บทที่ 1335 ดอกบัวอมตะ

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

“คำนับสาม ทำลายล้างสรรพสิ่ง**!”**

เมื่อเสียงของซือเทียนโยวดังขึ้น ทั่วบริเวณก็หยุดนิ่ง พายุป่าเถื่อนหายไป คลื่นหลิงระหว่างฟ้าดินชะงักลง ทุกสรรพสิ่งถูกลบออกไป

เนื่องจากร่างยักษ์ที่อยู่เบื้องหลังซือเทียนโยวลดศีรษะลงแล้ว

จังหวะที่ศีรษะโน้มลง มิตินับแสนจั้งก็เริ่มยุบ สะเก็ดมิติร่วงกราวลงมาราวกับสายฝน

รอยแตกพล่านออกไปบนพื้น ขยายขนาดไปทุกทิศทาง

เมื่อทุกคนเห็นฉากนี้ พวกเขาก็เริ่มถอยหนีกันจ้าละหวั่น ความตกใจหวาดหวั่นปกคลุมใบหน้า พวกเขาไม่เคยคิดว่าคำนับสามจะน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้

ชิงซวงและชิงหลิงก็ถอยออกไปเช่นกัน ขณะที่มองไปที่แท่นบูชาด้วยใบหน้าซีดขาว ยามนี้ร่างเงาของมู่เฉินช่างเปราะบางยิ่งนัก

ขณะที่ทุกคนหนี มีเพียงเขาที่ยืนอยู่โดยไม่ขยับ ไม่คำนึงถึงหายนะที่กำลังเผชิญอยู่

พวกนางอยากช่วยมู่เฉิน แต่ก็รู้ดีว่าไม่สามารถเข้าไปแทรกการต่อสู้ครั้งนี้ได้ด้วยกำลังที่มี ไม่เพียงแต่พวกนาง แม้แต่มั่วซินและเฉวียนหลัวก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่งในการต่อสู้นี้เช่นกัน

การต่อสู้ระหว่างมู่เฉินและซือเทียนโยวมาถึงจุดสุดยอดใต้ระดับเทียนจื้อจุนแล้ว!

แม้ว่ามั่วซินและเฉวียนหลัวจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มระยะปลายสุดและครอบครองวิทยายุทธเสมือนระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยม แต่ก็ยังมีช่องว่างขนาดใหญ่กับทักษะศพเทพ

หากต้องการปะทะกับทักษะศพเทพละก็ จะต้องใช้วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยมแท้จริงอย่างเดียว!

ทว่าวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยมเป็นของจอมยุทธ์เทียนจื้อจุน แม้ว่าพรสวรรค์ของพวกเขาจะโดดเด่น แต่ก็ยังไม่สามารถฝึกฝนได้

มั่วซินและเฉวียนหลัวมองไปในระยะไกลด้วยความขนพองสยองเกล้าพร้อมกับไอสังหารกะพริบอยู่ในดวงตา

ทั้งคู่ประเมินความแข็งแกร่งของมู่เฉินต่ำไป ตอนแรกพวกเขาคิดว่าคงใช้เวลาไม่มากในการจับกุมอีกฝ่าย แต่จากพลังที่มู่เฉินแสดงออกมา ทำให้พวกเขาดูไร้เดียงสาไปเลย

“แต่มันจะต้องตายที่นี่วันนี้อย่างแน่นอน ส่วนซือเทียนโยวก็ต้องจ่ายแพงระยับด้วยทักษะกราบศพเทพสามครั้ง เมื่อถึงเวลานั้นเราค่อยฉวยโอกาส!”

ทั้งสองคนตกลงกันทางสายตา

เห็นได้ชัดว่าหลังจากได้เห็นพลังของมู่เฉิน พวกเขาก็ไม่มีความมั่นใจที่จะจัดการกับมู่เฉินตามลำพังอีกต่อไป ดังนั้นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดก็คือร่วมมือกัน

เมื่อจอมยุทธ์ทั้งสองฝ่ายถอยออกจากแท่นบูชา มู่เฉินก็ยืนอยู่ท่ามกลางความกดดันเชี่ยวกรากพร้อมกับความมืดปกคลุมดวงตา ราวกับว่าเขาอยู่ในดินแดนแห่งความตาย

มากจนแม้แต่คลื่นหลิงทั่วบริเวณนี้ยังเหมือนเป็นบ่อโคลนความตายไปแล้วในขณะนี้ ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถดูดซับได้

มิติพังทลายลงที่เบื้องหน้า สถานที่ทั้งหมดเต็มไปด้วยความมืด ฉากที่คลื่นหลิงหยุดนิ่งลงให้ความรู้สึกราวกับว่าวันพิพากษาโลกมาถึงแล้ว

หวือ หวือ!

ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียดไป ขณะที่มองพายุเฮอริเคนสีดำที่ส่งกลิ่นคาวจากซากศพคละคลุ้ง

เมื่อพายุเฮอริเคนกวาดตัวก็ทำลายสรรพชีวิต พลังชีวิตที่เบื้องหน้าถูกระบายออกไปจนหมด

มู่เฉินยืนอยู่บนร่างเทพสุริยะนิรันดร์ เขามองพายุเฮอริเคนสีดำที่กำลังส่งเสียงหวีดหวิว เมื่อสัมผัสได้ถึงรัศมีแห่งการทำลายล้างก็ค่อยๆ กำมือ เส้นเลือดถึงกับเต้นตุบตับเลยทีเดียว

แม้แต่เขาก็ต้องยอมรับวิชากราบศพเทพสามครั้งทรงพลังเกินไป จนกระทั่งเขายังรู้สึกหวาดกลัว

เขาไม่สงสัยเลยว่าความผิดพลาดเสี้ยวเดียวก็ส่งผลให้ถึงชีวิต

“ในเมื่อข้าถูกบีบให้มาถึงจุดนี้แล้ว งั้นก็มาเสี่ยงกันเลยดีกว่า”

มู่เฉินหายใจเข้าลึก ในเส้นทางแห่งความสิ้นหวัง ท่าทางของเขากลับค่อยๆ สงบลง แม้กระทั่งดวงตาก็ปิดลง

เขาแบมือทั้งสองออก ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าก็เปล่งลำแสงสีม่วงทองนับล้าน ทุกเส้นสายบรรจุด้วยรัศมีอมตะ

หวือ หวือ!

พายุเฮอริเคนสีดำครางกระหึ่ม ในฟ้าดินที่มืดมนมีเพียงร่างสีม่วงทองยืนอยู่อย่างเงียบๆ ประหนึ่งภูผาไม่เคลื่อนย้าย

เมื่อพายุเฮอริเคนกำลังจะเข้ามาปกคลุม เสียงทุ้มต่ำก็ดังออกมาจากปากมู่เฉิน

“ทักษะเทห์สวรรค์—ดอกบัวอมตะ!”

ฮึ่ม ฮึ่ม!

ลำแสงสีม่วงทองนับล้านระเบิดออก ดอกบัวค่อยๆ ผุดขึ้นมาจากแสงโชติช่วงพร้อมกับลวดลายโบราณสลักอยู่ ทุกดอกดูราวกับเป็นรูปธรรม อัดแน่นด้วยวิถีแห่งเต๋า

ดอกบัวหมุนคว้างพร้อมกับกลีบดอกลู่ลง เมื่อพายุเฮอริเคนสีดำพัดเข้ามา ดอกบัวก็ได้ปกคลุมร่างเทพสุริยะนิรันดร์แล้ว

ชี่ ชี่!

อึดใจต่อมาพายุก็กวาดเข้ามาห่อหุ้มดอกบัวไว้

ทั่วบริเวณปกคลุมไปด้วยความมืดมิด

ไกลออกไป จอมยุทธ์ทั้งสองฝ่ายหยุดอยู่ที่ขอบแห่งความมืด แต่ละคนชะเง้อมองด้วยความหวาดกลัว ไม่มีพลังชีวิตอยู่ในนั้นเลย

เฮือก

จอมยุทธ์มหาพันภพถึงกับกลืนน้ำลายด้วยความสิ้นหวังด้วยใบหน้าซีดเซียว ประจันหน้ากับซือเทียนโยวที่ทรงพลังเพียงนี้ พวกเขาก็ไม่สามารถรวบรวมความกล้าที่จะสู้ต่อได้แล้ว

“ในที่สุดไอ้เวรนั่นก็ตาย!”

จอมยุทธ์เผ่าเหยียนหมัวและเตาหมัวปาดเหงื่อออก ขณะที่พูดออกมาด้วยความขนพองสยองเกล้า

ไม่มีใครคาดคิดว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายจะจัดการยากเย็นขนาดนี้ กระทั่งคนที่ทรงอำนาจอย่างซือเทียนโยวยังต้องงัดกลยุทธ์สุดยอดออกมา

แต่เมื่อซือเทียนโยวออกกระบวนท่าที่สาม พวกเขาก็รู้ว่ามู่เฉินตายแน่

เนื่องจากไม่เคยมีใครรอดชีวิตจากทักษะศพเทพคำนับสามไปได้

“พี่ใหญ่ชิงซวง… มู่เฉินเป็นยังไงบ้าง?” ชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะกำมือแน่น ขณะที่ถามอย่างร้อนใจ

ชิงซวงส่ายหน้าเงียบๆ แต่ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ

หลังจากที่ได้เห็นคำนับสามแห่งการทำลายล้าง ตัวนางก็ยังไม่เชื่อว่ามู่เฉินจะรักษาชีวิตไว้ได้

“เตรียมถอย” ชิงซวงเอ่ยขึ้น ถ้ามู่เฉินตายจริงๆ พวกนางจะเสียโอกาสทั้งหมด ในเวลานั้นจะต้องรีบมุ่งหน้าออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ทำลายเครื่องรางที่ผู้อาวุโสมอบให้เพื่อออกจากแดนเซิ่งยวนโบราณนี้

เมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว ใบหน้าของชิงหลิงก็อดไม่ได้ที่จะซีดลง

“หืม?”

