่งกล่าวได้ว่าน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
ฉินอวี้โม่และมารยาก็ยังคงแผ่พลังวิญญาณออกไปสำรวจโดยรอบเพื่อตามหาตำแหน่งของสิ่งมีชีวิตที่เป็นศูนย์กลางควบคุม ทว่าก็ยังไม่พบสิ่งใด
ในทางตรงกันข้าม สิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดที่ก่อตัวขึ้นมาจากพลังมายาก็ปรากฏตัวและกระหน่ำโจมตีทุกคนอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้ก็ล้วนอยู่ในระดับที่ดีพอสมควรจึงสามารถรับมือได้อย่างเหมาะสมและไม่มีใครได้รับอันตรายใด ๆ
หลังจากนั้นสถานการณ์เช่นนี้ก็ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ และเวลาสองก้านธูปก็ผ่านไปในชั่วพริบตา
มารยาสำรวจบริเวณโดยรอบซ้ำแล้วซ้ำเล่าทว่ายังคงไม่พบศูนย์ควบคุมของข่ายอาคมเช่นเดิม ฉินอวี้โม่เองก็ได้ผลลัพธ์เดียวกันและไม่พบกลิ่นอายใด ๆ ที่ซ่อนอยู่
ทั้งสองยังคงกวาดสายตามองต่อไปและสายตาหยุดลงในจุดหนึ่งที่ไม่ไกลออกไปซึ่งเป็นบริเวณที่ยังไม่ได้รับการสำรวจ
ในจุดนั้นคือทะเลสาบขนาดเล็กซึ่งมีน้ำใสสะอาดจนมองเห็นพืชใต้น้ำได้อย่างชัดเจน
ฉินอวี้โม่และมารยาหันหน้ามองกันและกันก่อนมีข้อสันนิษฐานหนึ่งผุดขึ้นในใจ จากนั้นทั้งคู่ก็พุ่งตรงไปในทิศทางนั้นอย่างรวดเร็ว
เหมียวเจินเจินและคนอื่น ๆ ก็เดินตามไปอย่างใกล้ชิดโดยที่ยังไม่กล้าทำสิ่งใดบุ่มบ่าม
เมื่อมาหยุดตรงหน้าทะเลสาบ ฉินอวี้โม่ก็กล่าวขึ้นเบา ๆ “ออกมาเถอะ พวกเราพบเจ้าแล้ว”
“ฉลาดดีนี่แม่สาวน้อย”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทะเลสาบทันที จากนั้นทะเลสาบก็ควบแน่นรวมตัวกันจนกลายเป็นร่างมนุษย์ขึ้นมาตรงหน้าฉินอวี้โม่
ทะเลสาบขนาดเล็กเปลี่ยนกลายเป็นร่างบุรุษวัยกลางคนที่ยืนนิ่งและมองตรงมาที่ฉินอวี้โม่อย่างเรียบเฉย
“เจ้าคือวิญญาณของข่ายอาคมนี้สินะ”
ฉินอวี้โม่กล่าวเพื่อยืนยัน ทว่ายังไม่สามารถมองทะลุไปถึงร่างที่แท้จริงของบุรุษตรงหน้าได้ ร่างตรงหน้าดูเหมือนจะก่อตัวจากกลุ่มพลังมายาเท่านั้น ทว่าสิ่งที่นางทราบมาก็คือศูนย์ควบคุมของข่ายอาคมควรที่จะเป็นสิ่งมีชีวิต
“หากต้องการจะออกไปจากข่ายอาคมนี้ พวกเจ้าก็ต้องเอาชนะข้าให้ได้เสียก่อน”
บุรุษผู้นั้นไม่กล่าวให้ยืดเยื้อและท้าทายออกไปโดยตรงขณะที่ร่างของมันค่อย ๆ หายไปต่อหน้าต่อตาฉินอวี้โม่
ฉินอวี้โม่ก็ยกยิ้มมุมปากและเพียงโบกมือเล็กน้อย จากนั้นทุกคนก็หายเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวทันที
ภายในข่ายอาคมมายานี้ สิ่งมีชีวิตที่เป็นศูนย์ควบคุมคือผู้ที่มีอำนาจสูงสุดซึ่งจะสามารถหายตัวได้อย่างอิสระและสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังควบคุมสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในข่ายอาคมนี้ได้โดยไม่ต้องลงมือต่อสู้ด้วยตนเองด้วยซ้ำ
“น่าสนใจ น่าสนใจจริง ๆ ไม่คิดว่าเจ้าจะมีมิติที่สองอยู่กับตัวด้วย ไม่เลวทีเดียว”
บุรุษผู้นั้นถอนหายใจและปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมตรวจจับหาตำแหน่งของฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ
ทว่าน่าเสียดาย หลังจากที่ฉินอวี้โม่รวบรวมวัสดุได้ส่วนหนึ่ง คฤหาสน์เฟิงหัวของนางก็ได้รับการพัฒนาปรับโฉมจนสมบูรณ์เป็นส่วนเล็ก ๆ แล้ว วิญญาณของข่ายอาคมจึงไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แน่ชัดของมันได้
“พี่ซื่อเทียน ข้าขอระเบิดพลังมายาจำนวนหนึ่ง”
ฉินอวี้โม่ยื่นมือไปหาอวิ๋นซื่อเทียน หากต้องการจัดการกับวิญญาณของข่ายอาคมนี้ นางจะต้องเลือกใช้วิธีการที่พิเศษ ไม่เช่นนั้นก็คงยากที่จะเอาชนะได้
อวิ๋นซื่อเทียนไม่รอช้าและหยิบระเบิดพลังมายาจำนวนหนึ่งยื่นให้ฉินอวี้โม่ทันทีและรอรับชมการแสดงที่น่าสนใจ
ฉินอวี้โม่ขับเคลื่อนคฤหาสน์เฟิงหัวและตรงเข้าไปใกล้ร่างวิญญาณดังกล่าว
“ฮ่า ๆ ๆ ข้าพบเจ้าแล้ว”
จู่ ๆ วิญญาณของข่ายอาคมก็หัวเราะลั่นพลางยื่นมือคว้าออกไปในทิศทางของคฤหาสน์เฟิงหัวอย่างรวดเร็ว
ฉินอวี้โม่ก็เพียงยกยิ้มมุมปากและปรากฏตัวออกไปตรงหน้าร่างวิญญาณในทันที
“ถ้าอยากได้นัก…ข้าก็จะมอบให้เจ้า”
นางโยนระเบิดพลังมายาขนาดจิ๋วตรงไปยังร่างวิญญาณตรงหน้าก่อนร่างของนางหายกลับเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวอีกครั้ง
“นี่มันคืออะไรกัน ?”
วิญญาณบุรุษตรงหน้าตกตะลึงเล็กน้อยและมองดูระเบิดพลังมายาในมืออย่างสงสัยใคร่รู้
ระเบิดพลังมายาเหล่านั้นดูเหมือนกับวัตถุทั่วไปและไม่มีสิ่งใดผิดแปลก ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ยังไม่มีการผันผวนของพลังมายาใด ๆ และดูเหมือนจะเป็นเพียงไข่มุกงดงามธรรมดาเท่านั้น
ตูมมม !
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นมาและระเบิดพลังมายาทั้งหมดก็ระเบิดออกมาพร้อมกันทันทีโดยที่วิญญาณของข่ายอาคมไม่สามารถตอบสนองได้ทัน
เมื่อควันระเบิดจางหายไป ร่างวิญญาณก็ไม่มีร่องรอยให้เห็นอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่เชื่อว่าวิญญาณดังกล่าวคงจะไม่ถูกกำจัดไปอย่างง่าย ๆ เช่นนี้ แม้แรงระเบิดของระเบิดพลังมายาจะรุนแรง อย่างมากมันก็คงจะทำให้วิญญาณตนนั้นบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“มันหายไปไหนล่ะ ?”
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว ทุกคนมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกภายนอกอย่างชัดเจน เมื่อเห็นว่าวิญญาณบุรุษเมื่อครู่หายไป เหมียวเจินเจินก็เอ่ยถามด้วยความสับสนงุนงง
“ข้าก็ไม่แน่ใจ”
ฉินอวี้โม่ได้เพียงส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา นางเองก็ไม่ทราบเลยว่าวิญญาณดังกล่าวหายไปอยู่ที่ใด
“รอก่อนเถอะ มันอดที่จะรออยู่เฉย ๆ ไม่ได้แน่”
ตราบใดที่พวกนางยังอยู่ที่นี่ ฉินอวี้โม่ก็มั่นใจว่าวิญญาณเมื่อครู่นี้จะปรากฏตัวออกมาอีกครั้งอย่างแน่นอน
เพราะเหตุนั้น สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือการประชันกันว่าฝ่ายใดจะอดทนรอได้มากกว่ากันและฝ่ายใดจะต้องสูญเสียพลังงานไปมากกว่า
หลังจากนั้นทุกคนภายในคฤหาสน์เฟิงหัวก็พูดคุยกันอย่างสบาย ๆ โดยที่ไม่รู้สึกเบื่อหน่าย ไม่นานนักเวลาก็ผ่านไปกว่าครึ่งค่อนวันแล้ว
ทันใดนั้น คลื่นความผันผวนก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็มองหน้ากันโดยคาดเดาได้ทันทีว่าวิญญาณของข่ายอาคมน่าจะปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งแล้ว