บทที่ 1334 ทักษะศพเทพ

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

“กราบศพเทพสามครั้ง**!”**

เมื่อเสียงแหบแห้งของซือเทียนโยวดังสะท้อน ทั่วบริเวณก็มืดลงพร้อมกับเสียงฮึ่มฮั่มปกคลุมท้องฟ้า ทำให้ผู้อื่นรู้สึกหวาดกลัวไปหมด

สายตาของมู่เฉินเคร่งเครียดลง ความกลัวเพิ่มขึ้นในหัวใจ กระทั่งเขายังรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายความตายจากการโจมตีของซือเทียนโยวครั้งนี้

ถ้าเขาตอบโต้ได้ไม่ดีละก็ คงต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่แน่เลย

“เผ่าปีศาจแปลกประหลาดแท้จริง”

มู่เฉินสูดหายใจลึก ก่อนที่มือทั้งสองจะประสานกัน แสงสีม่วงทองรวมตัวกันในร่างเทพสุริยะนิรันดร์พร้อมกับลวดลายโบราณปรากฏขึ้น

ลวดลายเหล่านี้แยกออกมาจากร่าง ซึ่งราวกับมังกรสีม่วงทองโคจรรอบร่างเทพสุริยะนิรันดร์ เปล่งความเป็นอมตะ

สายตาทั่วฟ้าดินพุ่งไปยังแท่นบูชา พวกเขารู้ชัดเจนว่ากระบวนท่านี้จะเป็นตัวตัดสินผลลัพธ์ของสนามรบทั้งหมด

ดวงตาขาวโพลนน่าขนพองสยองเกล้าของซือเทียนโยวจ้องมองมู่เฉิน ก่อนที่รอยยิ้มโหดจะโค้งขึ้นบนริมฝีปาก จากนั้นเขาก็คุกเข่าไปในทิศทางของมู่เฉิน

“กราบศพเทพสามครั้ง คำนับหนึ่ง—ถอนชีวิต!”

ขณะที่ซือเทียนโยวคุกเข่า ร่างยักษ์ที่อยู่ด้านหลังก็ก้มศีรษะลงไปในทิศทางของมู่เฉิน

จังหวะที่ร่างยักษ์ลดศีรษะลง รัศมีความตายที่ไม่อาจอธิบายได้ก็พุ่งออกมาราวกับพายุ ในเส้นทางรัศมี พลังชีวิตทั้งหมดถูกแย่งชิงไปหมด

แม้แต่ชั้นฟ้าและชั้นดินก็เปลี่ยนเป็นสีเทาดำ ไม่มีชีวิตชีวาอีกต่อไป

ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธ์มหาพันภพหรือเผ่าปีศาจต่างมิติ แต่ละคนก็เริ่มถอยหนีเมื่อเห็นรัศมีความตายที่แผ่กระจายออกไปพร้อมกับความกลัวเพิ่มขึ้นในดวงตา

บางคนที่หนีช้าได้รับผลกระทบจากรัศมี พวกเขาไม่มีเวลาแม้แต่กรีดร้อง ก่อนที่ร่างกายจะกลายเป็นโครงกระดูกทันที

ชิงซวงและชิงหลิงถอยกลับอย่างรวดเร็ว ความตกใจกลัวพล่านในแววตา พวกนางไม่เคยคิดมาก่อนว่าการโจมตีของซือเทียนโยวจะน่ากลัวขนาดนี้

การโจมตีดังกล่าวสามารถเทียบได้กับวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยมแท้จริงในมหาพันภพได้เลยทีเดียว!

เมื่อพวกนางมองไปที่มู่เฉิน ดวงตาก็กะพริบด้วยความกังวล ขนาดพวกนางที่โดนแค่คลื่นกระทบปลายๆ ยังอยู่ในสภาพเช่นนี้จากรัศมีความตาย ดังนั้นสามารถจินตนาการได้ว่ามู่เฉินกดดันแค่ไหน

“มู่เฉิน สู้ๆ นะ!”

