สิ่งที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้คือถ้ำที่ขุดจากผนังด้านหนึ่งของภูเขาซึ่งมีตัวอักษรสลักอยู่บนประตูหน้าถ้ำ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการเสื่อมโทรมตามกาลเวลาจึงมองเห็นตัวอักษรเหล่านั้นได้ไม่ชัดเจนนัก
ประตูประหลาดแบบโบราณสองบานมีความสะอาดเอี่ยมอ่องและรอบตัวเต็มไปด้วยกลิ่นอายลึกลับบางอย่างที่แสดงให้เห็นว่าที่แห่งนี้ไม่ธรรมดาแม้แต่น้อย
“ในอดีตครานั้น นายหญิงฝึกยุทธ์อยู่ที่นี่นานครึ่งปีและบ้านถ้ำแห่งนี้ก็เป็นสถานที่ที่ท่านสร้างขึ้นเอง อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายพันปีที่ผ่านมามีหลายสิ่งหลายอย่างสลายกลายเป็นเถ้าถ่านและส่วนที่เหลือก็เป็นสมบัติที่ท่านทิ้งไว้ที่นี่”
หมาป่าขาวถอนหายใจและก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อเปิดประตูอย่างช้า ๆ
หลังประตูบานนั้นคือทางเดินยาวที่ดูไร้ที่สิ้นสุด ทั้งสองข้างทางก็มีไข่มุกราตรีส่องสว่างมากมายซึ่งทำให้มองเห็นเส้นทางได้อย่างชัดเจน
ทันทีที่ก้าวเข้าไป ฉินอวี้โม่ก็รับรู้ได้ถึงความคุ้นเคยบางอย่าง ไม่ว่ากลิ่นอายหรือบรรยากาศรอบตัวล้วนทำให้นางรู้สึกคุ้นเคยอย่างที่สุด
แม้ความทรงจำในครานั้นจะยังไม่ฟื้นฟูกลับมา ทว่าสัญชาตญาณของนางก็ไม่อาจปฏิเสธความคุ้นเคยนี้ได้
หมาป่าขาวนำทางทุกคนมุ่งหน้าตรงไปตามทางเดินดังกล่าวและมาถึงลานที่พักภายในเวลาเพียงไม่นาน
การจัดแจงลานที่พักภายในถ้ำแสดงให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่ในอดีตนั้นน่าสะพรึงกลัวเพียงใด ตัวนางในตอนนี้ไม่มีทางบรรลุสิ่งนี้ได้แน่
สมุนไพรวิญญาณมากมายถูกปลูกในบริเวณลานแห่งนี้ ทว่านอกเหนือจากไม่กี่ต้น ต้นที่เหลือทั้งหมดก็ล้วนเหี่ยวแห้งไปแล้ว
ในเวลานี้มีสมุนไพรวิญญาณที่ดำรงอยู่เพียงไม่มาก ทว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นสมุนไพรวิญญาณระดับสูงทั้งสิ้น หากถูกพบในโลกภายนอก พวกมันจะถูกขายในราคาสูงลิ่วอย่างแน่นอน
“นอกเหนือจากจ้าวนิกายรุ่นแรกของนิกายหมื่นบุปผาก็ไม่เคยมีผู้ใดเข้ามาที่นี่ได้ ไม่มีทางที่ข้าจะปล่อยให้ใครย่างกรายเข้ามาได้ ทุกสิ่งที่นายหญิงทิ้งไว้ยังคงอยู่ที่นี่และน่าจะช่วยนายหญิงในตอนนี้ได้มากทีเดียว”
แม้กล่าวได้ว่าตอนนี้ดินแดนต้องห้ามเป็นของนิกายหมื่นบุปผา ทว่าบ้านถ้ำแห่งนี้ก็ยังเป็นอาณาเขตส่วนตัวของฉินอวี้โม่ ในเมื่อหมาป่าขาวถูกสั่งให้เฝ้าอยู่ที่นี่ แน่นอนว่ามันก็ไม่มีทางปล่อยให้ผู้ใดเข้ามาแตะต้องสมบัติของผู้เป็นนายได้ นอกเหนือจากจ้าวนิกายรุ่นแรกที่ได้รับอนุญาตจากฉินอวี้โม่ให้เข้ามาที่นี่ได้ ก็ไม่เคยมีผู้ใดจากนิกายที่เข้ามาได้อีกเลย
“ห้องเหล่านั้นคือสถานที่ที่ท่านฝึกยุทธ์ หลอมอุปกรณ์และพักผ่อน ส่วนข้างในนั้นคือสิ่งที่นายหญิงเคยใช้ทั้งสิ้น เชิญเข้าไปตรวจดูได้เลย”
ภายในนั้นมีห้องอยู่ทั้งหมดห้าห้องด้วยกันและหมาป่าขาวก็กล่าวแนะนำห้องแต่ละห้องกับฉินอวี้โม่
ฉินอวี้โม่ก็เรียกเหมียวเจินเจินและจางซือถงออกมาจากคฤหาสน์เฟิงหัวเพื่อให้พวกนางได้ออกชมรอบ ๆ ด้วยตัวเองในขณะที่ตนมุ่งหน้าไปยังห้องที่ใช้ฝึกวิชาพร้อมกับหานโม่ฉือ
ภายในห้องฝึกวิชามีโต๊ะและเก้าอี้นั่งพิงที่ดูเรียบง่าย นอกจากนี้ก็ยังมีตำราหลายเล่มวางอยู่บนโต๊ะซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่มีผู้ใดแตะต้องพวกมันมานาน
อย่างไรก็ตาม ภายในห้องกลับดูสะอาดสะอ้านไร้ที่ติและรอบ ๆ ก็ถูกปกคลุมไปด้วยม่านพลังที่ช่วยปิดกั้นฝุ่นและสิ่งสกปรกทั้งหมด