ขณะที่ขวัญกำลังใจของจอมยุทธ์มหาพันภพดิ่งลงก็มีเสียงร้องอุทานขึ้น “มีแสงสีทองอยู่ตรงนั้น!”

ขวับ!

ทุกคนหันขวับจ้องไปในโลกแห่งความมืดด้วยความไม่เชื่อ ริ้วแสงสีม่วงทองมาบรรจบกันในส่วนลึกของความมืด

แสงสีม่วงทองค่อยๆ สว่างขึ้นในเวลาไม่กี่อึดใจก็ขยายออก ทุกคนสามารถมองเห็นดอกบัวตูมเผยตัวเงียบๆ ในความมืด

แม้พื้นผิวดอกจะถูกปกคลุมไปด้วยจุดด่างดำ แต่ก็ไม่มีร่องรอยของการแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

ฮึ่ม ฮึ่ม!

เกลียวแสงสีม่วงทองไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งออกมาจากเกสรดอกขับไล่ความมืดมิด ขณะเดียวกันดอกบัวก็เบ่งบาน ร่างสีม่วงทองขนาดใหญ่ปรากฏต่อหน้าทุกคน

ภาพเงาสูงโปร่งยืนตระหง่านอยู่บนไหล่ร่างยักษ์

“นั่น…มู่เฉิน?!” จอมยุทธ์มหาพันภพต่างตกตะลึง สายตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

ส่วนจอมยุทธ์เผ่าปีศาจก็มองภาพเงานั้นด้วยความครั่นคร้าม ขณะที่พึมพำ “เป็นไปได้ยังไง?”

“เป็นไปได้ยังไง?!” มั่วซินและเฉวียนหลัวหน้าแข็งค้าง

“เป็นไปได้ยังไง?!” ร่างโครงกระดูกของซือเทียนโยวบนแท่นบูชาก็ตกตะลึงไป ความคิดของเขาหยุดชะงักลงเลยทีเดียว

มู่เฉินยืนอยู่บนไหล่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองแสงสีทองที่กระจายออก แม้แต่ร่างกายที่เกร็งแน่นก็คลายตัวลง

“ดอกบัวอมตะ… การป้องกันที่ทรงพลังที่สุดที่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์”

มู่เฉินก้มมองไปที่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ เขาไม่เคยคิดว่าพลังของทักษะเทห์สวรรค์ขั้นที่สองจะทรงพลังขนาดนี้

มู่เฉินถอนหายใจในใจ ก่อนที่จะเงยหน้าสายตาจ้องมองไปยังซือเทียนโยวที่ตะลึงงัน

ปัง!

ร่างยักษ์ที่ยืนอยู่ด้านหลังซือเทียนโยวก็ถึงขีดสุดและพังทลายลง

อ็อก!

เลือดหนึ่งคำหนึ่งพ่นออกมาจากปากของซือเทียนโยว เลือดนี้มีสีดำเต็มไปด้วยกลิ่นอายความตายขณะนี้ไม่มีพลังชีวิตใดๆ ในร่างกายของเขาอีกต่อไป ชัดว่าเขายืนบนขอบแห่งความตาย

นี่คือราคาที่ต้องจ่ายทักษะกราบศพเทพ

“แกแพ้แล้ว”

มู่เฉินมองไปที่ซือเทียนโยวขณะพูดออกมา ตอนนี้ซือเทียนโยวสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ทั้งหมดไปแล้ว

เมื่อได้ยินเสียงของมู่เฉิน ดวงตาว่างเปล่าของซือเทียนโยวก็ฟื้นขึ้นพลางจ้องเขม็งไปที่มู่เฉิน ก่อนจะเผยรอยยิ้มน่าขนลุก “แกคิดว่าชนะเหรอ? หยุดฝันเฟื่องไปเลย!”

“ศพราชัน ระเบิด!”

เขาคำรามลั่น ริ้วสีดำแยกออกจากมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่มาถึงเหนือแท่นบูชา ร่างแห้งกรังก็ระเบิดแสงปีศาจไม่มีที่สิ้นสุดออกมาก่อนที่จะระเบิด

ดวงตาของมู่เฉินหดเกร็งลงกับภาพนี้ ไอ้บ้านั่นถึงกับระเบิดศพราชันปีศาจเลย มันคิดจะทำอะไร?!