เวลานี้พวกนางทำได้เพียงภาวนาในใจ

ขณะที่ทุกคนถอยร่นหนี รัศมีความตายก็กวาดเข้ามาที่เบื้องหน้ามู่เฉิน ภายใต้การห่อหุ้มของรัศมีความตายผิวของมู่เฉินก็เปลี่ยนเป็นสีเทาขี้เถ้าอย่างรวดเร็ว เนื้อเริ่มแห้ง พลังชีวิตหมดลงอย่างรวดเร็ว

ไม่ว่าเขาจะพยายามปกป้องตัวเองด้วยคลื่นหลิงอย่างไร ก็ไม่สามารถต่อต้านการรุกรานของรัศมีแห่งความตายได้

ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียดลง ด้วยความเร็วนี้คงใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก่อนที่พลังชีวิตทั้งหมดของเขาจะหมดลง

การโจมตีของซือเทียนโยวน่าสยดสยองจริงๆ!

ฮา

ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ มู่เฉินก็สูดหายใจเข้าลึก แสงกะพริบวูบไหวในดวงตาก่อนที่เขาจะคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ที่อยู่ใต้เท้าก็ระเบิดแสงสีม่วงทองกว้างใหญ่นับไม่ถ้วน

“ศพเทพของแกช่วงชิงชีวิตได้ แต่ข้าก็ได้รับการปกป้องจากความเป็นอมตะ!”

รหัสเทพอมตะครางกระหึ่ม ห่อหุ้มร่างมู่เฉินไว้ เมื่อมองจากระยะไกลก็ราวกับก่อตัวเป็นรังไหมสีม่วงทองปกป้องมู่เฉินจากภายใน

แม้โลกจะถึงจุดจบ แต่ข้าก็เป็นอมตะ!

แกจะช่วงชิงพลังชีวิตของผู้เป็นอมตะได้อย่างไร?

รัศมีความตายสีเทาดำกวาดไปที่รังไหมสีม่วงทองอย่างต่อเนื่อง แต่รังไหมก็ตั้งมั่นคงราวกับศิลา

“เขาสกัดไว้ได้จริงๆ!”

เมื่อจอมยุทธ์เผ่าปีศาจเห็นภาพนี้ก็อุทานลั่น พวกเขารู้ชัดเจนว่ากระบวนท่านี้ทรงพลังเพียงใด จอมยุทธ์ที่อยู่ภายใต้ระดับราชันปีศาจที่ถูกคำนับพลังชีวิตจะถูกแย่งชิงกลายเป็นซากศพทันที

ต่อให้เป็นพวกเขาก็มีแต่ความตายเท่านั้นที่รออยู่!

ทว่ามู่เฉินกลับสามารถต้านทานการคำนับได้จริงๆ จะไม่ให้พวกเขารู้สึกไม่อยากเชื่อได้อย่างไร

สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไป ซือเทียนโยวก็หดดวงตาลง สถานการณ์นี้เกินความคาดหมายของเขาเช่นกัน ตอนแรกเขาคิดว่าแค่ใช้เพียงหนึ่งคำนับก็ยุติการต่อสู้นี้ได้แล้ว

แต่ความทนถึกของมู่เฉินเกินความคาดหมายของเขาจริงๆ!

“ไอ้ตัวปัญหา แต่ยังไงวันนี้แกก็ต้องตาย!”

แสงเย็นเยือกรวมตัวในดวงตาของซือเทียนโยว อึดใจร่างเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวพร้อมกับพลังชีวิตทั้งหมดในร่างหลั่งไหลเข้าไปในรัศมีศพที่น่ากลัว

“คำนับสอง—กลืนวิญญาณ!”

ซือเทียนโยวเงยหน้าขึ้น คำนับครั้งที่สองไปในทิศทางของมู่เฉิน

ร่างยักษ์ที่อยู่ด้านหลังก็คำนับลง อึดใจต่อมาแสงสีเทาขนาดหลายจั้งก็พุ่งออกมาจากดวงตาของร่างยักษ์

แสงสีเทาฉีกขาดมิติปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้ามู่เฉินในทันที

มู่เฉินเตรียมพร้อมไว้แล้ว รหัสเทพอมตะระเบิดออกก่อนที่จะรวมกันก่อร่างเป็นแนวป้องกันแข็งแกร่ง ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าลำแสงสีเทา

แม้ว่าลำแสงนั่นจะไม่ได้ดูยิ่งใหญ่เหมือนก่อนหน้า แต่มู่เฉินกลับสัมผัสได้ถึงรัศมีความตายที่หนาแน่นยิ่งกว่า เขาไม่สงสัยเลยว่าหากโดนลำแสงนั่นสัมผัสเข้า เขาจะสิ้นชีพทันที

ชี่!