ฉินอวี้โม่จับมือหานโม่ฉือเดินไปนั่งลงที่โต๊ะและพบว่าตำราตรงหน้าล้วนเป็นตำราของทักษะยุทธ์ระดับสูง ทว่าพวกมันก็เป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ต่อทั้งสองในตอนนี้
ฉินอวี้โม่ไม่รอช้าและหยิบตำราหลายเล่มเก็บเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวเพื่อให้บรรดาอสูรมายาของตนลองศึกษาดูก่อนเดินต่อไปยังห้องอื่น ๆ
ภายในห้องอื่น ๆ นางก็ได้พบกับสิ่งของเบ็ดเตล็ดจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นโอสถระดับสูง อุปกรณ์อาวุธที่หลอมไม่สำเร็จและแร่หายากหลากหลายชนิดที่กระจัดกระจายอยู่รอบ ๆ
“คิดไว้ไม่มีผิด ที่นี่มีแต่ของดี ๆ เต็มไปหมดและก็ถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าในดินแดนมหาเทพ แต่อวี้โม่…ดูเหมือนว่าในอดีตเจ้าจะไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้แม้แต่น้อย”
อวิ๋นซื่อเทียนหยิบแก่นมายาของอสูรที่ไม่ทราบว่าอยู่ในระดับใดขึ้นมาและกล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้าง
แก่นมายานี้มีประโยชน์อย่างมากสำหรับนาง มันสามารถช่วยพัฒนาพลังของระเบิดพลังมายาได้มาก ก่อนหน้านี้นางค้นพบว่าการผสมแก่นมายาของอสูรระดับสูงลงไปในการประดิษฐ์ระเบิดพลังมายาจะสามารถเพิ่มพลังระเบิดของมันได้หลายเท่าตัว ทว่าน่าเสียดายที่แก่นมายาของอสูรระดับสูงมิใช่สิ่งที่จะหาได้ง่าย ๆ
ภายในบ้านถ้ำแห่งนี้มีแก่นมายาระดับสูงอยู่หลายสิบชิ้นซึ่งอวิ๋นซื่อเทียนจะใช้ประโยชน์จากพวกมันได้นานพอสมควร
“ถูกต้อง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของที่นายหญิงไม่ต้องการและด้อยกว่าสมบัติอื่น ๆ ที่นายหญิงในตอนนั้นครอบครองอีกมากนัก”
หมาป่าขาวกล่าวด้วยสีหน้าที่ภาคภูมิใจ ไม่ต้องกล่าวเลยว่าฉินอวี้โม่ในอดีตทรงพลังมากเพียงใด สมบัติทั้งหมดของนางล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าอันดับต้น ๆ ของดินแดนมหาเทพ สิ่งที่ทุกคนพบเห็นตรงหน้าในตอนนี้เทียบไม่ติดฝุ่นเลยด้วยซ้ำ
“แล้วในภายหลัง…สมบัติเหล่านั้นของอวี้โม่ตกไปอยู่ที่ผู้ใดล่ะ ?”
อวิ๋นซื่อเทียนเอ่ยถามอย่างสงสัยใคร่รู้ หากค้นพบสมบัติล้ำค่าของฉินอวี้โม่ในอดีตที่หมาป่าขาวกล่าวว่าทรงพลังยิ่งนัก ความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่จะพัฒนาขึ้นมากอย่างแน่นอน
“บางส่วนถูกเก็บไว้ในสถานที่อื่น ๆ และบางส่วนก็ตกไปอยู่ในมือของสตรีชั่วร้ายนั่น เมื่อความทรงจำของนายหญิงกลับคืนมา เชื่อว่านางจะจดจำได้อย่างแน่นอน”
เนื่องจากหมาป่าขาวทราบถึงหลายสิ่งหลายอย่างที่ฉินอวี้โม่ยังจดจำไม่ได้ มันจึงกล่าวออกมาอย่างคร่าว ๆ
และเมื่อกล่าวถึง ‘สตรีชั่วร้าย’ สีหน้าของหมาป่าก็บิดเบี้ยวเหยเกเล็กน้อยและแววตาแสดงถึงความชิงชังอย่างที่สุด ทว่ามันก็กลับคืนสู่ปกติอย่างรวดเร็ว
ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือสังเกตเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของหมาป่าขาวและหันมองหน้ากันอย่างเข้าใจตรงกัน ทว่าไม่กล่าวสิ่งใดออกมา
ดูเหมือนว่าในความทรงจำที่สูญหายไปของฉินอวี้โม่จะมีศัตรูที่ทรงพลังเป็นอย่างมากอยู่ และศัตรูผู้นั้นก็อาจจะเป็นตัวการหลักที่ทำให้ฉินอวี้โม่ตกเข้าไปสู่วัฏจักรของการเกิดใหม่
หลังจากตรวจดูสิ่งต่าง ๆ ในบ้านถ้ำและเก็บสิ่งที่มีประโยชน์ทั้งหมดลงในคฤหาสน์เฟิงหัว ไม่นานหลังจากนั้น ทุกคนก็ออกจากบ้านถ้ำและกลับไปยังดินแดนต้องห้าม
“สิ่งเหล่านี้คงจะมิใช่สมบัติของนิกายหมื่นบุปผาที่พวกเรากำลังตามหา หมาป่าขาว…ที่นี่ยังมีสิ่งอื่นใดซ่อนไว้รึไม่ ?”
สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งของที่ฉินอวี้โม่เคยใช้เมื่อครั้งอดีตและพวกมันมิใช่สมบัติของนิกายหมื่นบุปผาที่พวกนางกำลังตามหา
ในเมื่อหอผู้อาวุโสมอบหมายภารกิจนี้มา ที่นี่ก็น่าจะมีสมบัติของนิกายหมื่นบุปผาอยู่จริง
แม้ว่าฮวาหรงจะตั้งใจส่งพวกนางเข้ามาที่นี่เพื่อเผชิญกับอันตราย ทว่าก็เป็นไปไม่ได้ที่นางจะจัดตั้งภารกิจนี้ขึ้นมาโดยที่ไร้มูลเหตุข้อเท็จจริง
ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว พวกนางก็จะตามหาสมบัติของนิกายหมื่นบุปผาให้พบอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนก็มีโอกาสได้รับรางวัลถึงหนึ่งพันแต้มจากภารกิจนี้ ไม่มีทางที่พวกนางจะยอมปล่อยให้โอกาสนี้สูญเปล่าไป ในเมื่อฮวาหรงต้องการที่จะทำร้ายพวกนาง เพราะฉะนั้นพวกนางก็ควรที่จะทำให้ฝั่งขวาของอีกฝ่ายต้องเสียฮูหยินเสียซ้ำขุนศึกอย่างสาสม
* 了夫人又折兵 เสียฮูหยินเสียซ้ำขุนศึก ความหมายคือ การสูญเสียซ้ำสองอย่างในครั้งเดียว
“ยังมีสมบัติอื่น ๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วทั้งดินแดนต้องห้ามนี้ ข้าจะพานายหญิงไปตามหาพวกมันเอง”
หมาป่าขาวครุ่นคิดครู่หนึ่งและนึกถึงตำแหน่งที่ควรจะมีสมบัติอยู่
ภายในดินแดนต้องห้ามแห่งนี้ สิ่งที่อันตรายที่สุดน่าจะเป็นข่ายอาคมมายาที่ฉินอวี้โม่ทิ้งไว้ในอดีต ทว่าในตอนนี้ข่ายอาคมดังกล่าวก็ถูกทำลายไปแล้ว แม้ที่อื่นจะยังพอมีความอันตรายอยู่บ้าง ทว่าด้วยความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่ นางจะสามารถรับมือกับพวกมันได้อย่างไม่เป็นปัญหา
ตลอดสิบวันต่อมา ฉินอวี้โม่และทุกคนก็ออกสำรวจไปทั่วดินแดนต้องห้ามเพื่อตามหาสมบัติที่หายไปของนิกายหมื่นบุปผา
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ แม้ว่าฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ จะได้ครอบครองสิ่งล้ำค่ามามากมาย ทว่าฉินอวี้โม่ก็คิดว่าสิ่งเหล่านั้นมิใช่สมบัติที่นางกำลังตามหา
แม้ไม่ทราบว่าสมบัติล้ำค่าของนิกายหมื่นบุปผาคือสิ่งใด มันก็น่าจะมิใช่สิ่งที่พบได้ทั่วไป
ทุกอย่างที่พวกนางค้นพบก่อนหน้านี้ล้ำค่าก็จริง ทว่าพวกมันเป็นสิ่งที่สามารถหาซื้อได้ในดินแดนมหาเทพ
ไม่ว่าจะเป็นโอสถระดับสูง แร่หายาก แก่นหินวิญญาณ…
ต่อให้ฉินอวี้โม่และสหายจะทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จ การเดินทางมาที่ดินแดนต้องห้ามของพวกนางในครานี้ก็ถือว่าคุ้มค่าไม่น้อย
“นายหญิง ข้างหน้าเราคือสถานที่สุดท้ายที่ข้าสัมผัสได้ว่ามีสมบัติอยู่”
หมาป่าขาวชี้ไปยังหน้าผาเบื้องหน้าและกล่าวออกมา