ทว่าครั้งนี้รหัสเทพอมตะพังทลายลงทันทีเมื่อสัมผัสกับลำแสงสีเทา แนวป้องกันทรงพลังไม่สามารถสกัดไว้ได้!

ร่างมู่เฉินทะยานถอยห่างอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกันรหัสเทพอมตะที่ไม่มีที่สิ้นสุดก่อตัวขึ้น พวกมันบินเข้าหาลำแสงสีเทาพยายามที่จะทำให้หมดลงให้มากที่สุด

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับปราการของมู่เฉิน ลำแสงสีเทาก็ไม่มีทีท่าว่าหมดลงแม้แต่ชุ่นเดียว!

“ค่ายกลเพลิงทะยาน!”

ค่ายกลที่เขาจัดเตรียมไว้ถูกกระตุ้นทันที ร่างยักษ์เพลิงขนาดมหึมาปรากฏตัวขึ้น แต่เมื่อหมัดสัมผัสกับลำแสงสีเทาก็สลายหายไปในทันที

เมื่อจอมยุทธ์มหาพันภพเห็นว่ากระบวนท่าของมู่เฉินไม่สามารถปิดกั้นลำแสงสีเทาได้ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป หนังหัวชาหนึบ

“มู่เฉิน!”

ชิงซวงและชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะกำมือแน่นพร้อมกับใบหน้าซีดเซียวลง

ถอยๆๆๆ!

มู่เฉินถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง แต่ลำแสงสีเทาก็ไล่ตามมาติดๆ มิหนำซ้ำยังเร่งความเร็วมากขึ้น ทำเอาผมลุกชันพร้อมกับความรู้สึกถึงตายห่อหุ้มในหัวใจ

เขาถอยต่อไม่ได้แล้ว!

สายตาของมู่เฉินวูบไหวอึดใจก็ตะโกนเรียก “เจดีย์พุทธะ!”

แสงศักดิ์สิทธิ์ระเบิดออกจากดวงตา เจดีย์ผลึกใสก็ทะยานออกมา

อ็อก!

เขากัดลิ้นเลือดกลั่นไหลออกมาจากปากพ่นลงบนเจดีย์ หลังจากเสียเลือดไปบางส่วนใบหน้าของมู่เฉินก็ซีดลง ชัดว่าสิ่งนี้ทำให้ร่างกายเขาเสียหายพอสมควรเลยทีเดียว

แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถใส่ใจเรื่องนี้ได้ เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่าในลำแสงสีเทามีพลังงานแปลกประหลาดซึ่งสามารถลบล้างสติของเขาได้ในทันที ถ้าเขาสัมผัสกับมันสติก็จะถูกลบ แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็จะไม่ต่างอะไรจากหุ่น

ส่วนเจดีย์พุทธะมีความสามารถในการปิดผนึก ทำให้สติของเขาสงบลงได้อีกครั้ง ดังนั้นเขาต้องพึ่งพามันอย่างเดียวในขณะนี้!

เมื่อเลือดกลั่นของมู่เฉินกระจายลงบนเจดีย์พุทธะ แสงไม่มีที่สิ้นสุดก็ระเบิดออก ความผันผวนศักดิ์สิทธิ์ก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนที่เจดีย์จะทะยานออกไปปะทะกับลำแสงสีเทา

เคร้ง!

ทันทีที่ชนกันเสียงคมชัดก็ดังขึ้น แต่คราวนี้ลำแสงสีเทาที่ไม่สามารถขัดขวางได้ก็หยุดลง หลังจากการปะทะกันสั้นๆ ลำแสงสีเทาก็สั่นสะเทือนก่อนที่จะแตกสลายลง

เจดีย์พุทธะก็ดูราวกับว่าได้รับผลกระทบอย่างหนัก มันพุ่งกลับไปสถิตในดวงตาของมู่เฉิน จากนั้นก็มีเลือดหยดลงมาจากมุมดวงตาจนดูน่ากลัวอย่างยิ่ง

“มันรับไว้ได้อีกแล้ว…”

พวกแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ขณะที่มองมู่เฉินด้วยแววตาหวาดกลัว

ทักษะกราบศพเทพสามครั้ง คำนับหนึ่ง-ถอนชีวิต คำนับสอง-กลืนวิญญาณ พวกเขาไม่เคยได้ยินว่ามีใครที่อยู่ภายใต้ขอบเขตของราชันปีศาจรอดมาได้ถึงสองครั้ง

แต่ภาพนี้ก็เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาแล้ว!

บนแท่นบูชามู่เฉินค่อยๆ เช็ดเลือดออกจากมุมหางตา สีหน้าที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงก็เครียดลงหลายส่วน ผ่านศึกเป็นตายในชีวิตมาหลายครั้ง เขาไม่เคยรู้สึกเดินสู่ปากเหวความตายมาก่อนเหมือนครั้งนี้

ทักษะกราบศพเทพสามครั้งน่ากลัวและทรงพลังเกินไป!

“วิชานี่สามารถเทียบเคียงได้กับวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยมแท้จริงแน่นอน! “

มู่เฉินหายใจเข้าลึก แม้ว่าเขาจะมีวิชาสามพิสุทธิ์ซึ่งเป็นหนึ่งในวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดสามสิบหกกระบวนท่าในตำนาน แต่ร่างรองของเขายุ่งอยู่กับการจัดการกับศพราชันปีศาจ ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือเขาได้ในขณะนี้

ใบหน้าของซือเทียนโยวซีดเซียวขณะจ้องไปที่มู่เฉิน โดยที่ผิวหน้ากระตุกไม่หยุด ก่อนที่เขาจะพูดออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง “นับตั้งแต่ที่ข้าได้ฝึกฝนทักษะศพเทพ ก็ไม่เคยมีใครที่สามารถรับกระบวนท่าคำนับถึงสองครั้ง!”

“ตอนนี้มีแล้ว”

มู่เฉินพูดขณะที่พ่นเลือดออกจากปาก

ซือเทียนโยวเขม่นมองมู่เฉิน ตอนนี้ร่างเขาเหี่ยวแห้งจนเหมือนกับโครงกระดูก แต่ดวงตากลับยิ่งเปลี่ยนไปอย่างผิดปกติ

“ดังนั้นเพื่อแสดงความเคารพกับแกในฐานะคู่ต่อสู้ ข้าจะมอบความตายด้วยการคำนับที่สามให้”

เมื่อเสียงเย็นเยือกของซือเทียนโยวดังออกมา จอมยุทธ์มหาพันภพก็ตัวสั่นสะท้าน มู่เฉินเกือบจะไม่สามารถต้านทานคำนับทั้งสองได้ นี่ยังมีคำนับสามที่น่ากลัวกว่านั้นอีกเรอะ?! มู่เฉินจะรับไหวได้อย่างไร!

ถ้ามู่เฉินล้มเหลว ยังมีใครในที่นี่สามารถหยุดซือเทียนโยวจากการทำลายแท่นบูชาได้?

กระทั่งมั่วซินและเฉวียนหลัวยังเงียบไป หลังจากที่ได้เห็นคำนับทั้งสองแล้ว

ทว่าซือเทียนโยวไม่ได้สนใจความคิดพวกเขา สายตาของเขารวมอยู่ที่มู่เฉิน จากนั้นเนื้อทั้งหมดที่เหลืออยู่ในร่างกายก็หลอมละลายสลายไปเป็นพลังชีวิตก่อนที่จะเทไปที่ศพเทพที่อยู่ข้างหลัง

ยามนี้ซือเทียนโยวไม่ได้ต่างอะไรจากโครงกระดูกไร้เนื้อหนังแล้ว

สายตาจ้องเขม็งไปที่มู่เฉินจากระยะไกล จากนั้นก็หลับตาลดศีรษะลงเพื่อคำนับอีกครั้ง!

เสียงต่ำดังสะท้อนออกมาทั่วบริเวณ ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าหนังหัวด้านชาไปหมด

“คำนับสาม—ทำลายล้างสรรพสิ่ง!”